การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี เดินทางมาถึงวันสุดท้ายวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้

9 คู่ 9 สนาม เตะพร้อมกันในเวลา 20.30 น. ตามเวลาคุณภาพมาตรฐานเยอรมนี

ปีนี้สิ่งที่จะต้องจารึกเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการมี “แชมป์หน้าใหม่” นั่นคือ ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซ่น หรือที่บ้านเราเรียกว่า “ห้างขายยา”, “ห้างยา” หรือเลยเถิดไปถึง “นายห้าง”

นั่นก็เพราะว่า เลเวอร์คูเซ่น คือทีมที่ถือกำเนิดเกิดจากเงินสนับสนุนของบริษัทนี้

เลเวอร์คูเซ่น บันทึกว่าพวกเขาเป็นแชมป์ลีกสูงสุดบอลเยอรมนี ตั้งแต่เริ่มต้นแข่งขัน ปี 1903 (German football championship หรือ Deutsche Fußballmeisterschaft))กระทั่งเข้าสู่ยุคบุนเดสลีกา ปี 1963 พวกเขาเป็นแชมป์สมัยแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมปี 1904

เลเวอร์คูเซ่น นับเป็นแชมป์สโมสรที่ 30 ของประเทศ โดยได้แชมป์ตั้งแต่นัดที่ 29 ด้วยการถลุงใส่ แวร์เดอร์ เบรเมน 5-0 ที่ไบ อารีน่า บ้านของพวกเขาเอง

ชาบี อลอนโซ่ กุนซือหนุ่มชาวสเปน กับการทำงานแบบ “เต็มเทอม” ซีซั่นแรก ปล่อยของได้อย่างน่าสนใจ และทำได้ตามกลไลตลาดของฟุตบอลเมืองเบียร์ที่เราก็รู้ว่า ในสไตล์หนึ่งเดียวคือ “50+1”

ใช้เงิน 90 ล้านยูโรในการซื้อนักเตะ และสร้างสมดุลด้วยการปล่อยนักเตะไปได้เงินมา 79 ล้านยูโร

เขาทำทีมมาแล้ว 3 รายการ 50 นัดในซีซั่นนี้ยังไม่แพ้ใครเลย!!!!!

เวลานี้อยู่ในเส้นทางการกวาดทุกแชมป์ โดยเหลือนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วยเยอรมนี “เดเอฟเบ โพคาล” กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น และชิงยูโรป้า ลีก เจอกับ อตาลันต้า จากอิตาลี

เวลานี้เราว่ากันถึง “บุนเดสลีกา” ที่ลงเตะไปแล้ว 33 นัดเลเวอร์คูเซ่น ชนะได้ถึง 27 นัด เสมอ 6 ยิงได้ 87 เสีย 23 ลูกเท่านั้น

ประเด็นที่น่าสนใจ และน่าตกใจก็คือ “อลอนโซ่ ทีม” สามารถพังประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บได้อย่างมากมายไปปีนี้ ทำให้ทีมจะเสมอกลับมาชนะ ทำให้ทีมจะแพ้กลับมาเสมอ และบางครั้งกำลังจะแพ้กลับมาชนะไปเลยก็มี

ในการยิงช่วงนาทีสุดท้ายไปจนถึงช่วงทดเจ็บนับเฉพาะบุนเดสลีกา พวกเขาทำได้ถึง 9 ครั้ง

นอกจากนี้พวกเขายังยิงได้ตั้งแต่นาทีที่ 80 รวมทั้งสิ้นถึง 32 ประตู ประกอบด้วย บุนเดสลีกา 17 ลูก, เดเอฟเบ โพคาล 7 ลูก และยูโรป้า 8 ลูก

มาจนถึงวันสุดท้ายของการแข่งขัน เลเวอร์คูเซ่น กำลังจะเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลเยอรมนี ที่จะ “ไม่แพ้ใคร” ตลอดทั้งฤดูกาล

ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ “ทีมเดียว” เท่านั้น ที่จบซีซั่น “แพ้น้อยที่สุด” นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค เจ้าของแชมป์ 33 สมัย

ยอดทีมแห่งบาวาเรีย ทำไว้ 2 สมัย นั่นคือ ซีซั่น 1986-87ยุคของ “เสือยิ้่มยาก” อูโด้ ลัทเท็ค และซีซั่น 2012-13 ยุคของ จุ๊ปป์ ไฮน์เกส

เรื่องแปลกๆ ก็คือ ทั้งสองฤดูกาลที่ บาเยิร์นฯ แพ้แค่ครั้งเดียวนั้น พวกเขาพลาดท่าคาบ้านให้กับ เลเวอร์คูเซ่น ทีมเดียวกันนี้ทั้งสองครา!!!!

เท่ากับว่า หาก เลเวอร์คูเซ่น ทำได้สำเร็จ นี่คือการทุบทุกสถิติทุกสิ่งอย่างลงได้อย่างราบคาบ เป็นสถิติที่โคตรทีมประจำลีกอย่าง บาเยิร์นฯ ก็ทำไม่ได้

ด่านสุดท้ายที่จะตอบคำถามทุกอย่างคือ เอาก์สบวร์ก ทีมชอบโชว์จากบาวาเรียถิ่นเดียวกับ บาเยิร์นฯ ซึ่งเจอกันนัดแรกของซีซั่น เป็นทีมที่เกือบทำให้ เลเวอร์คูเซ่น บอดสนิทเป็นหนแรก

แต่ก็โดนพิษการยิงทดเจ็บใส่ในนาทีที่ 90+4 จาก เอเซเกลปาลาซิออส กองกลางอาร์เจนไตน์

ประเด็นก็คือ เอาก์สบวร์ก ก็เล่นแบบเย็นเตร็กซ์สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก รอดตกชั้นไปแล้ว และไม่มีอะไรต้องไต่ไปให้ไกลกว่านี้

ความท้าทายก็คือ ขัดแข้งขัดขา และล้มงานฉลองโต๊ะจีนของเลเวอร์คูเซ่น

PPTV HD ช่อง 36 ถ่ายทอดสดคู่นี้ กับการครองแชมป์ประวัติศาสตร์

ที่อาจจะมีการเปิดหน้าบันทึกใหม่แบบคูณสอง.......

บี แหลมสิงห์

สถิติเลเวอร์คูเซ่นยิงนาทีสุดท้าย

: บุนเดสลีกา

นัดที่ 4 ตีเสมอ บาเยิร์นฯ 2-2 (เยือน) เอเซเกล ปาลาซิออส 90+4

นัดที่ 17 ชนะ เอาก์สบวร์ก 1-0 (เยือน) เอเซเกล ปาลาซิออส 90+4

นัดที่ 18 ชนะ ไลป์ซิก 3-2 (เยือน) ปิเอโร่ ฮินคาปิเย 90+1

นัดที่ 21 ชนะ บาเยิร์นฯ 3-0 (เหย้า) เฌเรมี่ ฟริมปง 90+5

นัดที่ 27 ชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1 (เหย้า) พาทริค ชิค 90+1

นัดที่ 29 ชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน 5-0 (เหย้า) ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ 90

นัดที่ 30 เสมอ ดอร์ทมุนด์ 1-1 (เยือน) โจซิป สตานิซิซ 90+7

นัดที่ 31 เสมอ สตุ๊ตการ์ท 2-2 (เหย้า) โรเบิร์ต อันดริช 90+6

นัดที่ 33 ชนะ โบคุ่ม 5-0 (เยือน) อเล็กซ์ กรีมัลโด้ น.90+3

: เดเอฟเบ โพคาล :

รอบ 2 ชนะ แซนด์เฮาเซ่น 4-2 (เยือน) อาดลี่ 90+2

รอบ 8 ทีม ชนะ สตุ๊ตการ์ท 3-2 (เหย้า) โยนาธาน ทาห์ 90

: ยูโรป้า ลีก :

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ คาราบัก 1-0 (เยือน) วิคเตอร์ โบนิเฟซ 90+4

รอบ 16 ทีม เสมอ คาราบัก 2-2 (เยือน) พาทริค ชิค 90+

รอบ 16 ทีม ชนะ คาราบัก 3-2 (เยือน) พาทริค ชิค 2 ลูก 90+3 และ 90+8

รอบ 8 ทีม ชนะ เวสต์แฮม 2-0 (เหย้า) วิคเตอร์ โบนิเฟซ 90+1

รอบรองชนะเลิศ เสมอ โรม่า 2-2 (เหย้า) โจซิป สตานิซิซ 90+7