ศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบคัดเลือกถึงเวลานี้ก็ได้ 16 ชาติ จาก 24 ชาติ ที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว หลังจากเหลือโปรแกรมการแข่งขันในรอบคัดเลือกอีกเพียง 1 นัดเท่านั้น
โดยไฮไลท์เมื่อคืนวันเสาร์อยู่ที่เกมในกลุ่ม ซี ปรากฏว่า เนเธอร์แลนด์ บุกไปยันเสมอ ไอร์แลนด์เหนือ 0-0 ขณะที่ผลอีกคู่
เยอรมนี ไล่ถล่ม เบลารุส 4-0 ทำให้ เยอรมนี 18 แต้ม และ เนเธอร์แลนด์ มี 16 แต้ม จูงมือกันเข้ารอบ เนื่องจาก ไอร์แลนด์เหนือ 13 แต้ม หมดสิทธิ์ไล่ทัน เพราะเหลือโปรแกรมอีกนัดเดียว
ภายหลังเกม โรนัลด์ คูมัน กุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ออกมายอมรับว่าเขามีความสุขมากที่ได้เห็นทัพ “ฟลายอิ้งดัตช์แมน” ผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2020 ได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นการผ่านเข้ารอบรายการเมเจอร์หนแรกนับแต่ฟุตบอลโลก 2014 หลังตกรอบคัดเลือกทั้งยูโร 2016 และ ฟุตบอลโลก 2018
“ในฐานะทีม เราต้องดียิ่งขึ้นไปเสมอ แต่เราได้ผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เราทำได้สำเร็จแม้อยู่ในกลุ่มที่มีคู่ต่ออย่าง เยอรมนี และทีมที่เล่นด้วยยากอย่าง ไอร์แลนด์เหนือผมแค่อยากพูดว่ามันวิเศษมากที่เราผ่านเข้ารอบ”
สำหรับ การหาทีมเข้ารอบสุดท้าย จะเอาแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก ผ่านเข้าไปโดยอัตโนมัติรวมทั้งสิ้น20 ชาติ ซึ่งผลงานของแต่ละกลุ่มมีดังนี้ เริ่มจากกลุ่มเอ อังกฤษ และ สาธารณรัฐเช็ก ตบเท้าเข้ารอบต่อไปแน่นอนแล้ว ส่วนกลุ่ม บี ยูเครน หักปากกาเซียนเข้าที่ 1 ของกลุ่มปล่อยให้ โปรตุเกส กับ เซอร์เบีย ไปลุ้นกันในนัดสุดท้ายต่อไป
กลุ่ม ซี เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบแน่นอนแล้ว ส่วนกลุ่มดี ต้องไปลุ้นเกมสุดท้ายระหว่าง เดนมาร์ก, สวิตเซอร์แลนด์และ ไอร์แลนด์ / กลุ่ม อี โครเอเชีย ลิ่วรอบสุดท้ายตามคาด ปล่อยให้ฮังการี, เวลส์ และ สโลวาเกีย ต้องไปลุ้นกันเองในเกมสุดท้าย /กลุ่ม เอฟ ได้ สเปน และ สวีเดน ที่คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้าย
และกลุ่ม จี โปแลนด์ และ ออสเตรีย ก็ได้สิทธิ์ไปเล่นกลางปีหน้าเช่นกัน ส่วน กลุ่ม เอช ได้ทั้ง ฝรั่งเศส และ ตุรกี ที่คว้าตั๋ว
รอบสุดท้าย เช่นเกียวกับ เบลเยียม และ รัสเซีย ที่ได้สิทธิ์จากกลุ่มไอ และทาง อิตาลี ทำสถิติชนะ 9 เกมรวดคว้าแชมป์กลุ่ม เจ โดยมี ฟินแลนด์ เข้ารอบในฐานะที่ 2
สรุป 16 ชาติที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นใน ยูโร 2020 รอบสุดท้ายแน่นอนแล้วมีดังนี้ เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม ไอ), อิตาลี (แชมป์กลุ่ม เจ), รัสเซีย (รองแชมป์กลุ่ม ไอ), โปแลนด์ (แชมป์กลุ่ม จี), ยูเครน (แชมป์กลุ่ม บี), สเปน (แชมป์กลุ่ม เอฟ), ตุรกี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช), ฝรั่งเศส (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช), อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม เอ ), สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์กลุ่ม เอ), ฟินแลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม เจ), สวีเดน (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ), โครเอเชีย (แชมป์กลุ่ม อี),ออสเตรีย (รองแชมป์กลุ่ม จี), เยอรมนี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี),เนเธอร์แลนด์ (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ซี)
ทั้งนี้ การพิจารณาหา 16 ทีมไปเตะเพลย์ออฟ เพื่อตัดสินหาอีก 4 ทีม เข้าไปเล่นรอบสุดท้าย (+ 20 ทีมที่เป็นแชมป์และรองแชมป์แต่ละกลุ่ม) นั้น จะดูจากผลงานในการลงทำศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เป็นหลักโดยจะแบ่งเป็น 4 สาย ซึ่งการประกบคู่จะเป็นการนำทีมที่ผลงานดีที่สุดของสายมาเจอกับที่ 4 ส่วนที่ 2 เจอกับที่ 3 และหากใครชนะก็จะเข้ารอบชิงชนะเลิศไปลุ้นตั๋วรอบสุดท้าย โดยเกมรอบรองชนะเลิศจะเกิดขึ้นในวันที่ 26 มี.ค. ปีหน้า และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 31 มี.ค.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี