อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่ามนุษย์มีการนำสาหร่ายมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ในสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งการนำมาทำเป็นอาหาร นำไปผลิตยาและอาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกาย นำไปใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว อาหารสัตว์ และผลิตปุ๋ยหมักสำหรับใช้ในการเกษตร นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญของสาหร่ายที่หลายคนยังไม่รู้ คือ ประโยชน์ทางด้านการชะลอวัยและการฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาอ่อนวัยอีกครั้ง โดยสาหร่ายที่กำลังได้รับความสนใจและขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยชะลอวัยมากที่สุดชนิดหนึ่ง ได้แก่ สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) เป็นสาหร่ายสีเขียวเซลล์เดียวขนาดเล็ก (Microalgae) ส่วนเหตุผลที่ทำให้สาหร่ายฮีมาโตคอกคัสพลูวิเอลิส ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากนั้นก็เพราะสาหร่ายชนิดนี้เป็นแหล่งสะสมของสารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแซนโทรฟิลล์ ตระกูลแคโรทีนอยด์มากที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ เคย กุ้ง ปู ยีสต์ ปลาแซลมอล ปลาเทราต์ ไข่ปลาคาเวียร์ เป็นต้น
สำหรับกลไกการสร้างสารแอสตาแซนธินในสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส เกิดขึ้นจากการปรับตัวของเซลล์สาหร่ายในสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต อาทิ ภาวะขาดน้ำภาวะขาดอาหาร ภาวะขาดแคลนแร่ธาตุ มีปริมาณเกลือสูง อุณหภูมิสูงขึ้นอุณหภูมิต่ำลง แสงแดดหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อเซลล์สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิสจะมีการสร้างผนังเซลล์ที่หนาขึ้นและผลิตสารแอสตาแซนธินเก็บสะสมไว้ในเซลล์เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ซึ่งทำให้สาหร่ายชนิดนี้สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตได้นาน ด้วยเหตุนี้สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิสจึงเป็นแหล่งผลิตสารแอสตาแซนธินจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด (สารแอสตาแซนธินที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันมี 2 แบบ คือ แอสตาแซนธินสังเคราะห์และแอสตาแซนธินจากธรรมชาติ) ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามศึกษากระบวนการผลิตจากสาหร่ายชนิดอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ผลดีเท่าผลิตจากสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส โดยสารแอสตาแซนธินจากธรรมชาตินี้ผลิตได้ในปริมาณน้อยส่งผลให้มีราคาแพง ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเพื่อใช้บริโภคเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพสำหรับมนุษย์และผสมลงไปในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จึงไม่เหมาะที่นำไปเลี้ยงสัตว์เหมือนสารแอสตาแซนธินสังเคราะห์ที่มีราคาถูกกว่า
หากถามว่าสารแอสตาแซนธินที่พบในสาหร่ายฮีมาโตคอกคัสพลูวิเอลิสและอาหารอื่นๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น อาจกล่าวได้ว่าสารแอนตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านกระบวนการออกซิเดชั่นในร่างกาย โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาพบค่าการต้านอนุมูลอิสระของสารแอนตาแซนธินสูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ หลายเท่า เช่น วิตามินซี 6,000 เท่า เรสเวอราทรอล3,000 เท่า Coenzyme Q10 800 เท่า คาทีซิน 560 เท่า วิตามินอี550 เท่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า และเบต้าโรทีน 40 เท่าจนทำให้สารแอสตาแซนธินได้รับการขนานนามว่าเป็น “The NaturalPowerful antioxidant known in The World” ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมและอาหารที่มีสารแอสตาแซนธิน จึงเป็นการช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ป้องกันการอักเสบภายในร่างกายกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจกอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคมะเร็ง อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีการศึกษาทางคลินิกอีกหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารแอสตาแซนธินช่วยฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาเต่งตึงและดูสุขภาพดีอีกครั้ง อย่างงานวิจัยของนักวิจัยญี่ปุ่นที่ให้อาสาสมัครผู้หญิงรับประทานสารแอสตาแซนธินปริมาณ 6 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับการทาสารแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัมต่อวัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าริ้วรอยบริเวณหางตาของอาสาสมัครลดลง ผิวหนังดูเรียบเนียนยืดหยุ่นขึ้น อีกทั้งผิวยังมีความชุ่มชื้น เรียกได้ว่าสารแอสตาแซนธินช่วยให้ผิวเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การชะลอวัยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรหมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งต้องลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง พักผ่อนน้อยไม่ออกกำลังกาย เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณเต่งตึง และดูอ่อนกว่าอายุจริงแล้ว
วัชรี กัลยาลัง
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี