การประกาศลาออกของ นายชินโสะ อาเบะ จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพ
เนื่องจากโรคลำไส้อักเสบ กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำงาน และเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ
โรคนี้ทำให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วเมื่อ 13 ปีก่อน หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 ปี
หลายแห่งแหล่งข่าวลงมติกันว่า การลาออกของนายอาเบะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก เพราะเป็นช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญปัญหาหนัก รวมถึงเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และอาจทำให้เกิดความสบสนทางการเมือง
จะไปต่อกันยังไงในสถานการณ์ที่เลวร้ายถึงขีดสุดขั้นนี้
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า พรรคแอลดีพียังไม่อยากให้เขาลาออกเพราะยังตกลงเรื่องผู้สืบทอดไม่ได้ เพราะมีตัวเลือกหลายคน ทั้งนายทาโร อาโสะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง วัย 79 ปี นายสุกะ วัย 71 ปี รัฐมนตรีทั้งอดีตและปัจจุบันอีกหลายคน
เขาเป็นผู้นำที่รั้งตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 รองจาก นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ซึ่งถือบังเหียนรัฐบาลเมืองเบียร์ตั้งแต่ปี 2005
“ผมไม่สามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ถ้าผมไม่สามารถตัดสินใจที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ผมตัดสินใจที่จะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
ระยะเวลา 2,799 วัน ในการทำงาน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพ ด้วยโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังมาหลายปีแล้ว แต่อาการป่วยของเขาได้ทรุดลงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้เขาเดินทางไปรับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคโอะ ในกรุงโตเกียว
การลาออกส่งผลทันที เมื่อดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวร่วงและค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นทันที
น่าเสียดายที่แม้ว่า อาเบะ จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสรรหาคนใหม่เข้ามาแทนได้ แต่เขาไม่ได้บริหารงาน และอยู่ดูแลการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่โดนโรคเลื่อนจากไวรัสโควิด-19
เชื่อว่าหลายคนคงจะประทับใจเรื่องดังกล่าวนี้ เมื่อ อาเบะ โผล่ขึ้นมากลางสนามกีฬาที่บราซิล
พิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ 2016 ไม่ได้ต่างไปจากพิธีเปิด
คือเรียบง่ายได้ใจความ ไม่มีกระตุก ไม่มีกระโตกกระตาก ไม่มีกระชากอารมณ์ จนกระทั่งญี่ปุ่น เจ้าภาพครั้งต่อไปได้เดินเข้ามาความบันเทิงจึงเกิดขึ้น
ญี่ปุ่น จัดเต็มตัวการ์ตูนแห่งตำนาน ที่เป็นรู้จักไปทั่วโลกมากันอย่างชุดใหญ่.....
โอโซระ ซึบาสะ โชว์เพลงเตะกับ มิซากิทาโร่
คิตตี้ วิ่งไปกับนักกีฬา
“มาริโอ” จากนินเทนโด้ มาวิ่งเล่นกับ โดราเอม่อน ที่มาพร้อมกับ โนบีตะ, ชิซูกะ, ซูเนโอะ และไจแอนท์
ก่อนที่ ชินโสะ อาเบะ จะปรึกษากับ โดราเอม่อน กับ มาริโอว่าจะรีบไป ริโอ เดอ จาเนโร เท่านั้นแหละ
โดราเอม่อน ทำท่อเปิดทางให้ มาริโอ ทะลวงใจกลางโลกทะลุมาที่ดินแดนแห่งอ้อมกอดพระเจ้าทันควัน
มารีโอ เปิดแผนที่ รีโอ ก่อนจะทำเท่เล่นคำว่า “RIO” เป็น “MARIO” จากนั้นก็มุ่งหน้ามาที่สนาม
สุดท้าย มาริโอ โผล่มากลายเป็น ชินโสะ อาเบะ ซะงั้น!!!
เมื่อครั้งที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ในที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยในการคัดเลือกรอบที่ 2 นั้นโตเกียว เอาชนะ อิสตันบูล ของตุรกี อย่างถล่มทลายด้วยผลการลงคะแนน 60-36 ขณะที่ มาดริด ของสเปน ตกรอบแรกเนื่องจากแพ้คะแนนอิสตันบูล
ว่ากันว่าสาเหตุที่ญี่ปุ่นได้รับเลือก คาดว่าเป็นเพราะคำพูดของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ที่เกี่ยวกับวิกฤติกัมมันตรังสีจากเหตุสึนามิและแผ่นดินไหวปี 2011 ว่า “มันไม่เคยทำและจะไม่ทำความเสียหายให้โตเกียว” และยังมีความพร้อมด้านเงินทุน โดยได้จัดสรรเงิน 4.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างและบูรณะสนามกีฬา
เมื่อเป็นแบบนี้น่าสนใจต่อไปว่า ญี่ปุ่น จะไปต่ออย่างไรเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ “เปราะบาง” อย่างมาก
ว่ากันเฉพาะกีฬาโอลิมปิกเกมส์
การทุ่มเงินมหาศาลถึง 60,000 ล้านบาท พลิกโฉมระบบการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะ “การรถไฟ” ที่มีการเปิดสายสำคัญอย่าง “ชินคันเซน” มุ่งหน้าจากมหานครโตเกียว ไปสู่โอซากา พร้อมการกำเนิดขึ้นด้วยถนนหลายสาย, สนามกีฬา และฟื้นฟูแม่น้ำซุมิดะ
การเนรมิตเมืองขึ้นมาใหม่ จากเดิม โตเกียว ที่กำลังเติบโตด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเต็มไปด้วยขยะ กลายเป็นเมืองที่สะอาดมีระเบียบวินัยตั้งแต่บัดนั้น เป็นต้นมา
การสร้างสนามแข่งขันในย่านชิบุยะ ฮาราจูกุ ทำให้เมื่อจบโอลิมปิก ย่านนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แฟชั่นต่างๆ มาเริ่มต้นกันที่นี่ จนกระทั่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
การพัฒนาจากวันนั้น ทำให้ ญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญของคนในโลกที่อยากจะไปเยี่ยมเยียนสัก (หลายๆ) ครั้ง โดยเฉพาะความสะดวกสบายในการเดินทาง และความเป็นระบบระเบียบ
แน่นอนว่า โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 พวกเขาก็ต้องการใช้กีฬาโอลิมปิก ตอกย้ำความยิ่งใหญ่และต่อยอดทุกอย่าง
งบประมาณที่ใช้ไปกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่เพียงแต่ภาครัฐ แต่ภาคเอกชนก็เข้ามาเอี่ยวด้วยอีกกว่า 90,000 ล้านบาท ในการร่วมกันพัฒนากิจการทั้งระบบ ในเรื่องของสนามแข่งขัน, ระบบการคมนาคม รวมไปถึงการสร้างรถไฟขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะโชว์ให้คนทั่วโลกได้เห็น
ญี่ปุ่นเองได้ถูกจับตามองอย่างมากในเรื่องของการเป็นอัจฉริยะด้านความคิด หลังจากพวกเขาไป “โชว์ของ” มาแล้วในพิธีปิดที่ริโอ เดอ จาเนโร เมื่อ 4 ปีก่อน ณ ดินแดนบราซิล
มีการวางเป้าหมายว่า โอลิมปิกเกมส์ จะมาช่วยเพิ่มพื้นฐานและเป็นน้ำยาเร่งโตทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเพื่อมาจุนเจือระบบหมุนเวียนภายในประเทศที่ไม่ค่อยดีมาหลายปีโดยประมาณการกันว่าเม็ดเงินจะหมุนเวียนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท พร้อมกับต่อยอดไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เจ้าภาพจะต้องเสียแน่ๆ ก็คือ ค่าเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท ให้กับผู้ที่ซื้อตั๋ว และทำประกันโอลิมปิกเอาไว้ ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้
อีกทั้งต้องจ่ายค่าดูแลสนามที่ล่าช้าไปอีกเป็นปี และการเปลี่ยนแปลงแนวทางการประชาสัมพันธ์ใหม่ทั้งระบบ จากการประเมินค่าประชาสัมพันธ์ใช้เงินไปแล้วถึง 31,000 ล้านบาท
ครั้งก่อนญี่ปุ่นใช้กีฬาโอลิมปิกในการล้างภาพจำจากผู้พ่ายแพ้ทุกสิ่งจากสงครามโลก ซึ่งเป็นสงครามของมนุษย์กับมนุษย์
ครั้งนี้ญี่ปุ่นจะได้ใช้กีฬาโอลิมปิกในการล้างภาพจำจากการที่โลกคือผู้พ่ายแพ้ทุกสิ่งจากสงครามโรค ซึ่งเป็นสงครามระหว่าง มนุษย์ กับไวรัส
ปี 1964 เป็นโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นใช้ “รีแบรนด์” ภาพลักษณ์ของประเทศ
ปี 2021 จะเป็นโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นใช้ “รีแบรนด์” ภาพใหม่ของโลก
แต่จะไปต่อได้แค่ไหน ไปได้ขนาดไหน เมื่อทุกอย่างอยู่ในสภาพ “ขาลง” ก่อนหน้านี้ และเมื่อไม่มีผู้นำฝีมือดีๆ แบบนี้ซ้ำเข้าไปอีกแผล
งานนี้สาหัสเหลือเกิน
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี