เสียงฮือฮาจากทั่วทุกสารทิศ เมื่อ บุนเดสลีกา เยอรมนี ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลยุคหญิงแกร่ง “อังเกลา แมร์เคิล” ประกาศให้กลับมาแข่งขันฟุตบอลได้
ในภาวะที่คอลูกหนังกำลังหิว นี่คือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มีความเปล่งปลั่งสวยสดงดงามยิ่งนัก
16 พฤษภาคมนี้ ได้ฤกษ์กลับมาสู้กัน โดยแบ่งสรรการเตะออกไป 3 วัน คือ เสาร์ 6 คู่, อาทิตย์ 2 คู่ และจันทร์ 1 คู่
โปรแกรมบุนเดสลีกา รีเทิร์น ประกอบด้วย 16-5-20 ฮอฟเฟ่นไฮม์-แฮร์ธ่า, ดุสเซลดอร์ฟ-พาเดอร์บอร์น, แฟร้งค์เฟิร์ต-กลัดบัค, เอาก์สบวร์ก-โวลฟ์สบวร์ก, ไลป์ซิก-ไฟร์บวร์ก, ดอร์ทมุนด์-ชาลเก้
อาทิตย์ที่ 17-5-20 โคโลญจน์-ไมนซ์ และอูนิโอน-บาเยิร์นฯปิดท้ายจันทร์ที่ 18-5-20 เบรเมน-เลเวอร์คูเซ่น
ที่ผ่านมา บุนเดสลีกา ซัดไปแล้ว 25 นัด และตอนนี้ยังสนุกตื่นเต้นเร้าใจในทุกภาคส่วน
เรามีเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนได้สตาร์ทไปพร้อมๆ กัน ทั้งคนที่ติดตาม และคนที่ไม่เคยดู งานนี้ได้รู้ก่อนชมเกมที่จะกลับมา โดยฟรีทีวีบ้านเราคือ “พีพีทีวี 36” ถ่ายทอดสด 2 เกม ระหว่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบกับ ชาลเก้ 04 และอูนิโอน เบอร์ลิน กับ บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงและแชมป์เก่า
บอลเมืองเบียร์ ลีกสูงสุดมีทั้งหมด 18 ทีม ดังนั้นใน 1 ซีซั่นแต่ละทีมต้องลงแข่งขัน 34 นัด ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 25 เกม เท่ากับว่า9 นัด ที่เหลือนับจากนี้ที่ต้องสู้กันไปจนกว่าจะปิดฤดูกาล
ทีมอันดับ 1,2,3 และ 4 จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาลหน้า ส่วนอันดับ 5 จะได้ไปเล่นยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม และอันดับ 6 จะไปเล่นยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 2
ทีมตกชั้นจะตกแบบอัตโนมัติทันที 2 ทีม คือ อันดับที่ 17 กับ 18 ส่วนทีมอันดับที่ 16 จะต้องไปเตะเพลย์ออฟ กับทีมอันดับ 3จาก ลีกาสอง แบบเหย้า-เยือนต่อไป สำหรับทีมแชมป์ กับ รองแชมป์จาก ลีกาสอง จะได้ขึ้นชั้นแบบอัตโนมัติ
การต่อกรบนหัวตาราง หลายคนไม่ค่อยได้ติดตามจะเห็นว่า บาเยิร์นฯ จะเข้าป้ายอีกแล้วล่ะหรือ!?!?!
เอาเข้าจริงปีนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับ บาเยิร์นฯ พวกเขาเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่หัวยันหาง
อูลี่ เฮอเนส วางมือจากตำแหน่งผู้บริหาร, การเสียสองผู้ยิ่งใหญ่อย่าง อาร์เย็น ร็อบเบน กับ ฟรองค์ ริเบรี่, นักเตะเจ็บระนาว,มีการเปลี่ยนโค้ชเมื่อปลด นิโก โควัช ออกจากตำแหน่งหลังจากบุกไปแพ้ แฟร้งค์เฟิร์ต 1-5 แล้วสถานการณ์เลวร้ายต่อเนื่อง ฮันซี่ ฟลิคคุมทีมร่วงมาอยู่ที่ 7 ในช่วงต้นเดือนธันวาคม
แต่หลังจากนั้น บาเยิร์นฯ ชนะถึง 10 จาก 11 นัด หลังจากบุกไปชนะ ไมนซ์ 3-1 ในวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บวกกับฟอร์มการเล่นที่ค่อยๆ ลดความดุดันลงของ “กระทิงหนุ่ม” อาร์เบ ไลป์ซิก และ “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ ที่เพิ่งจะกลับมาตั้งลำได้ในช่วงหลัง
ยังผลให้ บาเยิร์นฯ นำอยู่ 4 คะแนนในตอนนี้ ตามมาโดย ดอร์ทมุนด์ ที่ 8 เกมหลังชนะไป 7 ส่วนหนึ่งคือการมาของ เออร์ลิ่ง เบราท์-ฮาลันด์ ที่ลงเล่นในลีก 5 นัด สำรองอีก 3 แต่ซัดไปถึง 9 ลูกทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตชีวาและมีลุ้นอีกคำรบ จี้ติดมาโดย ไลป์ซิก51 แต้ม และโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 49 คะแนนก็ยังแอบหวังได้เช่นกัน ส่วน เลเวอร์คูเซ่น ที่แผ่วๆ ลงไปมี 47 แต้มเต็มที่คือโควตาบิ๊กเอียร์เท่านั้น
แชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัยอย่าง “นกนางนวล” แวร์เดอร์เบรเมน ฟอร์มการเล่นตกลงไปมาก หล่นไปอยู่รองบ๊วยมีเพียง18 คะแนน แต่ยังวางใจให้กุนซือหนุ่มอย่าง ฟลอเรียน โคห์เฟลด์ท ได้ทำงานอยู่เหมือนเดิม
เบรเมน หลังรั่วเสียประตูเยอะสุดในลีก โดนยิงไปแล้วถึง55 ประตู ในทางกลับกันก็ยิงได้น้อยที่สุดเพียง 27 ลูก เท่ากับฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ ที่อยู่ในโซนเพลย์ออฟ แต่ เบรเมน ยิ่งเล่นยิ่งตามห่างไปแล้วเป็น 4 คะแนน
ท้ายตารางคือ พาเดอร์บอร์น น้องใหม่ที่ทำท่าจะไม่รอด มีอยู่ 16 แต้ม ห่างโซนตกชั้นอย่าง ไมนซ์ 05 อยู่ถึง 10 คะแนน ทางทฤษฎีเป็นไปได้ แต่ฟอร์มในทางปฏิบัติต้องบอกว่า ยอมเถอะ!!!
การลุ้นขึ้นชั้นของลีกาสอง ก็สนุกเร้าใจ จ่าฝูงตอนนี้คือ อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ ที่ตกไปจากบุนเดสลีกา ตั้งแต่ปี 2009 พร้อมรูดไปถึงลีกาสาม ตอนนี้มี 51 คะแนน นำหน้า “ม้าขาว” เฟาเอฟเบสตุ๊ตการ์ท อยู่ 6 คะแนน โดยมี “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก ตามมาที่ 44 คะแนน โดยทีมที่จะสอดแทรกได้คือ ไฮเดนไฮม์ ที่มี 41 คะแนน
ส่วนทีมที่มีสิทธิ์หล่นไปลีกาสาม กลายเป็นอดีตทีมดังอย่าง คาร์สรูห์ เอสซี และดินาโม เดรสเดน รวมถึง เฟาเอฟแอล โบคุ่มที่ต้องเบียดหนีตายในพื้นที่เพลย์ออฟ กับ วาเฮ่น ไวส์บาเด้นรวมไปถึง เนิร์นแบร์ก อีกทีมหนึ่งด้วย
“สิงห์หนุ่ม” กลัดบัค กับ “แพะบ้า” โคโลญจน์ คือคู่สุดท้ายที่ลงสนามฟุตบอลบุนเดสลีกา เป็นเกมนัดตกค้าง เมื่อ11 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่เกมจบลงด้วยการคว้าสามคะแนนของ กลัดบัค ที่เข้าวินด้วยสกอร์ 2-1
เกมนี้ถูกบันทึกให้เป็นแมทช์ประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการเตะไม่มีผู้ชมนัดแรกและนัดเดียวของบอลลีกเบียร์ ณ โบรุสเซีย พาร์ค
นักเตะ 11 ตัวจริงในวันประวัติศาสตร์ ประกอบด้วย กลัดบัค : ยานน์ ซอมเมอร์ - สเตฟาน ไลเนอร์, มัทธิอัส กินเทอร์, นิโก้ เอลเวดี้, ออสการ์ เวนด์ท, คริสตอฟ คราเมอร์, โทเบียส ชโตรเบิล, พาทริค แฮร์มันน์, มาร์คุส ตูราม, อลาสซาเน่ เพลอา และ บรีล เอ็มโบโล่ ส่วนเทรนเนอร์ คือ มาร์โก โรเซ่อ
โคโลญจน์ : ติโม ฮอร์น, คิงส์ลี่ย์ เอฮิซิบู, ฆอร์เค่ เมเร่, โทนี่ไลสต์เนอร์, เบนโน ชมิตซ์, เอลล์เยส ชคิรี่, โยนาส เฮคตอร์, โฟลเรียนเคนซ์, มาร์ค อูธ, อิสมาอิล ยาค็อบส์ และ จอห์น กอร์โดบา โดยมี มาร์คุส กิสโดล คุมทีม ส่วนผู้ตัดสิน คือ เดนิซ อายเตคิน
จากนั้นแฟนบอลกลัดบัค เปิดแคมเปญ “Stay at home. Be in the stands” ให้แฟนบอลร่วมส่งภาพตนเองเพื่อทำเป็นสแตนดี้ไปวางในสนาม เพื่อเป็นกำลังใจให้นักบอล แล้วก็ตัวกองเชียร์เองอีกด้วย
มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเทรนเนอร์ไปแล้วถึง 8 ครั้งด้วยกัน น่าสนใจก็คือ “หญิงชรา” แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่วุ่นวายขายปลาช่อนด้วยการเปลี่ยนในซีซั่นไปแล้วถึง 3 รอบ หลังจาก พาล ดาร์ไดออกจากทีมไปเมื่อซีซั่นก่อน
อันเต โควิซ, เจอร์เก้น คลินส์มันน์ และอเล็กซานเดอร์ นูริเดินออกจากทีม โดยล่าสุด บรูโน่ ลาบบาเดีย ได้เข้ามาทำงานที่นี่ โดยมีเป้าหมายเพื่ออยู่รอดต่อไป ส่วนอีก 5 คนที่เปลี่ยนแปลงก็คือ นิโก้ โควัช ของบาเยิร์นฯ, อาชิม ไบเออร์ลอร์เซอร์ ของโคโลญจน์, ซานโดร ชวาร์ซ ของไมนซ์ 05, ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิล ของฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ และมาร์ติน ชมิดท์ ของเอาก์สบวร์ก
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ปืนใหญ่ทะลวงทุกที่ของ บาเยิร์นฯ นำดาราซัลโวอยู่ในตอนนี้ที่ 25 ประตู ตามมาด้วย ติโม แวร์เนอร์หัวหอกเนื้อหอมของไลป์ซิก 21 ประตู และจาดอน ซานโช่ ปีกดาวโรจน์ของดอร์ทมุนด์ 14 ประตู
ขณะเดียวกัน ซานโช่ ก็สมดุลแบบสุดๆ เมื่อแอสซิสต์ให้เพื่อนพังประตูได้ถึง 16 ลูก เท่ากันกับ โธมัส มุลเลอร์ จอมเก๋าแห่งบาเยิร์นฯ และดาวรุ่งอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ของไลป์ซิก จัดไปอีก 14 ลูก
ส่วน มานูเอล นอยเออร์ ของบาเยิร์นฯ ยังไว้ลายจอมหนึบเมื่อเก็บได้ถึง 10 คลีนชีต ตามมาด้วย เปตาร์ กูลาซซี่ ของไลป์ซิก และลูคัส ฮราเด็กกี้ ฟลายอิ้งฟินน์ของ เลเวอร์คูเซ่น คนละ 8 คลีนชีต
...........ว่ากันตามเชิง เยอรมนีถือเป็นชาติมหาอำนาจ และแฟนฟุตบอลในเยอรมนี เป็นที่ทราบกันดีว่ายอดผู้ชมในสนามคือระดับท็อปของโลก นับเฉพาะใน 5 ลีกหลักของยุโรป ฟุตบอลเยอรมนี นำโด่งเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยผู้ชมสูงสุดต่อฤดูกาล เป็นแชมป์มาตั้งแต่ปี 2004-2005 เรื่อยมาจนปีล่าสุด
แม้มูลค่าของลีก อาจไม่เทียบเท่ากับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ความโดดเด่นเป็นสง่าของบุนเดสลีกา ก็คือ แฟนฟุตบอลที่แออัดยัดทะยานเข้าไปเมื่อแมทช์เดย์มาถึง
วัดกันใน 20 ทีมของโลกที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลมากที่สุดในรอบ 10 ซีซั่นที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีทีมบุนเดสลีกา อยู่ตรงลิสต์นั้นถึง 9 ทีม!!!
แต่การคัมแบ๊กหนนี้ไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมตามกฎที่ทุกคนต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่กลับมาเตะได้ก็คือ แนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้จะมี “ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ทางการแพทย์” เพราะไม่มีอะไรที่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
จุดนี้ต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ถึงมุมมองทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของวงการฟุตบอลเยอรมนี ควบคู่กันไป
การถือธงนำหน้าหนนี้ หลายคนเรียก “บุนเดสลีกาโมเดล”
ไม่ใช่ฟุตบอลอย่างเดียว และไม่ได้หมายว่า กลับมาแล้วไม่ติดโรค
แต่หมายถึงการทำงานที่มีหลักการ เป็นขั้นเป็นตอน สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ เตรียมพร้อมที่สุด มีความพร้อมที่สุด
ส่วนโรคนี้ใครจะติดหรือไม่ติด
แล้วแต่โชคชะตา.............
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี