แล้วในที่สุดเราก็ได้ 8 ทีมสุดท้าย แห่งศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกหลังใช้เวลารอกันมาอย่างยาวนับตั้งแต่พักเบรกจากโควิด-19
หลังจากที่ เกมตกค้างรอบ 16 ทีม นัด 2 ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงเวลานี้ ในที่สุดเราก็ได้
8 ทีมสุดท้าย แห่งศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นที่เรียบร้อยหลังจากต้องหยุดการแข่งขันไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
จากนี้ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศจะเตะแบบนัดเดียวจบที่ประเทศโปรตุเกส โดยใช้ 2 สนาม คือ เอสตาดิโอ ชูเซ่ อัลวาล้าดรังเหย้าของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เอสตาดิโอ ดา ลุช รังเหย้าของ เบนฟิก้า ซึ่งสังเวียนแห่งนี้จะใช้เป็นนัดชิงชนะเลิศด้วย
วันนี้เราจะพามาชำแหละให้ดูกันว่าทั้ง 8 ทีม มีใครกันบ้างที่มีโอกาสจะผงาดไปครองแชมป์ยุโรป ฤดูกาลที่แสนยาวนานนี้ไปครอง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)
ทัพทีมของ เป๊ป กว่าดิโอล่า ยังคงเป็นตัวเต็งในสายตาบ่อนรับพนันอย่างถูกกฎหมาย แม้ฟอร์มในลีกฤดูกาลนี้จะยังไม่ดีนักแต่ถ้วยใบนี้พวกเขาพิสูจน์ความแข็งแกร่งด้วยการปราบสุดยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด ลงไปได้อย่างราบคาบทั้ง 2 เกมที่ดวลกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่มก็จบด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม ซี ด้วยผลงาน ชนะ 4 เสมอ 2 ทำให้ถึงเวลานี้ ลูกทีมของ เป๊ป ยังไม่พ่ายให้กับทีมใดเลยแม้แต่เกมเดียว
เกมรุกเรียกว่าสามารถสลับกันเล่นได้หมด เพราะเมื่อเซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ได้รับบาดเจ็บยาว ต้องบอกว่า กาเบรียลเฆซุส นั้นฉายแสงเอามากๆ และมันแสดงให้เห็นว่าเขาก็ดีพอที่จะยึดหัวหอกหมายเลข 1 ของทีมเช่นกัน ส่วนแข้งรายอื่นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แบร์นาโด ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ ก็ยังเล่นได้คงเส้นคงวาเช่นเดิม รวมไปถึงยังมีดาวโรจน์ที่เตรียมจะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในแดนหน้าอย่าง ฟิล โฟเด้น เป็นทางเลือกอีกรายด้วย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุด
ในโลกยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลสั้น บอลยาว ยิงไกล เรียกว่าไม่มีที่ติ และเชื่อว่าสิ่งเดียวที่จะพรากฟอร์มการเล่นของเขาได้ในเวลานี้ก็คงมีเพียงอาการบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้น
จุดที่น่าเป็นห่วง ปีนี้ ซิตี้ จะต้องเจอปัญหาในเกมรับนับตั้งแต่ แวงซองต์ กอมปานี อำลาทีมไป ขณะที่ อายเมอริค ลาปอร์ตที่หวังพึ่งพาก็ดันมาเจ็บเพิ่มซะอีก และเพิ่งจะกลับมาช่วยทีมได้ในในรอบ 16 ทีมที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ที่น่าเซอร์ไพรส์คือผลงานของ แฟร์นานดินโญ่ ที่ฤดูกาลนี้เขยิบมาเล่นในตำแหน่งกองหลังเต็มตัวนั้นทำผลงานได้ดีเกินคาด แม้บางครั้งจะมีปัญหาในการจับคู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ หรือ เอริค การ์เซีย ก็ตาม ซึ่งจุดนี้น่าสนใจว่า ตั้งแต่รอบ 8 ทีมเป็นต้นไป เป๊ป จะปรับแผนในแนวรับเช่นไรให้ลงตัวที่สุด
การเอาชนะ ยูฟ่า ด้วยการอุทธรณ์ต่อศาลกีฬาโลกเพื่อยกเลิกการแบนพวกเขาในเวทียุโรปได้สำเร็จอาจเป็นลางดีและกลายเป็นแรงส่งให้พวกเขาไปได้ไกลถึงขั้นคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ก็เป็นได้
l แข้งคีย์แมน : เควิน เดอ บรอยน์
l โอกาสคว้าแชมป์ : 60 %
บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
“เสือใต้” ที่นับตั้งแต่เปลี่ยนกุนซือมาเป็น ฮันซี่ ฟลิค ต้องบอกว่าพวกเขากลับมาสู่ผลงานที่สุดยอดได้อีกครั้ง โดยเฉพาะ
ในเกมลีก ที่ไม่แพ้ใครมา 22 นัดติด พร้อมกวาดทั้ง บุนเดสลีกาและ เดเอฟเบ โพคาล ขณะที่ในรายการนี้ ก็จบด้วยการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มบี ด้วยผลงานชนะรวดทั้ง 6 นัด ซึ่งมีแมทช์ตราตรึงใจในเกมที่บุกไปถล่ม สเปอร์ส แบบเละเทะถึง 7-2 ขณะที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เอาชนะ เชลซี เหย้า-เยือนแบบขาดลอย ด้วย
มาว่าในถึงตัวผู้เล่นต้องบอกว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในปีที่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงของทีมกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาก็ว่าได้ ผนวกกับการเข้ามาของ ฟลิค ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกตัวเก๋าของทีมเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง จากผลงานการแอสซิสต์ที่สูงที่สุดในบุนเดสลีกา ฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงที่ขาดไม่ได้เลยในแดนกลางอย่าง เลออน โกเร็ทซ์ก้าที่ขึ้นแท่นเป็นจอมทัพของทีมอย่างแท้จริง
หากจะมีปัญหาอะไรที่ทัพ “เสือใต้” ต้องปวดหัวอยู่บ้างก็น่าจะเป็นเรื่องข่าวการย้ายทีมของ ติอาโก อัลคันทารา และแบ๊กขวาตัวจริงอย่าง เบนฌาแมง ปาวาร์ ที่เจ็บและต้องพลาดตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ที่เหลืออยู่ แต่หากมีวาสนามากพอ ปีนี้เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสคว้าแชมป์ได้แน่นอน
l แข้งคีย์แมน : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
l โอกาสคว้าแชมป์ : 60 เปอร์เซนต์
บาร์เซโลน่า (สเปน)
ในรอบแบ่งกลุ่มทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” จบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม เอฟ ซึ่งถือว่าเป็นกรุ๊ปออฟเดธ ประจำฤดูกาลนี้ ด้วยผลงานชนะ 4 เสมอ 2 และไม่แพ้ให้ใครเลย ขณะที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ผ่าน นาโปลี ทีมแกร่งจากอิตาลี มาได้
โอเคล่ะแม้จะมีปัญหาภายในทีม ระหว่างตัวกุนซืออย่าง กีเก้ เซเตียน กับแข้งระดับกระดูกสันหลังของทีมอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ จะดูเหมือนสงครามเย็นภายในทีมและยิ่งฟอร์มช่วงหลังที่กระท่อนกระแท่นไม่น้อย ทำให้สถานการณ์เวลานี้นั้นดูไม่ค่อยดีนัก แต่เชื่อว่าไม่มีสโมสรไหนกล้าประมาทพวกเขาแน่นอน
นี่อาจเป็นฤดูกาลที่ดูย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายฤดูกาลหลังของทัพ “อัลซูลกราน่า” จากผลงานในลีกที่ล้มเหลวด้วยการโดน เรอัล มาดริด แซงคว้าแชมป์ไปครอง แต่นั่นอาจจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเช่นกันที่จะทำให้พวกเขาพุ่งทะยานในถ้วยใบนี้เช่นกัน
l แข้งคีย์แมน : ลีโอเนล เมสซี่
l โอกาสคว้าแชมป์ : 50 เปอร์เซ็นต์
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)
นี่คือหนึ่งในสโมสรที่ได้พักเก็บตัวมากที่สุดในทัวร์นาเมนท์นี้หลังจากที่ ลีกเอิง ฝรั่งเศส นั้นตัดจบฤดูกาลไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ขณะที่ เปแอสเช นั้นก็มีโปรแกรมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย เพียง 2 แมทช์เท่านั้น
สำหรับผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม เปแอสเช นั้นคว้าแชมป์กลุ่ม เอ ด้วยการเอาชนะไปถึง 5 เกม เสมอเกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่ในรอบ 16 ทีมจะผ่าน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาได้แบบสุดมันส์ และทำให้พวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางที่ฝันเอาไว้ต่อไป
แม้ยอดทีมจากลีกเอิง จะเต็มไปด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่สุดยอด แต่ปัญหาของ โทมัส ทูเคิ่ล ก็มีเช่นกันเพราะว่า คีเลียนเอ็มบั๊ปเป้ ดาวยิงตัวความหวังของทีม ดันมามีอาการเจ็บในตอนนี้และคาดว่าจะกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะเอาชนะ อตาลันต้า ผ่านเข้าไปได้หรือไม่
l แข้งคีย์แมน : เนย์มาร์
l โอกาสคว้าแชมป์ : 40 เปอร์เซ็นต์
แอตเลติโก มาดริด (สเปน)
ทัพ “ตราหมี” ผู้คว่ำแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล จากรอบที่แล้ว ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้สำเร็จ ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่มนั้นพวกเขาจบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ดี ชนะไป 3 เสมอ 1 และแพ้ 2 นัด
ด้วยขุมกำลังลูกทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ในเวลานี้พวยเขาไม่เป็นรองใครเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูอย่างยาน โอบลัค ที่เหนียวแน่นหนึบขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แนวรับมี สเตฟานซาวิช เป็นแกนหลัก ส่วนแนวรุกก็มีตัวเลือกทั้ง เจา เฟลิกซ์,อัลบาโร่ โมราต้า และ ดีเอโก้ คอสต้า
ยิ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายการที่ได้เจอกับ ไลป์ซิก ที่ไร้ติโม แวร์เนอร์ นี่จึงน่าเป็นโอกาสดีที่จะพาให้ทัพ “ตราหมี”กรุยทางเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ เป็นอย่างน้อย
l แข้งคีย์แมน : ซาอูล กีเญซ
l โอกาสคว้าแชมป์ : 40 เปอร์เซ็นต์
อตาลันต้า (อิตาลี)
ม้ามืดของถ้วยใบนี้ ในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง หลังพวกเขาเข้ามาเล่นรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วย
การสตาร์ทแพ้รวดทั้ง 3 นัด แต่หลังจากนั้นใน 3 เกมที่เหลือนั้นกวาดไปถึง 7 แต้ม พลิกเข้ารอบมาได้อย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ในรอบ 16 ทีมก็ถล่มเอาชนะ บาเลนเซีย 8-4
จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ ยอดกุนซือของทีม ที่ฤดูกาลนี้พวกเขาเน้นเกมบุกมาโดยตลอดไม่ว่าจะในถ้วยนี้ หรือในกัลโช่ เซเรีย อา โดยแนวรุกเรียกว่าท็อปฟอร์มเกือบทุกคนไม่ว่าจะเป็น มาริโอ ปาซาลิช, อเลฮานโดร โกเมซ, โยซิป อิลิซิช หรือแม้กระทั่ง ดูวาน ซาปาต้า อย่างไรก็ตามในรอบ 8 ทีมพวกเขาต้องเจอกระดูกครั้งใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่นั่นก็น่าสนใจว่า 2 ทีมที่เล่นเกมรุกมาเจอกันจะเป็นเช่นไร
l แข้งคีย์แมน : อเลฮานโดร โกเมซ
l โอกาสคว้าแชมป์ : 30 เปอร์เซ็นต์
โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส)
ลียง อาจจบเพียงอันดับ 7 ในลีก เอิง ฝรั่งเศส และเพิ่งเป็นรองแชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ หลังแพ้จุดโทษ ปารีส แซงต์-แชร์กแมงในนัดชิงชนะเลิศ แต่กับผลงานในถ้วยใบนี้ พวกเขาสร้างผลงานด้วยการคว่ำตัวเต็งอย่าง ยูเวนตุส ผ่านเข้ารอบเข้ามาได้ (รวมผล 2 นัดเสมอ 2-2 แต่ลียง เข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล)
ก่อนหน้านี้ในรอบแบ่งกลุ่ม ทัพ “โอแอล” ก็เข้ามาได้แบบเหลือเชื่อเช่นกัน หลังเกมสุดท้ายได้ประตูตีเสมอ แอร์เบ ไลป์ซิกในช่วงท้ายเกม ทำให้พวกเขาพลิกแซง เบนฟิก้า ก้าวขึ้นมาเป็นรองแชมป์กลุ่ม จี ด้วยผลงาน ชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้ 2
รูดี้ การ์เซีย ผู้เคยปลุกปั้น เอแดน อาซาร์ สมัยที่เขาพาลีล คว้าแชมป์ลีกเอิง รวมไปถึงยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับโรม่า พร้อมกับกา มาร์เซย์ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีกมาแล้ว และด้วยแนวรุกที่มีอยู่เวลานี้ทั้ง เมมฟิส เด ปาย, มุสซ่า เดมเบเล่, คาร์ล โตโก เอก็อมบี้ รวมไปถึง อุสเซม อาอูอาร์ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส เชื่อว่าเวลานี้เขาพร้อมแล้วที่จะพา
ลียง สร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้งในถ้วยใบนี้
l แข้งคีย์แมน: เมมฟิส เด ปาย
l โอกาสคว้าแชมป์ : 20 เปอร์เซ็นต์
แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี)
ไลป์ซิก ที่สร้างเซอร์ไพรส์ คว่ำ สเปอร์ส มาในรอบที่แล้ว ด้วยการเอาชนะเมื่อรวมสองนัดถึง 4-0 ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขานั้นจบด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม จี หลังเอาชนะไปได้3 เกม เสมอ 2 และแพ้แค่ 1 นัดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มของทีม ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เมื่อ ติโม
แวร์เนอร์ ดาวยิงคนสำคัญ ที่เป็นดั่งเดอะแบกของทีมหลังทำไป34 ประตู กับ 13 แอสซิสต์ นั้นได้อำลาทีมไปร่วมทัพ เชลซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าจะยังมีโปรแกรมสำคัญในรอบ 8 ทีมสุดท้ายรออยู่ก็ตาม นั่นทำให้น่าสนใจว่าแข้งที่เหลืออยู่จะดีพอที่จะช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่
l แข้งคีย์แมน : เอมิล ฟอร์สเบิร์ก
l โอกาสคว้าแชมป์ : 10 เปอร์เซ็นต์
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี