ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นักบอลที่ถูกประเมินว่าแพงสุดในพรีเมียร์ลีก
มูลค่ามลายไปเพราะ“ไวรัส”
เมื่อฟุตบอลยังรอวันและเวลาที่เหมาะเจาะกลับมา.......
ช่วงเวลานี้วงการฟุตบอลอังกฤษ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ในฐานะที่เป็นลีกที่มั่งคั่งที่สุด แต่ทำไปทำมาดูเหมือนกับจะ “เปราะบางที่สุด” แห่งหนึ่งเหมือนกัน
วันๆ มีแต่เรื่อง
จริงบ้างปลอมบ้าง แต่มันสร้างความรู้สึกโอนไปเอียงมาเหมือนมวยโดนต่อยหล่นไปนับ 8 ถึง 2 ครั้งในยกเดียว และคุณจะไม่มีสิทธิ์พลาดโดนต่อยให้หล่นอีกแล้ว
ไม่อย่างนั้นจะโดนจับแพ้ทันที
น่าสนใจก็คือ เมื่อไม่มีฟุตบอลเตะ เรื่องราวถูกหยิบจับมามากมาย ไม่วายก็คือ ค่าตัวของนักฟุตบอลแต่ละคนในตอนนี้
ก็ร่วงลงไปตามอุปสงค์อุปทานแนวต้านแนวรับของตลาด
ทำไปทำมา พรีเมียร์ลีก ที่มีการซื้อตัวกันโหดที่สุดในโลก ถูกประเมินออกมาว่า ค่าตัวนักบอลตอนนี้รูดลงไปถึง 1,600 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยปาเข้าไป 64,000 ล้านบาท!!!
Transfermarkt.co.uk สื่อของอังกฤษที่ใช้คำว่า markt ไม่ใช่ market ซึ่งเป็นสายที่ดำเนินเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเม็ดเงินนักบอลโดยเฉพาะ ชำแหละจุดที่น่าสนใจออกมาว่า มูลค่าของนักเตะแต่ละทีมตอนนี้ตกลงไปตามสถานการณ์ของ “โคโรนาไวรัส” หรือ “โควิด-19” ที่ร้ายแรงอย่างมาก และเริ่มนานเกินไป
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ ก็โดนหางเลขเช่นกัน
ตลาดหุ้นทรุดตัว, แผนการย้ายทีมต้องหยุด และที่สำคัญก็คือ ความไม่แน่นอนมากมายในอนาคต คือประเด็นที่นักบอลทำไมค่าตัวที่หล่นเอาๆ
ยิ่งไปกว่านั้น รายละเอียดก็คือนักบอลที่เกิดก่อนปี 1998 ทุกคน ค่าตัวจะหายไป 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พวกที่เกิดหลังปี 1998 ก็ร่วงเหมือนกัน แต่อยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์
ชัดเจนก็คือ ท็อป 10 คนแรกของที่มีค่าตัวมากที่สุดจากการประเมินก่อนหน้านี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกคนสำคัญของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ ราคาหายไปถึง 29 ล้านปอนด์ เหลือเพียง 115 ล้านปอนด์เท่านั้นหลังจากก่อนหน้านี้ค่าตัวของเขาทะลุไปถึง 144 ล้านปอนด์เข้าให้แล้ว
เช่นเดียวกับ “ไอ้หัวเพลิง” เควิน เดอ บรอยน์ แม่ทัพทีมชาติเบลเยียม เพื่อนร่วมค่ายของ สเตอร์ลิ่ง ที่ประเมินราคาอยู่ที่ 136 ล้านปอนด์ ปัจจุบันเหลือเพียง 108 ล้านปอนด์
ราคาของ เดอ บรอยน์ หล่นฮวบลงมาหายไป 27 ล้านปอนด์ เท่ากับ 3 แนวรุก ที่ใครในโลกนี้ก็อยากจะได้ตัว นั่นคือ แฮร์รี่ เคน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์,โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าด้านขวาของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ ซาดิโอ มาเน่กองหน้าด้านซ้ายจิตใจนักบุญของ “หงส์แดง”เช่นกัน
ถึงแม้ว่า ฟอร์มของ มาเน่ กับ ซาลาห์ มีแต่ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ราคาประเมิน ณ เวลานี้ไม่ดีดตัวไปไหนทั้งนั้น
เช่นเดียวกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ๊กขวาจอมแอสซิสต์ทีมชาติอังกฤษ ของ ลิเวอร์พูล ที่ใกล้เคียงกับคำว่า กองหลังค่าตัว 100 ล้านปอนด์คนแรกของโลก ที่มูลค่าทางการประเมินไปแตะที่เลข 99 ล้านปอนด์แล้ว แต่ตอนนี้ก็หายไป 10 ล้านปอนด์ เหลืออยู่ที่ 89ล้านปอนด์เท่านั้น
รวมถึงการจัดกลุ่มนักเตะที่ค่าตัว 90 ล้านปอนด์ในตอนนี้ ก็ถูกตัดราคาหายไปคนละ 18 ล้านปอนด์ เป็นกลุ่มนักเตะระดับท็อปของแต่ละทีม
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางจอมขยันของ “สิงห์บลูส์” เชลซี, เฟอร์จีลฟาน ไดจ์ค ปราการเหล็กดัทช์แมนของ ลิเวอร์พูล, แบร์นาโด้ ซิลวา กลจักรโปรตุกีส กับ ลีรอย ซาเน่ ปีกสปีดนรกของ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ และปอล ป๊อกบากองกลางจอมสีสันของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เหล่านี้ราคาลดมาอยู่ที่ 72 ล้านปอนด์แล้ว
เควิน เดอ บรอยน์ จอมแอสซิสต์เบลเยียม
จำนวนการประเมินยิ่งน่าตกใจเมื่อไปเจาะลึกแต่ละทีมลงไป ทีมที่เสียหายหนักสุดก็คือ แมนฯซิตี้ ที่ทุ่มซื้อนักบอลแบบไม่ลืมหูลืมตามาโดยตลอด จนกระทั่งมาโดนคดีตุ๋นเพื่อนร่วมอาชีพ จนโดนแบนออกจากบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ปีซ้อนๆราคานักเตะรวมกันของทีมซึ่งทะลุไปแล้ว 1,141 ล้านปอนด์ ตอนนี้ตกมาเหลือ 917 ล้านปอนด์แล้ว
หายไปมหาศาลถึง 224 ล้านปอนด์
ลิเวอร์พูล จ่าฝูงก็โดนพิษตรงนี้เล่นงานไปไม่น้อย หลังจากทีมพุ่งไปกว่าพันล้านปอนด์ แต่ประเมินออกมาหายไป 205 ล้านปอนด์ เหลือแค่ 870 ล้านปอนด์เท่านั้น
แน่นอนที่สุดบรรดาทีมที่ถูกเรียกว่า “ท็อป 6” ต่างไล่เลียงลำดับความเสียหายในครั้งนี้ เมื่อ สเปอร์ส หล่นมาเหลือ 629 ล้านปอนด์, เชลซี 612 ล้านปอนด์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 582 ล้านปอนด์
ส่วนทีมอันดับสุดท้ายอย่าง “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ หายไป 21ล้านปอนด์ ยังมีมูลค่าอยู่ที่ 119 ล้านปอนด์ หลายคนสงสัยว่า ทำไมราคายังดีอยู่ นั่นก็เพราะพวกเขามีสิ่งที่ค้ำยันก็คือบรรดานักเตะอย่าง ท็อดด์ แคนท์เวลล์, แม็กซ์ แอร่อนส์, เบน ก๊อดฟรี่ย์ และจามาล ลูวิส ราคายังแข็งโป๊ก ด้วยวัยยังละอ่อนอยู่นั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อนำข้อมูลของแต่ละลีกสำคัญๆ เท่ากับตอนนี้ค่าตัวของนักฟุตบอลได้ลดไปแล้วกว่า 9,000 ล้านปอนด์ หรือกว่า 360,000 ล้านบาท!!!!
แน่นอนที่สุดว่า พรีเมียร์ลีก นี่แหละคือแหล่งใหญ่สุดๆ ที่ถูกสกัดทางรุ่งโดยโควิด-19
หากลองประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเอง จะพบได้ว่า มีเหตุผลสำคัญ
1.บอลไม่เตะ
2.อายุราชการนักบอล
3.เม็ดเงินลงทุนในอนาคต
ทุกที่โดน“แช่แข็ง”ทั้งหมด กว่าจะเงยหน้า กว่าจะฟื้น ในลักษณะที่ไม่เคยมีบาดแผลแบบนี้มาก่อนนับ 100 ปี
การลงทุนทางฟุตบอลมันจะน้อยลงไปจากเดิมเยอะมาก
สิ่งหนึ่งก็คือ พื้นฐานของแต่ละลีก และรากฐานที่ถูกสร้างถูกจัดวางเอาไว้ นี่คือสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดแล้ว
เราอาจจะได้เห็น “เศรษฐีตกยาก” กันหลายสโมสรในครั้งนี้ และก็น้อยนักที่จะมีโอกาสได้เห็น “เศรษฐีใหม่”ในระยะเวลาอันใกล้
ในยามนี้ หลายคนคงนึกถึงคำแม่คำพ่อกันขึ้นมา......“หัดเก็บเงินเอาไว้ใช้ยามยากบ้างนะลูก”
ไม่ว่า พ.ศ.ไหน หรือ ค.ศ.ใด ก็ใช้ได้ทุกคราจริงๆ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี