“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ฟุตบอลลีก 18 สมัย แต่ไม่เคยถึงจุดสูงสุดเลยนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา...
กุนซือที่ทำให้ทีมมีโอกาส“เข้าใกล้”มากที่สุดนับตั้งแต่การครองความเป็นหนึ่งในประเทศครั้งนั้น ก็คือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในปี 2014
ร็อดเจอร์ส เข้ามาทำงานแอนฟิลด์ต่อจากเคนนี่ “เดอะ คิง” ดัลกลิช ที่ขันอาสามาช่วยทีม พร้อมกับนำทัพเข้าชิงบอลถ้วยสองรายการติดๆ และได้แชมป์ลีกคัพมาครอง
จากนั้นมีการค้นหากุนซือคนใหม่ ภาพของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เดินเคียงข้างกับ จอห์น ดับเบิลยูเฮนรี่ ที่อเมริกา ทำให้ทุกคนคาดกันว่า น่าจะจบที่กุนซือชาวสเปนคนนี้ แต่สุดท้ายกลายเป็น ร็อดเจอร์สที่มาแรงแซงโค้งเบียดเข้าป้ายมาทำทีม ในซัมเมอร์ปี 2012
กระทั่ง ร็อดเจอร์ส ทำทีมมาใกล้เคียงกับความสำเร็จ เสียงเชียร์ We gone win the league เริ่มดังขึ้นกับ Inches from Glory PremierLeague
นับจากการได้แชมป์ปี 1990 เป็นต้นมา ถือว่าซีซั่น 2013-14 ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว มีโอกาสมากกว่าสมัย ราฟา เบนิเตซ ปี 2009 รวมไปถึงปี 2002 ของ เชราร์ อุลลิเย่ร์
ในวันนั้น 27 เมษายน 2014 ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์เมื่อ ลิเวอร์พูล ที่ไม่ได้แชมป์มานานถึง 24 ปี มีโอกาสลุ้นแชมป์แบบเต็มที่ บัตรเข้าชมราคาพุ่งกระฉูดไปถึง 1,800 ปอนด์ ซึ่งเวลานั้นทะลุไปใบละเกือบ 1 แสนบาท ทั้งที่ต้นขั้วแค่ 55 ปอนด์เท่านั้น
ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 0-2 จากความผิดพลาดส่วนบุคคลทั้งสองลูก โดยเฉพาะที่ติดตาก็คือ ความผิดพลาดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จนถูก“บูลลี่”จนกระทั่งทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม ที่มาของความผิดพลาด“ทั้งแผน”ก็คือ เกิดจากความร้อนรนและเร่งรีบในแผนของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ “ไม่นิ่งพอ” กับการลุ้นแชมป์ ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่า อยากจะเช็คบิลให้มันจบ เลยสั่งให้เล่นรุกแบบไม่ลืมหูลืมตา
หลังจบเกม ลิเวอร์พูล เตะ 36 มี 80 แต้ม ประตูได้เสีย บวก 50 โดยที่ เชลซี ขยับมาอยู่ที่ 2 เตะ 36 มี 78 แต้ม และแมนฯซิตี้ เตะน้อยกว่า 1 นัด มี 77 แต้ม แต่ประตูได้เสียบวก 58 ดีกว่าหงส์ถึง 8 ลูก
เป็นเหตุให้ ร็อดเจอร์ส สั่งให้ลูกทีมบุกเป็นบ้าเป็นหลังในเกมกับ พาเลซ แม้ว่าจะออกนำไปแล้ว 3-0 ก่อนจะโดนตีเสมอ แล้วพลาดแชมป์ที่รอคอย
ร็อดเจอร์ส ครั้งนั้นเมาหมัด เมื่อเจอกับ สงครามจิตวิทยาของลูกพี่เก่าอย่างโชเซ่ มูรินโญ่ ที่เล่นงาน ลิเวอร์พูล จนเป๋ตั้งแต่ก่อนเกม, ระหว่างเกม, ท้ายเกม และจบเกม
การให้สัมภาษณ์เพื่อกดดัน ร็อดเจอร์ส และนักเตะหงส์แดง ว่าจะใช้นักเตะสำรองลงเล่น ก่อนจะเลือกทำจริงๆ ซึ่งการเก็บตัวมีเหตุผลน้อยกว่าการยั่วโกรธา ต่อด้วยการออกมาป่วนนักเตะหงส์ช่วงที่บอลออกข้าง, วิ่งดีใจกับแฟนบอลตัวเองทั้งที่เกมนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร
ความพ่ายแพ้หนนั้นเป็นบาดแผลลึก และเป็นรอยแผลเป็นให้กับ ร็อดเจอร์ส ในการคุมทัพ“หงส์แดง”
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ซีซั่นต่อมาเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ อำลาทีม ร็อดเจอร์ส ก็ทำทีมไม่เป็นสับปะรด แม้จะใช้งบประมาณไปถึง 117 ล้านปอนด์ แม้จะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศบอลถ้วยทั้งสองรายการ แต่ตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก
ร้ายแรงที่สุดก็คือ แฟนบอลมองว่า เขามีส่วนสำคัญในการ“กำจัด” สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมขวัญใจมหาชน และแดเนี่ยล แอ๊คเกอร์ รองกัปตัน ออกไปจากทีม
เหตุผลแบบแฟร์ๆ ก็คือความผิดพลาดในสนาม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อทั้งสองคน
แอ๊กเกอร์ มีปากเสียงในห้องแต่งตัว และถูกถอดหลังจากเกมผ่านไป 12 นาทีครึ่งหลังในเกมกับ สวอนซี ซิตี้ เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2014 จนย้ายทีมในซัมเมอร์นั้น
เจอร์ราร์ด ถูกจับเล่นจนมั่วซั่วไปหมด นับจากที่เขาประกาศอำลาแอนฟิลด์ในเดือนมกราคม 2015 โดยเฉพาะรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ กับ วิลล่า ที่ถูกจับย้ายไปมาถึง 4 ครั้งในเกมเดียว
เหมือนกับแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว เจอร์ราร์ด เล่นไม่ได้แล้วหรืออย่างไร?!?.....
บาดแผลถูกเปิดเมื่อ แอ๊กเกอร์ ให้สัมภาษณ์ย้ำว่ามีปัญหากันจริงเมื่อปี 2016 และเจอร์ราร์ด ได้เขียนบอกเป็นนัยๆ เอาไว้ในหนังสือของเขาเมื่อปี 2015
การกลับมาเยือนถิ่นแอนฟิลด์ครั้งแรก นับตั้งแต่จบเกมเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 เมื่อ 4 ตุลาคม 2015 ทำให้เขาถูกปลดจากการคุมทีมชนะหนเดียวจาก 9 เกม และไม่แปลกที่คุณจะได้เห็นทุกสิ่งเกิดขึ้นกับเขาในวันเสาร์นี้
ทั้งการต้อนรับอันยอดเยี่ยม หรือจะมีเสียงโห่บ้างประดามี
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนีไม่ออก!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี