ในช่วงนี้ฟุตบอลลีกทั่วโลกต้องหลีกทางให้กับโปรแกรมทีมชาติเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป กำลังเข้มข้นแบบสุดๆ เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์ และหนีตายถวายเฮด
เรารวบรวมเรื่องราวของลีกต่างๆ ที่น่าสนใจมาบันทึกเอาไว้ ก่อนดวลกันอีกทีในสุดสัปดาห์หน้า
l พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สำหรับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ต้องบอกว่ามีของดีให้ดีให้ลุ้นกันถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการลุ้นแชมป์ กับม้าที่กำลังวิ่งเข้าเส้นชัย 3 ตัว ปัจจุบันจ่าฝูงคือ “ปืนใหญ่”
อาร์เซน่อล มีอยู่ 64 คะแนน เท่ากันอันดับดับสองอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จากการลงเล่น 28 เกม แต่ลูกได้เสียดีกว่า บวกอยู่ 46 มากกว่า 7 ประตู
ส่วนที่ตามมาแบบเกาะติด คิดตังค์และยังถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่งคือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีอยู่ 63 คะแนน
โดยทั้ง 3 ทีม ลงเล่นเท่ากันที่ 28 เกม ไม่มีทีมใดถือโปรแกรมตกค้างในมือ
ขณะที่การลุ้นพื้นที่ยุโรปก็ถือว่าขับเคี่ยวกันอย่างสนุก แอสตัน วิลล่า ไล่ตามตีเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้พวกเขายังรั้งอันดับ 4 ทิ้งห่างผู้ตามอันดับ 5 อย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3 คะแนน ทีมของ อันเก้ปอสเตโคกู ดันไปพลาดทำหมูหกบุกไปโดน ฟูแล่ม ถล่มยับ 3-0 อย่างไรก็ตาม วิลล่า แข่งมากกว่าลงเล่นไป 29 เกมแล้ว ส่วนที่ตามมาห่างๆ คือ แมนฯยูไนเต็ด มีอยู่ 47 คะแนน
ด้านโซนตกชั้นเกิดการพลิกผันครั้งสำคัญ เมื่อ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน อุทธรณ์สำเร็จได้คืนมา 4 แต้ม ทะยานขึ้นอันดับ 16 ส่วนที่ต้องกุมขมับคือ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไม่รอดโดนปรับ 4 คะแนน ส่งผลให้พวกเขาหล่นมารั้งอันดับ 18 ซึ่งเป็นโซนแดงมีอยู่ 21 คะแนน ทีมที่ยิ้มรับคือ ลูตัน ทาวน์ ที่มี 22 แต้มขึ้นไปอยู่อันดับ 17 แทน
ก็ต้องรอดูกันต่อไปหลังโปรแกรมทีมชาติเสร็จสิ้นกับช่วงโค้งสุดท้าย 10 เกมที่เหลือ โดย ลิเวอร์พูล จะเฝ้ารังดวลไบรท์ตัน ส่วน แมนฯซิตี้ จะทำศึกมหาแมทช์เปิดบ้านพบอาร์เซน่อล ตัดแต้มกันเอง ซึ่งสองคู่นี้จะเตะในคืนวันอาทิตย์ที่31 มีนาคม 2024
l บุนเดสลีกา เยอรมนี
เหลืออีก 8 เกมให้ลงเล่นจ่าฝูงยังคงเป็น “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่บุกไปเฉือน “จิ้งจอกแห่งป่าดำ”ไฟรบวร์ก 3-2 นำ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่คืนฟอร์มถล่ม ดาร์ทสตัดท์ 5-2 อยู่ 10 คะแนน ทีมของ ชาบี อลอนโซ่ยังรักษาสถิติไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ 38 เกมในทุกรายการอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกถ้วย
ในการลุ้นพื้นที่ยุโรปมี 3 ทีมที่ต้องวัดกัน อันดับ 3 คือ “ม้าขาว” สตุ๊ตการ์ท ภายใต้การคุมทีมของ เซบาสเตียนเฮอเนส ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ดีเตอร์ เฮอเนส ซึ่งเป็นน้องชายของ อูลี่ เฮอเนส ที่ดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ บาเยิร์น มิวนิค มีข่าวว่าจะไปแทน โธมัส ทูเคิ่ล ทำให้สตุ๊ตการ์ท จับขยายสัญญาใหม่ทันที พวกเขามี 56 คะแนน ห่างอันดับ 4 อย่าง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์6 คะแนน ซึ่งดูแล้วพวกเขาน่าจะแย่งอันดับ 4 กับแอร์เบ ไลป์ซิก ที่มีอยู่ 49 คะแนน
ในโซนตกชั้นก็ยังคงต้องลุ้นกันสนุกยกเว้น ดาร์ทสตัดท์ที่กองบ๊วย มีแค่ 13 คะแนน จากการลงเล่น 26 เกม จองศาลารอไปเล่นลีกา 2 อันดับ 17 คือ “แพะบ้า” เอฟซี โคโลญจน์ ตามหลังอันดับ 16 อย่าง ไมนซ์ 05 อยู่ 1 คะแนน ซึ่งตำแหน่งนี้ไม่ได้ตกชั้นทันทีได้ลุ้นเพลย์ออฟต่อ ที่น่าสนใจคือ “หมาป่าแห่งเมืองเบียร์” โวล์ฟสบวร์ก ตะเพิด นิโก้โควัช ตกเก้าอี้กุนซือ หลังไม่ชนะใครในลีกมายาวนานถึง4 เดือน จากเป็นทีมหัวตารางหล่นมารั้งอันดับ 14 เหนือโซนตกชั้นแค่ 6 คะแนน
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี คือการประกาศอำลาตำแหน่งกุนซือของ คริสเตียน สไตรช์กุนซือของ “จิ้งจอกแห่งป่าดำ” ไฟรบวร์ก ปิดฉากการทำงานกับทีมอย่างยาวนาน 29 ปี สไตรช์ ในวัย 58 ปี อยู่กับไฟรบวร์ก มาตั้งแต่ปี 1995 ในฐานะโค้ชทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยับบทบาทมาเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชุดใหญ่ในปี 2007 ก่อนจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกุนซืออย่างเต็มตัวเมื่อปี 2011 โดยเขาอยู่กับทีมในทุกช่วงเวลาพาทีมทั้งเลื่อนชั้นและตกชั้นเป็นว่าเล่น แต่ก็ไม่เคยหล่นลงไปไกลกว่า ลีก้า 2
หากนับระยะเวลาในการคุมทีมชุดใหญ่ จะอยู่ที่ 13 ปี ยังเป็นรอง แฟรงค์ ชมิดท์ จากไฮเดนไฮม์ ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลาเกือบ 17 ปี โดยพาทีมเลื่อนชั้นมาตั้งแต่ระดับดิวิชั่น 5 สู่ลีกสูงสุด อย่างไรก็ตาม คริสเตียน สไตรช์ ยังรั้งอันดับ 3 กุนซือที่คุมสโมสรเดียวลงเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมนี มากที่สุด นับเป็นจำนวนเกม ปัจจุบัน 383 นัด เป็นรอง โธมัส ชาฟ และอ็อตโต้ เรห์ฮาเกลที่ทำไว้ 480 เกม และ 493 เกม ตามลำดับ ซึ่งสองนี้คุมทีมเดียวกันคือ “นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน
l ลาลีกา สเปน
บอลกระทิงลงเล่นไปแล้ว 29 เกม เหลืออีก 9 นัด ในช่วงโค้งสุดท้าย โอกาสเข้าป้ายของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ค่อนข้างสดใส หลังบุกถล่ม โอซาซูน่า 4-2 มีอยู่ 72 คะแนน ผู้ตามอย่าง กิโรน่า ดันสะดุดบุกไปพ่าย เกตาเฟ่ 0-1 ตาม 10 แต้ม ทำให้ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ที่กำลังท็อปฟอร์มบุกอัด “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด โผล่พรวดขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิง มี 64 คะแนน ตามหลัง 8 แต้ม
การลุ้นพื้นที่ยุโรปให้น้ำหนักไปที่อันดับ 4 แย่งกัน 2 ทีมคือ แอธเลติก บิลเบา และแอต มาดริด มีแต้มตามหลังกันอยู่ 1 คะแนน ที่ตามมาห่าง ๆ คือ เรอัล โซเซียดัด จากซาน เซบาสเตียน มี 46 คะแนน
ปิดท้ายที่การลุ้นหนีตกชั้น แบบนี้ต้องฉลองเมื่ออัลเมเรีย สถิติอันเลวร้ายไม่ชนะใครติดต่อกันในลาลีกา สเปน เอาไว้ที่ 28 เกม สัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาหาญกล้าบุกไปเอาชนะ ลาส พัลมาส ถึงถิ่น 1-0 อย่างไรก็ตามยังคงจมบ๊วยมีอยู่ 13 คะแนน ตามหลังอันดับ 17 อย่าง เซลต้าบีโก้ที่ปลด ราฟาเอล เบนิเตซ แล้วดันฟอร์มดีบุกชนะเซบีญ่า 2-1 อยู่ถึง 14 คะแนน
มีความเป็นไปได้ว่า 3 ทีม อันดับ 18 19 และ 20 อย่าง กาดิซ (22 คะแนน), กรานาด้า (14 คะแนน) และอัลเมเรีย (13 คะแนน) จะกอดคอพากันร่วงตกชั้น โดยเฉพาะ
2 ทีมหลัง ที่จองศาลาไว้รอได้เลย
l กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี
“งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของ “ไอ้กั้ง”ซิโมเน่ อินซากี้ แม้จะสะดุดเปิดบ้านเสมอ นาโปลี 1-1 ยังคงนำจ่าฝูงมีอยู่ 76 คะแนน จากการลงเล่น 29 เกม นำห่างอันดับ 2 อย่าง “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน ถึง 14 แต้ม หากไม่มีอะไรผิดพลาดโอกาสเข้าป้ายของทีม “เนรัซซูรี่” ค่อนข้างจะแบเบอร์
การลุ้นพื้นที่ยุโรป อันดับ 3 อย่าง “ม้าลาย” ยูเวนตุส ไม่น่าพลาดเพราะนำอันดับ 5 อย่าง “หมาป่าแห่งกรุงโรม” อาแอส โรม่า ถึง 8 คะแนน ตามมาคืออันดับ 4 อย่าง โบโลญญ่า ภายใต้การคุมทีมของ ติอาโก้ ม็อตต้า มีอยู่ 54 คะแนน เป็นอีกหนึ่งกุนซือที่น่าจับตามองว่าจบฤดูกาลนี้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะสัญญากับ โบโลญญ่า จะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้
ส่วนการลุ้นหนีตกชั้น ซาแลร์นิตาน่า น่าจะโบกมือบ๊ายบายไปก่อนเพื่อน เพราะมีอยู่ 14 คะแนน ตามหลังเอ็มโปลี อันดับ 17 อยู่ 11 คะแนน เรียกได้ว่ารอดยากสุดๆ แถมล่าสุดเพิ่งปลดโค้ชไล่ ฟาบิโอ ลิเวรานี่ พ้นตำแหน่งกุนซือ หลังเข้ามาคุมทีมได้เพียง 5 เกม นี่คือโค้ชคนที่ 3 ที่ถูกพวกเขาไล่ออกต่อจาก เปาโล ซูซ่า และ “ไอ้กุ้ง” ฟิลิปโป้ อินซากี้
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่อันดับ 19 ไปจนถึง 13 ยังต้องลุ้นหนีกตกชั้นกันสนุกกับช่วงโค้งสุดท้าย 9 เกมที่เหลือ ทีมที่ร่วงลงมาแล้วน่าใจหายคือ ซาสซูโอโล่ รั้งอันดับ 19 ผลพวงมาจากการขายตัวหลักกินทุกปี แถมตัวแบกอย่าง โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ บาดเจ็บหนักพักยาวทั้งฤดูกาลอดลุยยูโร 2024 กับทีมชาติอิตาลีด้วย
l ลีกเอิง ฝรั่งเศส
ปิดท้ายที่ศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง เข้าใกล้การคว้าแชมป์สมัยที่ 12 หลังบุกไปถล่ม มงต์เปลิเย่ร์ 6-2 จากแฮททริกของ “ประธานเป้” คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำให้ตอนนี้เขาซัดไปแล้ว 24 ประตูนำดาวซัลโวของลีก และทีมก็รั้งจ่าฝูงมี 59 คะแนน จากการลงเล่น 26 เกม นำห่างอันดับ 2 ที่ถือว่าเป็นม้ามืดอย่าง แบรสต์ อยู่ 12 คะแนน
โดย แบรสต์ ภายใต้การคุมทีมของ เอริค รอย นั้นโผล่พรวดขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดจากทีมที่ลุ้นหนีตกชั้นทุกปี ขยับขึ้นมาแอบลุ้นแชมป์ ทำเป็นเล่นมีโอกาสไปลุยฟุตบอลยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ตอนนี้มีอยู่ 47 คะแนนนำอันดับ 3 อย่าง โมนาโก อยู่ 1 แต้ม รวมไปถึงอันดับ 4 และ 5 อย่าง ลีลล์ และนีซ อยู่ 4 คะแนน
ส่วนการลุ้นหนีตกชั้นถือว่าเข้มข้น ยังมีโอกาสทุกทีม บ๊วยคือ แกลร์กมงต์ ฟุต มีอยู่ 20 คะแนน ขยับขึ้นไปคือ เม็ตซ์ 23 คะแนน และน็องต์ส อันดับ 16 มีอยู่ 25 คะแนน ข้างบนตั้งแต่ 15 ขึ้นไปใช่ว่าจะปลอดภัย แต้มยังไม่ห่างกันมาก ไล่ตั้งแต่ ลอริยองต์, มงต์เปลลิเย่ร์, เลอ อาร์ฟ, สตราส์บูร์กและตูลูส นำอยู่ 1-4 แต้มตามลำดับ
ขณะที่ “ลียงลงเป็นยิง” ยกระดับการเล่นได้ดีขึ้น หลังอดีตแข้งชื่อดังอย่าง โลร็องต์ บล็องก์ และฟาบิโอ กรอสโซ่ทำไว้เละ ได้ ปิแอร์ ซาช เข้ามาคุมทีม 30 พฤศจิกายน 2023 ผลงานดีขึ้นชัดเจน 15 เกมในลีก ชนะ 10 แพ้ 5 มีอยู่34 คะแนน ขึ้นมารั้งอันดับ 10 ของตาราง ดูแล้วไม่น่าจะต้องกลับไปลุ้นหนีตกชั้นในช่วงโค้งสุดท้าย
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี