เรื่องใหญ่สำหรับวงการฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นเกมส่งท้ายก่อนที่จะแยกย้ายไปเตะทีมชาติ 2 สัปดาห์
สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการนั่นคือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก และ“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างกอดคอ “นัดกันแพ้” แต่ที่สร้างความตกตะลึงก็คือ
ทั้งสองสองแพ้เป็นสถิติ
แมนฯยูไนเต็ด ที่เตะก่อนยับเยินคารังให้กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-6
จากนั้น ลิเวอร์พูล บุกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า กระจุย 2-7
ชนิดที่ไม่เคยมีวันไหนก็ตามในโลกฟุตบอลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่ทั้งสองทีมนั้นจะพ่ายเละพร้อมกันแบบนี้
แมนยูฯ แพ้ในวันที่พวกเขาออกสตาร์ทได้ดีเยี่ยม ได้จุดโทษตั้งแต่วินาทีที่ 30 แต่พอเหลือ 10 คน ความง่อยก็มาเยือน
ขณะที่ ลิเวอร์พูล เดินหน้าลุยและปกติเกมรุกที่เป็นหัวใจในหลักชัย ทำได้แค่ 2 ประตู บวกกับการเล่นแบบ “High Line” หรือดันขึ้นมาสูง โดนแก้เพรส และดวงแตกโดนลูกแฉลบไป 3 รอบ แบบ “ตรงเป็นเข้า”
อีกทั้งความผิดพลาดส่วนบุคคล หรือHuman error ทำให้โฉมหน้าทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเกม
จึงบันทึกได้ว่า 4 ตุลาคม 2020 คืออีกหนึ่งวันดับ วันอับแสงของ ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด...
n แมนยูฯ โดนครึ่งโหลคาบ้าน
“ปีศาจแดง” พลาดท่าพ่ายยับเยินทาบสถิติในยุคพรีเมียร์ลีก เมื่อโดน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ บุกมาถลุงยับ 1-6
กระแสความกดดันภายนอกจากแฟนบอลทั่วโลกยิ่งถาโถมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ ที่ไม่พอใจและไม่เข้าใจการบริหารจัดการของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารคนสำคัญ และ โอเล่
กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม ในเรื่องการซื้อตัวนักเตะเข้ามาเสริมทีมแบบไม่มีการกลั่นกรองที่ดี และยังมีการล่าช้า รวมไปถึงแบบแผนในการเล่นที่เปราะบางอย่างมาก กระทั่งต้องแพ้ไปแล้วถึง 2 จาก 3 นัดแรกของฤดูกาลนี้ ทำให้มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทีมบริหารแบบยกแผง
“คุณไม่มีทางชนะจากการเล่นผิดพลาดส่วนบุคคล ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้วเมื่อคุณตกเป็นรอง คุณยังมีโอกาส นั่นหมายถึงสกอร์1-2 แต่พอตามหลัง 1-3 มันแทบจะจบไปเลย เราขาดแรงกระตุ้น และขาดความดุดัน ทำให้เกิดความผิดพลาดมากมาย ทำให้เราต้องมาพิจารณาอะไรหลายสิ่งหลายอย่างอีกครั้งหลังเกมนี้” โซลชา กล่าว
“นี่คือวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมกับการคุมทีม แมนฯยูไนเต็ด เป็นวันที่แย่ที่สุดของพวกเรา แต่ไม่ใช่วันที่ย่ำแย่ของสโมสร ดังนั้นเราจะต้องฟื้นคืนชีพกลับมาให้จงได้”
ขณะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม “ไก่เดือยทอง”ที่นำทัพมาถล่มถิ่นเดิมของเขาแบบยับเยิน ยืนยันว่าแมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก เพราะไม่มีใครที่จะแพ้ถึง 6 ลูกได้บ่อยๆ มันเกิดขึ้นได้ในฟุตบอล
“สำหรับผมสามคะแนนคือสิ่งสำคัญที่สุด” มูรินโญ่ กล่าว “ไม่ว่าจะยิงเท่าไหร่ แต่การได้ชัยชนะคือเป้าหมาย หลังจากที่ทีมของผมเสียไปถึง 5 คะแนนในบ้านตัวเองตั้งแต่ 2 เกมแรก ผมขอชื่นชมนักเตะของเราทุกคนที่เล่นได้ดีมาก เล่นได้ดีทุกคนไม่เพียงแต่การที่เรามีนักบอลมากกว่าเขา ตัดเรื่องนั้นไปได้เลยเพราะตั้งแต่ เราออกนำอยู่2-1 พวกเขาก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนที่จะกลับมาสู่เกมได้”
ส่วนประเด็นปัญหาของใบแดงที่ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล โดนไล่ออกหลังจากไปตบหน้า เอริคลาเมล่า ตั้งแต่นาทีที่ 29 ซึ่ง มูรินโญ่ บอกว่า เขาไม่ได้เห็นจังหวะนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะถ้ามีคนจะต้องร้องไห้จากวีเออาร์ จะต้องเป็น สเปอร์สแน่นอน เพราะเราโดนเรื่องแบบนี้มาแล้วนั่นเอง
“ผมแฮปปี้กับทีมของเรา เราต้องลงเล่นในสัปดาห์เดียวถึง 4 เกม ทำให้ผมพอใจ เรามีทีมที่ดีมากมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่จะเล่นเราสามารถเล่นได้หนึ่งสัปดาห์อย่างบ้าคลั่งแบบนี้ และผมย้ำอีกครั้งว่า มันเป็นประวัติศาสตร์ของท็อตแน่ม เป็นประวัติศาสตร์สำหรับเด็กๆ ของผม แต่สำหรับผมมันไม่ใช่นะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย”
ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด แพ้ยับที่สุดในบ้านกับการเตะยุคพรีเมียร์ลีก โดยก่อนหน้านี้เคยแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสกอร์เดียวกัน เมื่อ 23 ตุลาคม 2011
n หงส์แดงร่างพัง-ปัญหาที่น่าสงสัย
น่าตกใจกว่าก็คือ เกมสุดท้ายของแมทช์เดย์ที่สนามวิลล่า พาร์ค ที่ก่อนแข่งขัน ลิเวอร์พูล มีข่าวออกมา “ในทางลบ” ต่อเนื่อง
ซาดิโอ มาเน่ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอลิสซอน เบ๊คเกอร์ เจ็บไหล่ระหว่างการซ้อมลงเล่นไม่ได้
“มีนักบอลสองคนล้มลงในสนามซ้อม และคนที่ลุกไม่ขึ้นก็คือ อาลี (อลิสซอนเบ๊คเกอร์) เขาเจ็บไหล่ และดูจากอาการแล้วเป็นไปได้ที่เราจะต้องประเมินกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ และแย่สุดคือไม่ได้เล่น 6 สัปดาห์” เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์ กล่าว
ตำแหน่งของ มาเน่ ไม่ได้มีปัญหาเท่ากับอลิสซอน เพราะ ดีโอโก้ โชต้า ลงมาเล่นได้ทันที แต่ อาเดรียน เหมือนกับหมดสิ้นความมั่นใจทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว
“หงส์แดง” โดนยิงเป็นเข้า และแฉลบ 3 เม็ดแบบไม่ต้องเซฟ ชนิดที่คนยิงยังเขิน ไม่ใช่วันของเกมรับ แต่มันมีอะไรซ่อนอยู่จากความไร้โชค
นั่นคือความผิดพลาดส่วนบุคคล
วินัยเกมรับ สมาธิในการช่วยกันไม่มี ผิดกับ วิลล่า ที่ชัดเจนสุดๆ
ทำให้เกิดผลงานที่แย่ที่สุดในอาชีพการทำงานของ คล็อปป์...ทั้งที่เขากำลังอยู่ในชุดนักบอลที่ดีที่สุดในอาชีพการทำงาน!!!!!
สกอร์เละ ลิเวอร์พูล พลาดท่าเสียทีนัดที่ 4 ของซีซั่นในปีป้องกันแชมป์
แพ้ แอสตัน วิลล่า ยับเยินเกินคาด 2-7 โดนยิงแฮททริก และ “แฉลบ” แฮททริก เละที่สุดในรอบ 57 ปี!!!!!!
นับเป็นแชมป์เก่าทีมแรกยุคพรีเมียร์ลีกที่ยับขนาดนี้ และเป็นแชมป์เก่าทีมแรก ตั้งแต่ปี 1953 ที่โดนยิง 7 ลูก หนนั้น อาร์เซนอล แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-7
เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะหนึ่งสัปดาห์หลังจากทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสีย 5 ประตูในเกมเป็นครั้งแรกใน 686 เกมของเขาในฐานะผู้จัดการทีม
ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็โดนทำประตูในลีก 4 ประตูครึ่งเดียว เป็นครั้งแรกในอาชีพของเขาหรือ 673 นัด
มันเกิดขึ้นแล้ว ในยุคที่มีอะไรแปลกๆ บอลยุคโควิด-พิลึก
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะอธิบายเรื่องนี้ออกมาเป็นอย่างไร แต่เหตุผลที่ชัดเจนที่สุดก็คือ วิลล่า บีบเกมจนทำให้เราผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นมา โดยเฉพาะประตูแรก และประตูที่สอง เป็นจุดเริ่มต้นการกลับมาสู่เกมไม่ได้ โดยเฉพาะลูกมันส่งผลกระทบอย่างมาก” เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว
กุนซือดอยช์ กล่าวต่อไปว่า เราเคยเสียประตูแบบง่ายๆ มาหลายครั้ง จากนั้นเราสร้างโอกาส และต่อสู้ในการกลับมาได้บ่อย แต่หนนี้เราไม่มีโอกาสในพื้นที่สุดท้าย เนื่องจาก วิลล่าแย่งบอลได้ดีมาก เกมนี้เรามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ควรมี เราพลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการลงเล่นฟุตบอล และเครดิตก็ต้องยกให้กับ วิลล่าที่ท็อปฟอร์มกันอย่างมาก
ลิเวอร์พูล ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับการพ่ายแพ้ แต่รู้สึกแปลกๆ ว่า สมาธิและจิตใจเหมือนเต็มไปด้วยความกังวล และพะว้าพะวัง...
เกิดอะไรในทีมที่มากกว่าการบาดเจ็บ หรือติดโควิดหรือเปล่า...เมื่อภาษากายของนักฟุตบอลดูผิดแปลกออกไปอย่างชัดเจน?!?!?!?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี