การดวลแข้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านนัดที่ 11 ไปแบบสุดระทึกใจ เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำชัยได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกครั้ง ขณะที่“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า พลิกสถานการณ์กลับมากำชัยได้เช่นกันส่วนท้ายตารางอันดับยังไม่ขยับ
l “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังยึด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ต่อไป หลังจากเอาชนะแอสตัน วิลล่า ได้อย่างสุดระทึก 2-1 โดยได้ประตูชัยในนาทีที่ 94 จากการโหม่งของ ซาดิโอ มาเน่ ทำให้มีคะแนนนำ“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าอยู่ 6 คะแนน
l ลิเวอร์พูล ทำสถิติออกสตาร์ท ดีที่สุดยุคพรีเมียร์ลีก ด้วยการมี 31 แต้มจาก 11 นัด เท่ากับ เชลซี ปี 2005, แมนฯซิตี้ ปี 2011 และ 2017
l เป็นหนแรกที่ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯซิตี้ ตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในรอบกว่า 3 ปี ก่อนที่ แมนฯซิตี้ จะกำชัยได้ 2-1 จบก่อนคู่หงส์ 3-4 นาที สถานการณ์ตอนนั้นตามเหลือ 3 แต้ม แต่หงส์ตีเสมอก่อนหมดเวลา 2 นาที ก่อนได้แระตูจากลูกโหม่งของ ซาดิโอ มาเน่ ในนาทีที่ 94.54 พลิกกลับมาชนะ วิลล่า 2-1 ในเกมที่ VAR โดนด่ากันขรมกับ “รักแร้” ของ ฟีร์มิโน่ ที่ถูกตีว่าล้ำหน้า
l ไคล์ วอล์คเกอร์ ทำสถิติให้กับตัวเองเมื่อทั้งยิงประตูได้ และแอสซิสต์ ได้ในเกมเดียวกัน ในนัดที่ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 หลังจากลงเล่นในลีกมา 272 เกม
l จอนโจ้ เชลวสี่ย์ กองกลางสมองใสของ นิวคาสเซิ่ล ซัดฟรีคิกตุงตาข่ายได้เป็นครั้งแรกในการเล่น พรีเมียร์ลีก ในเกมที่ นิวคาสเซิ่ล บุกชนะ เวสต์แฮม 3-2
l เชลซี ชนะรวดนอกถิ่นรวม 7 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ทำสถิติเท่ากับทีมที่เคยทำไว้ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1989 ในยุคของ บ็อบบี้ แคมป์เบลล์ ทำทีม หรือเมื่อ 30 ปีก่อน
l สเปอร์ส ไม่ชนะในการเล่นทีมเยือนในพรีเมียร์ลีกมานานถึง 12 เกมติดต่อกัน และแพ้ถึง 9 นัด โดยสถิติ
ไม่ชนะนอกบ้านนานที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปี ก่อน ครั้งนั้นไม่ชนะนานถึง 14 นัด
l เกมระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ สเปอร์ส กลายเป็นเกมที่มีโอกาสยิงรวมกันน้อยที่สุดของฤดูกาลนี้ หลังจากมีโอกาสรวมกันเพียง 11 ครั้ง ก่อนจะเสมอกัน 1-1 โดยเกมนี้ อังเดร โกเมส ดาวเตะโปรตุเกสของเอฟเวอร์ตัน โดนปะทะจนข้อเท้าหัก
l เชงค์ โตซุน ทำประตูที่ช้าที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ หลังจากพังประตูให้ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงที่นาฬิกาเดินไปที่ 97 นาที 57 วินาที
แมนฯยูไนเต็ด พลาดท่าแพ้ บอร์นมัธ เป็นครั้งแรกในยุคของพรีเมียร์ลีก
l แมนยูฯ แพ้ บอร์นมัธ หนแรกในยุคพรีเมียร์ฯ ที่ไวตาลิตี้ ตั้งข้อสังเกตคือการ “ตะบันใช้” นักเตะชุดเดียวกันลากยาว 4 แมทช์ใน 12 วัน บางคนจึง “เร่งไม่ขึ้น”
l อูไน อเมรี่ ยังกดดันต่อไป เล่นยังไงก็เป็นรองคู่แข่ง โดยเฉพาะจังหวะการปิดสกอร์ เมื่อ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทำได้แค่เสมอ “หมาป่า” วูล์ฟส์ 1-1
l เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีที่ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สามารถยิงได้ถึง 3 ประตู ในครึ่งเวลาแรกของ
การเล่นฟุตบอลลีกสูงสุด
l “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ยังคงเป็นทีมเดียวในลีกที่ยังไม่ชนะใครต่อไป หลังจากผ่านไปแล้ว 11 นัด และแพ้ไปถึง 6 เกม
l แมนฯซิตี้ เป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุด 34 ประตู ขณะที่ วัตฟอร์ด ยิงได้น้อยที่สุดเพียง 6 ลูกเท่านั้น ส่วนทีมที่เสียประตูมากที่สุด คือ เซาแธมป์ตันเสียไป 27 ลูก ส่วนทีมที่เสียน้อยที่สุดมี 2 ทีม คือ เลสเตอร์ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมละ 8 ประตู
l ลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูงมี 31 คะแนน, 2.แมนฯซิตี้ 25 คะแนน, 3.เลสเตอร์ 23 คะแนน, 4.เชลซี 23 คะแนน และ 5.อาร์เซนอล 17 คะแนน ส่วนโซนตกชั้น 3 ทีมท้าย 18.เซาแธมป์ตัน 8 คะแนน, 19.นอริช 7 คะแนน และ 20.วัตฟอร์ด 5 คะแนน
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำชัยที่วิลล่า พาร์ค แบบจวนเจียน นำฝูงต่อไปอีกสัปดาห์ ด้วยระยะห่าง 6 คะแนน
l อันดับดาราซัลโว 10 ประตู : เจมี่ วาร์ดี้(เลสเตอร์ ซิตี้), 9 ประตู : เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนฯซิตี้) กับ แทมมี่อบราฮัม (เชลซี), 8 ประตู : ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง(อาร์เซนอล) และ 7 ประตู : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์
ซิตี้)
l สรุปผลการแข่งขันทุกคู่ เสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน/บอร์นมัธ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0, ไบรท์ตัน ชนะ นอริช 2-0, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1, แอสตัน วิลล่า แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ชนะเบิร์นลี่ย์ 3-0, เวสต์ แฮม แพ้ นิวคาสเซิ่ล 2-3, วัตฟอร์ด แพ้ เชลซี 1-2, อาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน/คริสตัล พาเลซ แพ้ เลสเตอร์ 0-2 และเอฟเวอร์ตัน เสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-1
l โปรแกรมการแข่งขันนัดที่ 12 : ศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 03.00 น. นอริช ซิตี้-วัตฟอร์ด, เสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 19.30 น. เชลซี-คริสตัล พาเลซ, 22.00 น. เบิร์นลี่ย์-เวสต์แฮม, นิวคาสเซิ่ล-บอร์นมัธ, เซาแธมป์ตัน-เอฟเวอร์ตัน, สเปอร์ส-เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, 00.30 น. เลสเตอร์-อาร์เซนอล, อาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 21.00 น. แมนยูฯ-ไบรท์ตัน, วูล์ฟส์-วิลล่า และ 23.30 น. ลิเวอร์พูล-แมนฯซิตี้
นักเตะของทั้งเอฟเวอร์ตัน และ สเปอร์ส สุดช็อกเมื่อเห็น อังเดร โกเมส ข้อเท้าหัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี