สหายสายบอลกำลังนับวันถอยหลัง รอคอยการกลับมาของฟุตบอล
ในทาง “ทฤษฎี” ตอนนี้ “บุนเดสลีกา เยอรมนี” คือลีกที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะกลับมา “ปฏิบัติ”
ในวันพฤหัสบดีนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเยอรมนีจะมีการนำเรื่องการกลับมาแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา ซีซั่นนี้เข้าไปพิจารณา
จะกลับมาเตะได้เลยหรือไม่ ตามความปรารถนา 9 พฤษภาคมนี้
สิ่งสำคัญก็คือชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป และต้องมีมาตรการที่ดีในการรองรับและเยียวยาความเดือดร้อนอย่างเป็นระบบและเป็นระเบียบ พร้อมกับศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ปุถุชน
เยอรมนีถือเป็นชาติมหาอำนาจ และแฟนฟุตบอลในเยอรมนี เป็นที่ทราบกันดีว่ายอดผู้ชมในสนามแต่ละนัดนั้นถือว่าดีที่สุดระดับท็อปๆ ของโลก
นับเฉพาะใน 5 ลีกหลักของยุโรป ฟุตบอลเยอรมนี ขึ้นนำโด่งเป็นอันดับ 1 เฉลี่ยผู้ชมสูงสุดต่อฤดูกาล เป็นแชมป์มาตั้งแต่ปี 2004-2005 เรื่อยมาจนกระทั่งปีล่าสุดคือฤดูกาลที่แล้ว
แม้มูลค่าของลีก อาจจะไม่สามารถไปเทียบเท่ากับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ความโดดเด่น ความสง่างามของบุนเดสลีกา ก็คือ แฟนฟุตบอลที่แออัดยัดทะยานเข้าไปเมื่อแมทช์เดย์มาถึง
วัดกันใน 20 ทีมของโลกที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลมากที่สุดในรอบ 10 ซีซั่นที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีทีมบุนเดสลีกา อยู่ตรงลิสต์นั้นถึง 9 ทีม!!!
ความน่าสนใจก็คือยอดผู้ป่วยกับยอดผู้เสียชีวิตของ เยอรมนี ที่จัดการ “ปูพรมตรวจ”
ข้อมูลเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เยอรมนี ติดเชื้อ 159,912 ราย
รักษาหายไปแล้ว 117,400 ราย
มีผู้เสียชีวิต 6,314 ราย
มีการตรวจเชื้อแบบ “เชิงรุก” 2,072,669 คน
เมื่อเทียบกับหลายๆ ชาติ ละม้ายคล้ายว่าเยอรมนี มียาดีและรักษาได้อย่างน่าสนใจ และมีนัยในการรักษาที่ชวนให้คิดตามในหลายๆ เรื่อง
ในเชิงฟุตบอลก็เหมือนกัน เมื่อเยอรมนี กำลังกำหนดกลับมาแข่งขัน หากว่าผ่านการประชุมของคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 เมษายนนี้ ก็คือเร็วที่สุดจะเตะ 9 พฤษภาคมนี้
คริสเตียน ไซเฟิร์ต ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี หรือ เดเอฟเบ ได้กล่าวหลังจากการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่าสโมสรฟุตบอล 36 แห่ง มีความพร้อมแล้ว
ในแผนการทำงานที่นำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี จำแนกออกมาเป็นข้อๆ
สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนีและฟุตบอลลีกเยอรมนี ได้มีแนวทางหลังจากประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ โดยมี ทิม เมเยอร์ แพทย์ประจำทีมชาติ เป็นผู้ทำการร่างแผนโครงการ
หนึ่งในเรื่องสำคัญก็คือ แนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้จะมี“ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ทางการแพทย์” เพราะไม่มีอะไรที่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ถึงมุมมองทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของวงการฟุตบอลเยอรมนี ควบคู่กันไป
1.มีคนอยู่ในสนามในวันแข่งได้สูงสุดไม่เกิน 322 คนทุกคนจะต้องผ่านจุดการคัดกรองทั้งหมด จำนวนดังกล่าวประกอบไปด้วย นักเตะ, สต๊าฟโค้ช และทีมงานผู้ตัดสิน,นักข่าว, เจ้าหน้าที่ตรวจสารกระตุ้น, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,ทีมแพทย์ฉุกเฉิน, ผู้ดูแลสนาม และเด็กเก็บบอล
2.มีการปูพรมตรวจโรค 25,000 ชุด เป็นอย่างน้อย ราคาค่าตรวจชุดละ 90 ยูโร หรือกว่า 3,000 บาท เพื่อตรวจทุกคนที่จะต้องเข้าสนาม สัปดาห์ละครั้ง โดยพร้อมใช้งบประมาณตรงนี้กว่า 100 ล้านบาท โดยเฉพาะนักฟุตบอลจะต้องเข้ารับการตรวจเชื้อ สัปดาห์ละ 2 ครั้งทำไปจนกว่าจะปิดซีซั่น
3.ในการฝึกซ้อม ทุกคนจะต้องสัมผัสตัวกันน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
4.ก่อนแมทช์เดย์ นักบอลจะต้องเข้าพักที่โรงแรมเดียวกัน และต้องเป็นชั้นเดียวกัน สำคัญก็คือ ห้ามใช้มือสัมผัสอะไรโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะการขึ้นลิฟต์ต้องใช้ “ข้อศอก” กดเท่านั้น
5.นักฟุตบอลที่จะลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง จะต้องแยกกับตัวสำรองให้ชัดเจนอย่างน้อยให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่เช้าวันที่จะแข่งขัน
6.นักบอลจะโดยสารมาพร้อมกันจากโรงแรม และจะตรวจอุณหภูมิทุกคนบนรถ
7.ในเกมการดวลแข้ง นักเตะจะไม่เดินลงสนามพร้อมกัน, ไม่มีการจับมือกันก่อนลงเล่น
8.ไม่มีการให้สัมภาษณ์มิกซ์โซนของผู้สื่อข่าว แต่จะแถลงข่าวผ่านทางออนไลน์ เพื่อไม่ให้เกิดการรวมตัวของคนเยอะเกินไปในห้องแถลงข่าว
9.การตรวจอีกรอบของแต่ละสโมสรก็คือ จะมีเจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิทางหู บริเวณประตูเข้า-ออกสนาม เพื่อรายงานโดยตรงต่อสาธารณสุขอีกทอด
10.หากนักเตะคนใดคนหนึ่งถูกตรวจพบโควิด-19 นักบอลในทีมที่เหลือไม่จำเป็นต้องแยกไปกักตัว ซึ่งคนที่ติดเชื้อเท่านั้นที่จะถูกแยกออกไปกักตัว 14 วัน
เนื่องจากเยอรมนี เป็นประเทศสหพันธรัฐ ก่อนที่แต่ละสโมสรจะเริ่มต้นทำการฝึกซ้อมรวม พวกเขาจะต้องร่างแนวทางปฏิบัติ เพื่อไปขออนุญาตผู้มีอำนาจทางด้านสาธารณสุขของแต่ละรัฐ ซึ่งมาตรการเดียวกันเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
ซึ่งแผนงานทั้งหมดทั้งมวลจะถูกส่งไปยังสภาเมืองทั้งหมด 13 รัฐ และเขตปกครองพิเศษอีก 3 แห่ง ให้ได้พิจารณาพร้อมกันร่วมกับภาครัฐบาล ซึ่งมี นางอังเกลา แมร์เคิล เป็นผู้นำ
ทุกคนเชื่อมั่นว่า เยอรมนี มีความพร้อม
อย่างไรก็ตาม ในชั่วโมงในยามนี้ การกลับมาของฟุตบอลครั้งนี้ ถือว่ายากมากๆ ทั้งสภาพร่างกาย, สภาพจิตใจ และความเสี่ยงของนักกีฬา
คู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็นอย่าง โควิด-19 ยังเป็นปริศนา ไม่รู้ว่า มันมายังไง และจะไปเมื่อไหร่
แน่นอนที่สุด การถือธงนำหน้าของบอลเยอรมนีหนนี้ หลายคนเรียกกันว่า “บุนเดสลีกาโมเดล”
ไม่ได้หมายถึงฟุตบอลอย่างเดียว และไม่ได้หมายถึงว่า กลับมาแล้วไม่ติดโรค
แต่หมายถึงการทำงานที่มีหลักการ มีความเป็นขั้นเป็นตอน ด้วยคุณภาพมาตรฐานของเยอรมนี สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ เตรียมพร้อมที่สุด มีความพร้อมที่สุด
ส่วนโรคนี้ใครจะติดหรือไม่ติด
ก็แล้วแต่โชคชะตา...
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี