พลันที่เพลง Drown ในคอนเสิร์ต Bring me the horizon ได้หยุดลง ผู้เขียนก็รีบเดินทางกลับบ้านเตรียมตัวมาที่สนามบิน ดอนเมือง ทันที ในเวลา 6 โมงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เพื่อเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของ มาเลเซียเข้าชมเกมสำคัญอีกนัดของ ทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก
เมื่อถึงสนามบิน เข้าสู่เกทนั่งรอขึ้นเครื่อง ก็พบว่าไม่ต้องเดินเดียวดายคล้ายเพลง You’ll never walk alone ของลิเวอร์พูล เนื่องจาก ได้พบกับแฟนบอลทีมชาติไทยจำนวนมหาศาล สังเกตได้จากเสื้อชุดแข่งทัพ “ช้างศึก” ที่ใส่มาเพื่อเดินทางไปเชียร์ทีมรักของพวกเขา และเชื่อว่าทุกคนนั้นมั่นใจว่าเราจะคว้าชัยชนะในเกมนี้ได้
หลับบนเครื่องไปงีบหนึ่ง เผลอแป๊บเดียว เครื่องบินก็ได้ลงสู่สนามบิน KLIA2 เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะเรียก GrabTaxi เพื่อเข้าไป โรงแรมที่พัก ซึ่งมีเพื่อนที่รออยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง พี่โชเฟอร์แท็กซี่ ได้ชวนคุยตลอดทาง โดยในบทสนทนาช่วงหนึ่งก็พูดถึงเกมคู่นี้ ซึ่งแกบอกว่าช่วงนี้ฟอร์มของ มาเลเซีย ไม่ค่อยดี พร้อมยกย่อง ไทย ว่าเวลานี้นั้นเล่นได้น่ากลัวกว่าเดิม พร้อมกับบอกว่ารู้จัก ชนาธิป ว่าเป็นนักเตะที่เก่งมากๆ แต่ก็หวังว่าจบเกมนี้ ผลสกอร์จะทำให้ทั้งสองทีมมีความสุข พร้อมยื่นมือมาจับเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ ก่อนที่ผมจะจ่ายเงินและลงจากรถไป
เดินทางมาที่พัก ก็พบว่าวันนี้สภาพอากาศของ กัวลาลัมเปอร์ นั้นไม่สู้ดีนัก เมื่อมีฟ้าครึ้มมาโดยตลอด จนกระทั่งในช่วงราว บ่าย 3 โมง ฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมา ก็เริ่มหวั่นใจว่า จะมีผลกับเกมการเล่นของไทย ในค่ำคืนนี้หรือไม่ ตอนนั้นก็ยังหวังว่าฝนจะหยุดตกก่อนเกมจะเริ่มขึ้น และเหมือนเทวดาฟ้าดินจะได้ยิน เพราะหลังจากตกมาได้เกือบชั่วโมง เม็ดฝนที่เทลงมาก็หยุดลง เป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะออกเดินทางไปสนาม บูกิตจาลิล แล้ว
ในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า พบว่าวันนี้แฟนบอล “มาลายา” ของทัพ “เสือเหลือง” นั้นดูไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่นัก อาจจะเนื่องจากผลงานของทีมที่ก่อนเกมจะเริ่มมีเพียง 3 คะแนน รวมไปถึงไม่ใช่วันหยุดด้วย ซึ่งก่อนเกมก็มีรายงานว่าแฟนบอลเจ้าถิ่นนั้นซื้อตั๋วเข้าชมเกมเพียง 3 หมื่นใบเท่านั้น จากความจุสนามเกือบ 8 หมื่นที่นั่ง
เข้าถึงบริเวณรอบสนาม บูกิตจาลิลเรียกว่ามีพ่อค้า แม่ขาย ขายของที่ระลึกมากมาย โดยมีทั้งเสื้อแข่งขัน (ปลอม) ที่วางจำหน่ายเกลื่อนแบบไม่เกรงกลัวตำรวจ รวมไปถึงผ้าพันคอ และ หมวก ที่เรียกว่าเยอะเอามากๆ ซึ่งแฟนบอลเจ้าถิ่นก็เริ่มทยอยเข้ามาในสนามมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วจนในช่วงราว 1 ทุ่มพายุฝนก็มาอีกครั้ง และถึงตอนนั้นแอบนึกในใจว่า สภาพอากาศที่เกิดขึ้น และด้วยสภาพหญ้าใบใหญ่ของสังเวียนแห่งนี้ ไทยจะต้องเจอปัญหาหรือไม่ ก่อนจะเดินเข้าสนาม และพบว่าสแตนด์ทีมเยือน ที่เจ้าถิ่นเตรียมไว้ให้ ไทย นั้นเต็มความจุ 7 พันที่นั่ง เลยทีเดียวทำให้บรรยากาศคึกคักกันเป็นอย่างยิ่ง
เกมเริ่มต้นขึ้น ทัพ “ช้างศึก” เล่นกันได้ดีเยียมกว่าที่คาด และก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 6 นาทีแรกจากจังหวะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา จ่ายจากริมเส้นมาให้ ชนาธิปสรงกระสินธ์ ยิงดีดเข้าประตูไป และเชื่อว่าทุกคนคงคิดว่าประตูที่สอง คงตามมาในไม่ช้า
แต่เมื่อเล่นไปสักพัก ปรากฏว่า ไทยที่เกมนี้ แนวรับมีการปรับผู้เล่นถึง 3 ตำแหน่งจากเกมที่ ชนะยูเออี 2-1 เริ่มแสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฟูลแบ๊ก 2 ฝั่งอย่าง กรกช วิริยะอุดมศิริ ที่ได้เล่นแทน ธีราทร บุญมาทัน ที่ติดโทษแบน รวมไปถึง ทริสตองโด ที่เบียด นิติพงษ์ เสลานนท์ เป็นตัวจริง ทั้งคู่ขึ้นเกมสูงตลอด และลงมาตั้งรับไม่ทันหลายต่อหลายครั้ง ส่วน เอเลียส ดอเลาะห์ ปราการหลังที่เพิ่งจะประเดิมตัวจริงในนามทีมชาติครั้งแรก ก็ดูมีท่าทีประหม่า ซึ่งก็น่าแปลกใจว่าเซ็นเตอร์ที่มีทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ พรรษา เหมวิบูลย์ ทำไมไม่ได้รับโอกาสในเกมนี้ และบอกได้เลย เมื่อแนวรับเล่นได้ย่ำแย่ มันก็เปรียบดั่งฐานที่ไม่ดี และส่งผลไปจนถึงยอด ดั่งที่เห็นได้จาก แดนกลาง และแดนหน้าของเราในเกมนี้
อีกอย่างคือต้องยอมรับว่า ตัน เชง โฮกุนซือ “เสือเหลือง” นั้น วางแผนมาเพื่อหยุดเกมรุกของไทยได้ดีจริงๆ แนวรุกของไทยทั้ง ชนาธิป, เอกนิษฐ์, สุภโชค แทบจะทำเกมไม่ติด จนเมื่อผ่านไปไม่นานทัพ “เสือเหลือง” ที่เริ่มตั้งเกมได้ ก็มาได้ประตูตีเสมอ เมื่อตัวทีเด็ดของพวกเขาอย่าง โมฮามาดู ซูมาเรห์ ที่ป่วนแนวรับไทยอย่างหนักในเกมนี้มาแผลงฤทธิ์แอสซิสต์ให้ เบรนเดน กาน ยิงประตูตีเสมอ พร้อมกับจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1
จากที่ตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนเข้าทางเรา กลับกลายเป็นว่านี่เป็นเกมที่ต้องลุ้นหนักว่าเราจะเสียประตูที่สองเมื่อไหร่ ซึ่งในใจยังหวังว่า นิชิโนะจะเห็นจุดอ่อนตรงนี้เพื่อแก้ไข แต่ปรากฏว่า 45 นาที ของครึ่งหลังยิ่งไปกันใหญ่ เพราะทรงบอลเรายังดูไม่ต่างจากครึ่งแรกเลย
และสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เป็นจริงเมื่อแนวรุกของทัพ “เสือเหลือง” ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็นหน้าเดิมอย่าง เบรนเดน กาน ที่ยกบอลแบบเหนือชั้นให้ ซูมาเรห์ หลุดกับดักล้ำหน้าซัดเต็มข้อแบบไม่จับ ส่งให้ มาเลเซีย พลิกขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่ครบ 90 นาที ผู้ตัดสินชาวอิรักจะเป่านกหวีดจบเกม ทีมชาติไทย ก็ประเดิมพ่ายรายการนี้เป็นครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย รวมไปถึงเป็นการพ่ายครั้งแรกในการคุมทีมของ นิชิโนะ ด้วย
เดินออกจากสนามท่ามกลางแฟนบอลเจ้าถิ่น ที่บีบแตรรถมอเตอร์ไซค์ฉลองกันอย่างครื้นเครง ไม่อยากจะโทษใครหรือหาแพะ แต่แค่งงจนถึงตอนนี้ว่า แท็กติกที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วในแมทช์ที่ชนะ ยูเออี ทำไมถึงถูกปรับจนหายไปหมด รูปเกมการต่อบอล ดีๆ แทบไม่เห็นในเกมนี้
จากความพ่ายแพ้นัดนี้ เชื่อว่า นิชิโนะ คงได้บทเรียนเพิ่มไม่น้อย เพราะนอกจากสถิติที่ยังไม่สามารถชนะที่สนาม บูกิตจาลิลต่อไป ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวกับเล่นสนามไหนหรอก แต่เพราะพวกเขา ทำได้ดีกว่าไทยมากในเกมนี้ แบบหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับไม่ได้เลย ซึ่งเราต้องเรียนรู้และแก้ไข เพื่อก้าวผ่านมันไปให้ได้โดยด่วน เพราะเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นไม่รีรอให้เราต้องมานั่งเสียใจแล้ว
ถึงเวลานี้สถานการณ์ของไทย เรียกว่าต้องลุ้นหนักไม่น้อยเพราะเกมที่ 5 ในวันอังคารที่ 19 พ.ย. นี้ ทัพ “ช้างศึก” จะต้องบุกไปเยือนทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม ที่เพิ่งชนะ ยูเออี1-0 ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทน มองอย่างแย่ เอาแค่ไม่ต้องแพ้ แต่หากไม่ได้ชัยชนะกลับออกมา แล้วอีกคู่ มาเลเซีย ได้สามคะแนนเหนืออินโดนีเซีย ทัพ “ช้างศึก” จะตกจากอันดับสองทันที ซึ่งหากเกิดขึ้นแบบนี้ โอกาสที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปถือว่าหนักหนาสาหัสจริงๆ เพราะอย่าลืมว่าเรายังมีเกมหนักที่จะต้องบุกไปเยือน ยูเออี รออยู่อีก
ฉะนั้นเป้าหมายเดียวที่สมควรมองในนัดหน้าคือ ชัยชนะ เพื่อให้โอกาสยังอยู่ในมือต่อไป ลุกขึ้นสู้เท่านั้นที่ทำได้ เมื่อแสงสว่างยังอยู่ที่ปลายอุโมงค์ มันก็ไม่มีสาเหตุไหนที่เราจะไม่ลุยจนหยดสุดท้ายไปกับมัน
ต้องสู้ ต้องรอด ไม่สู้ก็ไม่รอด ลุยต่อไป ช้างศึก !
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี