นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กับ ดร.ก้องศักดิ ยอดมณี และ คณะกรรมการจัดการแข่งขันรวมทั้งผู้สนับสนุนการแข่งขันโมโตจีพี พีทีทีไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ร่วมถ่ายภาพก่อนการแข่งขันในวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา
ภาพการฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 8 อย่างยิ่งใหญ่ของ มาร์ค มาร์เกวซ นักบิดชาวสแปนิช ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ถูกตีแผ่ออกไปสู่สายตาแฟนความเร็วทั่วโลกกว่า 800 ล้านคู่ เป็นการนำเสนอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าภาพ “โมโตจีพี” ครั้งที่ 2 ในเมืองไทยขณะที่ตัวเลขด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้เข้าชม 226,655 คน สูงกว่าปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ภายใต้ฝีมือคนไทยไม่เพียงนำไปสู่ความสำเร็จในด้านมอเตอร์สปอร์ต แต่บ่งชี้ถึงการนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของไทย
การลงทุนในกีฬามอเตอร์สปอร์ต แม้จะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับอีเว้นท์กีฬาประเภทอื่นๆ โดยค่าลิขสิทธิ์ของ โมโตจีพี นั้นตกอยู่ปีละราว 300 กว่าล้านบาท แต่เพื่อแลกกับการนำพาประเทศให้ก้าวขึ้นไปทัดเทียมกับแถวหน้า จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดๆ จากการประเมินเบื้องต้นของ “กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
และกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าตัวเลขจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันศึกโมโตจีพี สนามที่ 15 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งหมด3 วัน ระหว่าง 4-6 ต.ค. 2019 มีจำนวน 226,655 คนเพิ่มขึ้น 4,120 คน จากปีที่แล้ว หรือคิดเป็นร้อยละ 1.85
เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า“ในแง่ของการจัดการแข่งขันสำหรับผม ปีที่แล้วเป็นปีที่พิสูจน์ว่า ประเทศไทย คนไทย สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นเวิลด์ อีเว้นท์ ได้ ส่วนในปีนี้มันไม่ใช่แค่เราทำได้ แต่เราทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ “ผมเชื่อว่าแฟนๆ ที่มาที่สนามได้เห็นความเปลี่ยนแปลง และความพร้อมที่แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างมหาศาลทั้งในเรื่องของการจัดชัตเติล การรับส่งคน เรื่องของการจัดสแตนด์เชียร์ต่างๆ ซึ่งสำหรับผมเองตั้งเป้าเอาไว้ว่าปีหน้าจะไม่ทำให้มันเป็นแค่การจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่มันสำเร็จ แต่ผมอยากจะทำให้มันเป็นโมโตจีพี ที่คนมีความสุขมันหมายความว่า จะไม่มีสนามไหนที่มีการแข่งขันที่มีความสุขสำหรับแฟนโมโตจีพีมากเท่ากับที่สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย นั่นคือเป้าหมายที่เรากำหนดไว้”
ในปี 2019 สัดส่วนของผู้ชมชาวต่างประเทศจากทั้งหมด 41 ประเทศ ที่เดินทางมายังสนามช้างฯ คิดเป็นร้อยละ 26.3 หรือเท่ากับ 59,525 คน และมีสัดส่วนคนไทยคิดเป็นร้อยละ 73.7 หรือเท่ากับ 167,130 คนซึ่งสัดส่วนของชาวต่างชาติถือว่าสูงขึ้นจากร้อยละ 17.5 ในปี 2561 เป็นร้อยละ 26.3 ในปี 2562 และมีการขยายตัวขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติร้อยละ 52.8 “ตัวเลขของผู้คนของปีที่แล้วกับปีนี้ โตขึ้นราว 4,000-5,000 คนแต่ว่าสิ่งที่ผมดีใจมากก็คือตัวเลขการท่องเที่ยว แฟนโมโตจีพีต่างชาติโตขึ้นกว่า 50% ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการท่องเที่ยว การจ้างงาน รายได้ และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปีที่แล้วมีต่างชาติมาราวๆ 30,000 คน แต่ปีนี้มาเยอะถึง 60,000 คน”
ขณะเดียวกัน นายเนวินกล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของการต่อสัญญา โมโตจีพี กับ ประเทศไทย ว่า “ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับซีอีโอ ดอร์น่า สปอร์ต ซึ่งสอบถามเราซ้ำว่า ตกลงเรื่องการต่อสัญญาจะว่าอย่างไร เพราะว่าในเดือนมีนาคมปีหน้า จะเป็นปีสุดท้ายในสัญญา 3 ปี มันเหลืออีกแค่ 5 เดือนเท่านั้น ตอนนี้มีสนามต่างๆ ในทั่วโลกแสดงความจำนงที่จะขอจัดโมโตจีพี 25 สนาม เขาจึงกดดัน และอยากให้เรามีคำตอบให้เร็วที่สุดว่าจะตกลงต่อสัญญาหรือไม่ ผมก็ได้เชิญทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มานั่งคุยกับซีอีโอของดอร์น่าเพื่อพูดคุยในเรื่องดังกล่าว” นอกจากนี้นายเนวิน ยังกล่าวถึงการแข่งขัน โมโตจีพี ในปีหน้าของเมืองไทย ซึ่งจะถูกโยกมาเป็นสนามที่ 2 ของปี ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนที่สุดของไทยว่า
“ในปีหน้าเรากำลังคิดกันอยู่ว่าอาจเปลี่ยนไปจัดการแข่งขันตอนกลางคืน หรือ ไนท์เรซ เราต้องประเมินกันก่อนแต่เราคิดถึงเรื่องนั้นอยู่แล้ว คนดูจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะว่าการจัดไนท์เรซมันมีผลดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่เย็นสบาย ไม่ต้องทนแดดร้อน อาจจะเริ่มควอลิฟายตั้งแต่ 5 โมงเย็น ซึ่งในเรื่องของเวลาไม่ใช่ปัญหามันเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เพราะไนท์เรซจะทำให้ยอดคนดู หรือวิวเวอร์ สูงขึ้นกว่าปกติแน่นอน”
ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจบการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่า “ภาพรวมของการแข่งขันในปีนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ เราได้เห็นแฟนชาวไทยเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจ และตัวเลขต่างๆ จะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา หากเทียบในช่วงเดียวกันของการแข่งขัน ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะสูงกว่าเดิม25%”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี