อากาศหนาวในช่วงนี้เป็นสิ่งที่หลายคนชอบและอยากให้อยู่นานๆ โดยเฉพาะเมืองร้อนอย่างประเทศไทย เพราะอากาศหนาวทำให้รู้สึกเย็นสบาย และไม่มีเหงื่อออกให้เหนียวตัว แต่ใช่ว่าความหนาวเย็นจะส่งผลดีเสมอไป เนื่องจากอากาศลักษณะเช่นนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่ทำให้ผิวแห้ง ไปจนถึงอาการร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากฤดูหนาวนั้นอากาศค่อนข้างปิด มีหมอกหนาแน่น ลมสงบ ซึ่งส่งผลให้ฝุ่นละอองและมลพิษสะสมในอากาศสูงกว่าฤดูอื่นๆ ซึ่งเราอาจจะไม่รู้สึกได้ ทั้งนี้เพื่อให้เท่าทันกับอันตรายในอากาศ และปกป้องระบบทางเดินหายใจของตัวเอง เราจึงควรรู้จักเกี่ยวกับสัญญาณเตือน ผลกระทบ รวมทั้งวิธีการรับมืออากาศหนาวให้มากขึ้น ดังนี้
สัญญาณเตือนที่ทุกคนสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติทางอากาศในฤดูหนาวได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
1.ทัศนวิสัยในการมองเห็นเปลี่ยนไป เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่า จำนวนหมอกควันที่เกิดขึ้น และสีที่ผิดปกติเป็นหนึ่งในสัญญาณของสภาวะที่อากาศเริ่มมีค่ามลพิษมากผิดปกติ
2.ควันที่ปล่อยออกจากโรงงานมีปริมาณมากผิดปกติ สำหรับชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการเผาไหม้ปล่อยควันออกสู่ธรรมชาติเกินมาตรฐาน ซึ่งหากชุมชนพบว่ามีปริมาณการปล่อยควันจากโรงงานที่มากผิดปกติ ก็เป็นสัญญาณที่ต้องจับตามองถึงความผิดปกติของมลพิษทางอากาศที่อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
3.ตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกในการตรวจสอบความผิดปกติของอากาศ ที่ทุกคนสามารถทำได้ นั่นก็คือ การตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่นที่มีฟังก์ชั่นตรวจวัดระดับปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ และแปรค่าออกมาในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้
ผลกระทบที่เกิดต่อร่างกายจากอากาศหนาว อากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดีและมีมากขึ้น จนอาจเกิดความผิดปกติและเกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งมีหลายโรคที่พึงระวัง เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด สุกใส และอุจจาระร่วง โดยกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่าย ได้แก่ เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี สตรีมีครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในระยะยาวอย่างโรคหัวใจ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ ต้องได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพให้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ นอกจากนี้อาจมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เป็นผู้มีรายได้น้อยจนไม่สามารถซื้อเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องใช้ที่ช่วยป้องกันอากาศหนาวได้
การดูแลตนเองและป้องกันภัยจากอากาศหนาว อากาศหนาวอาจทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกายได้หลายรูปแบบ จึงควรดูแลร่างกายตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยอาจปฏิบัติตามวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
l ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย
l สวมเครื่องแต่งกายที่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นและทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เช่น สวมเสื้อผ้าหลายชั้น สวมเสื้อกันหนาวสวมแว่นตา ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า หรือรองเท้าบู๊ทกันน้ำ เป็นต้น
l ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
l รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอุ่นหรือดื่มเครื่องดื่มที่สามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย อย่างเช่น ช็อกโกแลต ข้าวโอ๊ตบด ซุปฟักทอง น้ำขิง หรืออาหารที่มีรสเผ็ด
l หากเป็นผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่เป็นโรคปอด โรคหัวใจ หรือเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ไม่ควรออกนอกบ้านในวันที่มีอากาศเย็นจัด และควรทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส
l งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในช่วงภาวะอากาศหนาว เนื่องจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้และไม่ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น
l ระมัดระวังและสังเกตอาการผู้ป่วยที่กินยาบางชนิด เช่นยากล่อมประสาท ยารักษาอาการชัก และอื่นๆ ที่มีผลทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง
l ในช่วงอากาศหนาวอาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งให้ยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของสงสัย เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หยุด คือ เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด ส่วนโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่ต้องระมัดระวังคือ โรคอุจจาระร่วง ในช่วงฤดูหนาวจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคอุจจาระร่วง โดยขอให้ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”
l หมั่นดูแลรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ และอาศัยอยู่ในที่อบอุ่นสามารถป้องกันลมหนาวอย่างเหมาะสม
จะเห็นได้ว่าอากาศที่หนาวเย็นนั้นอาจเป็นสาเหตุของอาการป่วยได้หลายชนิด ซึ่งอาการบางอย่างอาจร้ายแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นการทำร่างกายให้อบอุ่น สุขภาพแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่เสี่ยงก็จะทำให้เราปลอดภัยและสามารถรับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ อย่างไรก็ตามหากเกิดความผิดปกติขึ้นภายในร่างกายภายหลังจากสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นและมีอาการดังที่แนะนำในบทความ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
เรียบเรียงและอ้างอิงจาก : https://www.pobpad.com
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1284619
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000001977
https://www.thaihealth.or.th/Content/3475
https://news.thaipbs.or.th/content/286748
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี