รุย ปินโต้ แฮกเกอร์ต้นเรื่อง
เรื่องความไม่เท่าเทียม การได้สิทธิเหนือคนอื่นเป็นที่ถกเถียงกันมาโดยตลอด มาถึงในวันนี้ในจุดเรื่องฟุตบอล ที่ได้รับคำตอบในความผิดเป็นถูก และถูกเป็นผิด
คือเคสการตัดสินของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับข่าวดีเมื่อ คณะอนุญาโตตุลาการกีฬา (ซีเอเอส) ตัดสินให้ทีมเป็นฝ่ายชนะคำร้องอุทธรณ์โทษแบนห้ามลงสนามในเกมยุโรปนาน 2 ปี แต่ยังคงต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 10 ล้านยูโร
กรณีที่คว้าแชมป์แบบ “เติมเงิน”
หน่วยควบคุมการเงินสโมสรของยูฟ่า (ซีเอฟซีบี) ลงโทษหนักสำหรับการละเมิดกฎไฟแนลเชียล แฟร์ เพลย์ ที่ร้ายแรง จนถูกสั่งลงโทษแบนจากการแข่งขันฟุตบอลยุโรปถึง 2 ปีด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ซิตี้ ปฏิเสธถึงการกระทำความผิดใดๆ และได้ยื่นอุทธรณ์โทษดังกล่าวกับซีเอเอส
ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก ได้เผยคำตัดสินปลดโทษแบนทั้งหมด
ประเด็นคือ หลักฐานจากแฮกเกอร์ มาใช้กับ กฎหมายไม่ได้ เท่ากับว่าผิดแต่เอาผิดไม่ได้ เพราะหลักฐานที่ได้มามิชอบ
ว่ากันถึงที่มากันอีกครั้ง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังอยู่กับทีมต่อไป
14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่าสั่งแบน “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ไม่ให้เทียบท่าในวงการฟุตบอลยุโรป 2 ฤดูกาลซ้อน เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป พร้อมปรับเงิน 25 ล้านปอนด์ ข้อหาฉ้อโกงและไร้สปิริตต่อเพื่อนร่วมอาชีพ
พวกเขาทำผิดละเมิดกฎควบคุมการเงิน หรือ“ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์” (เอฟเอฟพี) ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนมานานนับปี
เหตุการณ์จากเดือนเมษายน 2019 แมนฯซิตี้ ถึงกับเขียนแถลงการณ์ตอบโต้กรณีดังกล่าวนี้ว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่กับ เจ้าหน้าที่สืบสวนกฎควบคุมด้านการเงินยูฟ่า หรือ ซีเอฟซีบี ไอซี ในการสืบสวนอย่างต่อเนื่องสโมสรให้ความไว้วางใจกับการทำงานอย่างมีอิสระของซีเอฟซีบี ไอซี และคณะกรรมการเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวน ซึ่งเราจะไม่มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติมขณะที่เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง
หน่วยงานอิสระได้สอบสวนเรื่องนี้และพบว่าเงินสปอนเซอร์จากสายการบินเอติฮัด มูลค่า 59.5 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายโดย อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (Abu Dhabi United Group) ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสร ซึ่ง ชีค มานซูร์ เจ้าของสโมสร ได้อ้างมาตลอดว่า มีสปอนเซอร์มาจากกลุ่มนักธุรกิจในอาบูดาบี แต่จริงๆ แล้วเป็นเงินจากกิจการอื่นของตนเอง ถือว่าเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมอาชีพอย่างไม่น่าให้อภัย
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2014 แมนฯซิตี้เคยถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎควบคุมด้านการเงิน แต่ว่ารอดไปได้เพราะการพิจารณามองว่าไม่รุนแรงพอจึงถูกปรับเงินแค่ 49 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท และไม่ถูกลงโทษห้ามแข่งแต่อย่างใด
โชเซ่ มูรินโญ่ ขยี้ยับกับกฎแฟร์ไม่เพลย์
ครั้งนี้ แมนฯ ซิตี้ ถูกตัดสินว่า ได้กระทำการปลอมแปลงรายได้ด้านสปอนเซอร์ให้สูงกว่าความเป็นจริง หรือโกหกปกปิดผิดกฎนี่แหละ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า บัญชีสโมสรดี มีรายได้เท่ากับรายจ่ายในช่วงปี 2012-16
ที่ต้องทำอย่างนั้นเพื่อที่จะได้รอดจากการโดนลงโทษ หรืออย่างน้อยก็เพื่อให้ดูว่าพวกเขาไม่ได้ขาดทุน ในการซื้อนักบอลดีๆ เข้ามาจนล้นทีม ซึ่งจริงๆ ถ้าจะนับเฉพาะเงินรายได้กับที่ออกไป รับรองว่าติดลบบานทะโร่แน่นอน
ตามกฎที่กำหนดไว้ก็คือ ยูฟ่า ให้สิทธิ์ทุกสโมสรในทวีปยุโรปที่ลงแข่งรายการระดับนานาชาติของ ยูฟ่า ต้องมีการเงินที่สมดุลกัน จุดย้ำคือ คุณต้องมี “รายรับมากกว่ารายจ่าย” เป็นระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากความเหลื่อมล้ำเรื่องการเงินที่ยูฟ่าไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
เมื่อสั่งให้มีรายรับมากกว่ารายจ่าย หรือห้ามมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพื่อป้องกันให้แต่ละทีม “เป็นหนี้เน่า” ในการไปกู้ยืมเงินมาทำทีม เพราะมันเสี่ยงต่อการล้มละลาย โดยกฎนี้เริ่มใช้จริงจังเมื่อซีซั่น 2011-12
รายได้ทั้งหมด จะต้องเป็นเงินที่สโมสรหามา เริ่มจากเงินที่ได้จากแมทช์เดย์, รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทุกทาง, ผู้ให้การสนับสนุน, การโฆษณา, เงินจากการบริหารตลาดซื้อขายนักฟุตบอลเป็นอาทิ
เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ค้านแต่ไม่โอเค
อย่างไรก็ตาม เอกสารที่มานั้นได้จาก รุย ปินโต้ ปีศาจแห่งวงการแฮกเกอร์ ที่เขาต้องการล้างโลกใบนี้ให้ขาวสะอาด แม้ว่าวิธีทำนั้นไม่ถูกต้องเลยก็ตาม
ปินโต้ ทำงานร่วมกับ “Der Spiegel” หลังจากเขาทำเว็บไซด์ Football Leaks ตั้งแต่ปี 2015 เพื่อต้องการความโปร่งใสในวงการฟุตบอล
ประมาณ พี่เบิร์ด-ธงชัย เคยร้องว่า “อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น” อะไรแนวนี้
สุดท้ายไม่ว่าจะสาเหตุอันใด เพราะหลักฐานที่ได้มามิชอบ หรือความไม่เท่าเทียม ความลำเอียงในการตัดสินคดีนี้หลุดไปแล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อผลตัดสินออกมา เสียงจาก 3 กุนซือดังออกไปในคนละทิศ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ ก็แน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องยินดีกับคำตัดสินนี้ และทำให้ข่าวคราวการย้ายไปอิตาลี รวมถึงกลับไปคัมป์นูอีกครั้งของเขาเงียบสงบลงทันที
“มีคนพูดว่าเราขี้โกง และเราโกหก แล้วก็บอกว่า เราไม่แฟร์ แต่ที่ไม่แฟร์กว่าก็คือ ไม่มีใครสันนิษฐานว่าเราบริสุทธิ์เลย ทั้งที่ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา สโมสรได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไป เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ และประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ผมอยากให้ทุกคนมองมายังจุดนี้ การทำงานหนักและทุ่มเททำให้เรามายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้”
ฝั่งของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี คู่ปรับโดยตรงของ แมนฯ ซิตี้ ในการไล่ล่าแชมป์ บอกว่า เขายินดีเมื่อ ซิตี้ ไม่ถูกแบน แต่...
“เป็นเรื่องที่ดีเมื่อ แมนฯ ซิตี้ ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกพวกเขาสมควรจะได้รับสิ่งนี้ ผมดีใจด้วย แต่ผมไม่คิดว่า การตัดสินแบบนี้จะเป็นวันที่ดีสำหรับวงการฟุตบอล เนื่องจากกฎแฟร์เพลย์เป็นแนวคิดที่ดี การควบคุมการเงินเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ เป็นกฎที่ปกป้องการแข่งขัน ร่วมปกป้องสโมสรได้อย่างน่าสนใจ ผมหวังว่ากฎนี้จะอยู่ต่อไป เพราะมันมีการตีกรอบ มีขอบเขต มีข้อจำกัด แต่น่าสนใจว่าจากนี้จะมีใครสนใจกฎนี้แค่ไหน จะมีการเคารพกฎแบบนี้อีกหรือเปล่า”
ส่วนมนุษย์ปากตะไกรแห่ง ค.ศ.อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ จัดการผ่าซากยืนยันเลยว่า ควรจะยกเลิกกฎนี้ไปเลย
“นี่คือสิ่งที่สร้างความวิบัติให้กับวงการฟุตบอล มันน่าอดสูอย่างที่สุด เพราะถ้าหาก แมนฯซิตี้ ไม่ได้ผิดอะไรคุณจะไปปรับเงินเค้าทำไม เรื่องนี้มันหลักการณ์ขั้นต้นหรือเปล่า ผมไม่ได้คิดตำหนิแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะผมไม่รู้ว่าพวกเขาผิดหรือเปล่า แต่ผมขอตำหนิการตัดสินที่สร้างความสับสนอย่างที่สุด”
มูรินโญ่ ย้ำแบบน่าสนใจว่า ถ้าหาก แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ผิดอะไร การปรับเงินถือเป็นเรื่องที่ย่ำแย่มาก เพราะถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรโดนอะไรเลย คุณไม่ควรโดนปรับเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็ไม่ควร
“ผมมองว่าบางที แมนฯ ซิตี้ อาจจะโชคร้ายไปด้วยซ้ำในการตัดสินครั้งนี้ เพราะถ้าไม่ผิดคุณจะโดนปรับเงินทำไม แต่ที่แน่ๆ ก็คือ กฎการเงินนี้เลิกซะเถอะ”
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี