หากจะพูดถึงสโมสรบนโลกใบนี้ ที่สามารถดึงดูดเหล่าแข้งซูเปอร์สตาร์เข้าสู่ทีมได้ดีที่สุด ชื่อของ บาร์เซโลน่า ต้องติดท็อปอันดับต้นๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย จากผลงานความสำเร็จในสนามที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
แต่ถ้าใครบางคน บอกว่าทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้กลายเป็นหนึ่งสโมสรฟุตบอลที่แย่ที่สุดในโลก ถ้าพูดถึงเพียงเฉพาะการเสริมทัพตลอดระยะหลังมันก็จะไม่แปลกนักเช่นกัน..
ภายใต้การบริหารงานของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานคนปัจุบัน เขาโดนตำหนิอย่างหนักในเรื่องการบริหารงานจากแฟนบอลอัลซูลกราน่า นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทน ซานโดร โรเซลล์ ประธานสโมสรคนก่อนแบบชั่วคราวเมื่อปี 2014 ก่อนจะชนะเลือกตั้งในปี 2015
และนับตั้งแต่นั้น ตลอดระยะเวลาที่ บาร์โตเมว เข้ามาบริหารทีม สโมสรไม่เคยเจอนักเตะที่ใช่ ในการเสริมทัพได้
อีกเลย
โอเคล่ะ ทีมยังสามารถบันดาลแชมป์มาได้แทบทุกปีแต่หากมองไปที่การตลาดเสริมทัพนักเตะแล้ว ต้องบอกว่าพวกเขาทำได้น่าผิดหวังเอามากๆ เพราะนับตั้งแต่ปี 2014 ที่คว้าตัว หลุยส์ ซัวเรซ,มาร์ก อันเดรสเตเก้น และ อีวาน ราคิติช เข้ามา พวกเขาก็ไม่ได้เสริมทัพแบบชาญฉลาดอีกเลยทั้งที่ใช้เงินคลังของสโมสรไปอย่างบ้าคลังถึง 730 ล้านปอนด์ (ราว 32,000 ล้านบาท)
ที่สำคัญคือเงินจำนวนจาก 3 ใน 4 ของทั้งหมดถึง 508 ล้านปอนด์ นั้นเป็นการซื้อเพื่อเข้ามาอุดรอยรั่วที่ เนย์มาร์ ทิ้งไว้ และหาคนที่เข้ามาเล่นให้เข้าขากับ เมสซี่ และ ซัวเรซ ได้
ความล้มเหลวครั้งล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการที่ปล่อยแข้งอย่าง อาร์ตูร์ เมโล่ ไปให้ ยูเวนตุส และได้ตัว
มิลาเร็ม เปียนิช เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งพวกเขาได้เงินกลับมาเพียง เพียง 10 ล้านปอนด์เท่านั้น ทั้งที่ อาร์ตูร์ นั้นอายุน้อยกว่า เปียนิช ถึง 7 ปี
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดนักเตะ “อัลซูลกราน่า” ที่พังทลายวายวอด แบบไม่มีอะไรจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันตลอดระยะ6 ฤดูกาลที่ผ่านมา ลองไปดูกัน
2015/16 : การก้าวเข้ามาบริหารงานเต็มตัวของ บาร์โตเมว
นับเป็นปีแรกที่ บาร์โตเมว ก้าวเข้ามาบริหาร บาร์เซโลน่า อย่างเต็มตัว ฤดูกาลนี้ พวกเขาจัดการคว้าตัว อาร์ดา ตูราน กองกลางตัวกลั่นทีมชาติตุรกี เข้ามาจาก แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ได้ลงสนามไปเพียง 36 เกมเท่านั้น ก่อนจะถูกปล่อยไปให้ ทีมในลีกตุรกีอย่าง อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ยืมตัว และถูกปล่อยตัวยาวนับจากนั้น ขณะที่อีกแข้งอย่าง อเล็กซ์บีดัล ที่ถูกดึงตัวเข้ามาร่วมทัพ ก็แทบไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นในถิ่นคัมป์นู และได้ลงสนามรวม 51 นัดเท่านั้นตลอด 3 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปให้ เซบีญ่า ทีมเก่าของตัวเองเพียง 9 ล้านปอนด์เท่านั้น
2016/17 : ทุบคลังซื้อแบบบ้าคลั่งสุดท้ายไม่มีใครดีพอ
หลังจากล้มเหลวจากตลาดนักเตะ ฤดูกาลก่อนบาร์เซโลน่า พยายามจะมองหาการสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้งและซัมเมอร์นี้เอง พวกเขาจัดการคว้าตัวแข้งมาเสริมทัพแบบจัดหนักทั้ง อันเดร โกเมส, ปาโบล อัลการแซร์, ซามูเอลอุมติตี้, ลูคัส ดีญ, แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น และ เดนนิส ซัวเรซ ที่ค่าตัวร่วมกันกว่า 150 ล้านปอนด์ ซึ่งรายชื่อนักเตะที่กล่าวมามีแค่เพียง อุมตีตี้ ที่พอไปวัดไปวาได้ แต่ก็ต้องเจออาการเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง ส่วนแข้งที่เหลือต้องบอกว่ายิ่งกว่าพังพินาศ เพราะไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมได้เลย
2017/18 : การตามหาตัวแทน เนย์มาร์ ที่ไร้ความหมาย
สุดยอดฤดูกาลแห่งความล้มเหลวในตลาดนักเตะของทีมอย่างแท้จริง เมื่อการอำลาทีมของ เนย์มาร์ สร้างรอยโหว่รูเบ้อเร่อขึ้น และนั่นทำให้ บาร์โตเมว อยู่ยากแน่นอนถ้าไม่หาแข้งบิ๊กเนมมาอุดรอยต่อตรงนี้ เขาเริ่มจากการคว้า อุสมาน เดมเบเล่ แนวรุกที่น่าจับตามองเอามากๆในเวลานั้นมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวสูงถึง 150 ล้านปอนด์แต่ผลงานนั้นกลับพังไม่เป็นท่า ไม่ใช่ด้วยฟอร์มในสนาม แต่เป็นอาการบาดเจ็บที่เล่นงานเขาจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ คือแข้งอีกรายที่ย้ายมาด้วยค่าตัว 142 ล้านปอนด์ ด้วยสโลกแกนที่ว่า “นี่คือทีมในฝันของผม แต่เมื่อมาจริงแล้วมันกลายเป็นฝันร้ายของเขาและสโมสร หลังจากที่ถูกจับไปเล่นในตำแหน่ง แนวรุกฝั่งซ้าย และเล่นได้ผิดฟอร์มไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนต้องระเห็จไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค จนถึงปัจุบัน ซึ่งฤดูกาลหน้า ดาวเตะแซมบ้า เตรียมที่จะกลับมาอยู่กับทีมอีกครั้งในฤดูกาลหน้า แต่คำถามคือที่ว่างของเขาในทีมนั้นอยู่ตรงไหน
แข้งที่เหลืออย่าง เปาลินโญ่, เนลสัน เซเมโด้,เกราร์ดเดโลเฟว, เยอรี่ มีน่า และ มาร์ลอน นั้นดูจะมีเพียงแค่เซเมโด้ คนเดียวเท่านั้นที่ทีมประสบความสำเร็จในการคว้าตัวมาร่วมทีม และก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้จนถึงปัจุบัน ส่วนคนอื่นคือ หายนะ !
2018/19 : จุดเริ่มต้นของ อาร์ตูร์ ก่อนเสียตัวไปแบบสูญเปล่า
มาถึงฤดูกาลนี้ การตามหาตัวแทน เนย์มาร์ ยังคงดำเนินต่อไป คราวนี้เป็นตาของ มัลค่อม แนวรุกตัวจิ๊ดจาก
บอร์กโดซ์ ที่ทีม ปาดหน้า โรม่า คว้าตัวมาได้ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ซึ่งอย่าว่าแต่จะได้โชว์ฟอร์ม โอกาสที่ดาวเตะ
บราซิล จะได้ลงสนามนั้นยังแทบไม่มีด้วยซ้ำ
แข้งรายอื่นๆ ที่เข้ามาก็มีทั้ง เคลม็องต์ ล็องเลต์, เจสัน มูริลโญ่, อาร์ตูโร่ วิดัล และ อาร์ตูร์ เมโล่ เอาที่สอบผ่านก็มี
ล็องเลต์ ที่พอจะเบียดแย่งเป็นปราการหลังตัวจริงในทีมได้บ้างขณะที่ วิดัล แม้จะไม่ได้โชว์ฟอร์มสุดยอดเหมือนสมัยค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค หรือ ยูเวนตุส อดีตสโมสรเก่าของเขา แต่ก็ยังถือว่าใช้งานได้สมราคา 30 ล้านปอนด์ที่ซื้อมา
ส่วน อาร์ตูร์ ก็อย่างที่เห็นคือหลังใช้เวลาบ่มเพาะให้เล่นเข้ากับระบบทีมได้ร่วมหนึ่งฤดูกาลเต็ม มาฤดูกาลนี้เจ้าตัว
ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักเต็มตัว และเปรียบดั่งอนาคตในแดนกลางของทีม แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายต้องโดนปล่อยออกไปแบบที่ได้ค่าตัวกลับคืนสู่สโมสรเพียง 10 ล้านปอนด์เท่านั้น แม้จะได้เปียนิช เข้ามาเสริมทัพก็ตามเหอะ เรียกว่าการทำตลาดที่ย่ำแย่ของ บาร์โตเมว อย่างแท้จริง
2019/20 : สุดท้าย กรีซมันน์ ก็ยังไม่ใช่ …
ไหนๆ ก็ล้มเหลวจากทั้ง เดมเบเล่ และ คูตินโญ่ แล้วก็ไปให้สุดกันเลย เมื่อฤดูกาลนี้พวกเขาจัดการคว้าตัว อองตวน กรีซมันน์ ดาวเตะแอตเลติโก มาดริด มาร่วมทัพด้วยค่าตัว 120 ล้านยูโร เพื่อเป้าหมายเดิมคือการหาแข้งมาเติมเต็ม ซัวเรซ และ เมสซี่ ให้กลับมาเป็นสุดยอด 3 ประสานในแนวรุกของทีมอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าผลงานของดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส กลับไปเปรี้ยงอย่างที่ควร ซึ่งถึงเวลานี้จะจบฤดูกาลแล้วก็เราก็ยังแทบไม่เห็น กรีซมันน์ ในฟอร์มที่สุดยอดเหมือนสมัยเล่นกับทัพ “ตราหมี” เลย
ที่มันชัดเจนสุดๆ ก็คือจนถึงตอนนี้ ก็ยังมีข่าวอยู่เป็นระลอกว่าสุดท้าย บาร์เซโลน่า ก็ยังต้องการดึงตัว เนย์มาร์ คืนสู่ถิ่นอีกครั้ง นั่นแสดงให้เห็นว่าถึงเวลานี้แม้จะทุ่มเงินไปกว่า 500 ล้านปอนด์ ก็ยังไม่มีใครทดแทนเขาได้จริงๆ
ขณะที่แข้งรายอื่นที่ทีมคว้าตัวมาทั้ง แฟรงค์กี้ เดอ ยอง กองกลางวันเดอร์คิดส์ ที่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัวสูงถึง 72 ล้านปอนด์, จูเนียร์ ฟีร์โป้, เนโต้, มาร์ติน เบรธเวทก็ดูจะมีเพียง เดอ ยอง ที่น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมได้แบบเต็มตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี