สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด จัดประชุม “คณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลลีกอาชีพไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อหารือถึงแนวทางจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ที่มีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)
การประชุมในครั้งนี้ นำโดย อรรณพ สิงห์โตทอง อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลอาชีพไทยลีก 3 และไทยลีก 4พร้อมด้วย คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุลรองประธานคณะกรรมการ, คุณพาทิศศุภะพงษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมฯ คุณเบนจามิน ตัน ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการคลับ ไลเซ่นซิง สมาคมฯ และตัวแทนสโมสรสมาชิก ในระดับ ไทยลีก 3 และไทยลีก 4 ที่เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์
หลังการประชุม อรรณพ สิงห์โตทองอุปนายกสมาคมฯ กล่าวว่า “หลังจากที่อาทิตย์ก่อน ประชุมไปครั้งหนึ่ง วันนี้เราก็ได้ข้อสรุป ก็คือมี 6 โซน กลุ่มละ 12-14 ทีม เริ่มต้นเตะเดือนกันยายน จบประมาณเดือนมีนาคม”
“เรื่องโควตานักเตะนั้น ให้โควตานักเตะต่างชาติลงเล่นได้ 3 คน และต้องส่งผู้เล่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงเป็นตัวจริง 2 คน มีการตกชั้นปกติ 1 ทีม จากแต่ละโซน รอบแชมเปี้ยนส์ลีก จะเล่นแบบมินิลีก 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม แข่งกันทีมละ 5 นัด เอาอันดับ 1 แต่ละกลุ่มเลื่อนชั้นเลย ส่วนอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มต้องมาเจอกัน เพื่อเพลย์ออฟเลื่อนชั้น มันจะคล้ายลีกภูมิภาคสมัยก่อน”
อรรณพ สิงห์โตทอง อุปนายกสมาคมฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลอาชีพไทยลีก 3 และไทยลีก 4 จัดประชุม “คณะกรรมการศึกษาแนวทางการรวมลีกฟุตบอลลีกอาชีพไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4” ครั้งที่ 2 เพื่อหารือถึงแนวทางจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ จากทั้งโควิด-19 และด้วยงบประมาณแต่ละสโมสร เราเลยคิดว่ากลับไปเหมือนตอนลีกภูมิภาคจะดีกว่าไหม แล้วเราก็มาเน้นเรื่องคลับไลเซ่นซิ่ง ให้มากขึ้น เพราะคลับ ไลเซ่นซิ่ง เป็นเรื่องสำคัญในการปรับมาตรฐานของทีมในการเลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก 2”
“เพราะฉะนั้นทีมจากไทยลีก 4 ก็จะต้องปรับตัวเรื่องสนาม เรื่องกิจกรรมต่างๆ และการบริหารจัดการ ส่วนทีมจากไทยลีก 3 มันจะเข้มข้นขึ้น เพราะต่อไปคุณต้องขึ้น
ไทยลีก 2 มันจะมีเรื่องการตลาด เรื่องการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นมาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้การปรับมาเป็นแบบนี้ มันก็เริ่มตอบโจทย์แฟนบอลทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทีมจะอยู่ในภูมิภาคใกล้ๆ กัน มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายหรือเรื่องการเดินทางได้”
“จากการคุยกันมา 2 ครั้ง การตอบรับก็โอเค ตอนนี้เรามีเป้าหมายแล้วว่าจะเหลือแค่ไทยลีก 3 ทุกทีมก็มุ่งมั่นจะทำสิ่งต่างๆ ก็มีการระดมความคิด จนกลายมาเป็นข้อสรุปแบบนี้ ทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจกันคิดมา เรื่องโควตาเยาวชน เราว่าพวกเขาก็ยังมีโอกาส เรายังมีโควตาแข้งเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2 คน ส่วนปีต่อไป เราอาจจะเพิ่มหรือไม่ ก็ต้องดูกันอีกที เราต้องดูปีนี้ไปก่อน”
“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันทำให้เราอยากได้ข้อสรุปโดยเร็ว และอยากให้เยาวชนยังมีโอกาสเล่น เรายังอยากให้เด็กมีโอกาสเล่น แต่เราก็ตัดเรื่องเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปีไปก่อน ไปนับรวมกับอายุไม่เกิน 23 ปี ส่วนโควตาเอเชีย ก็ไม่มีแล้ว ดังนั้นนักเตะเอเชีย ก็จะคิดเป็นโควตาต่างชาติไปเลย”
“ลีกสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 21 ปี ก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนทีมบีของแต่ละทีม ก็เปลี่ยนใหม่หมด ตอนนี้ไม่มีทีมบีแล้วซึ่งทีมเขาอาจจะปล่อยให้ทีมไทยลีก 2 และ 3 ใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้เด็กหรือจะให้เล่นกับสโมสรต่อไป ก็เป็นนโยบายของแต่ละทีมครับ” คุณอรรณพ กล่าวปิดท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี