เจอร์เก้น คล็อปป์ ย้ำอยู่เสมอ และทุกคนที่ได้ชมสารคดีภาพยนตร์ The End Of The Storm คงเข้าใจตรงกัน
“สำหรับผม ระบบ กับ กองหลัง คือสิ่งสำคัญเป็นลำดับแรก”
“ไม่รู้ใครพูดเอาไว้ว่า เกมบุกเอาไว้ขายตั๋ว แต่เกมรับเอาไว้สำหรับเป็นแชมป์ แต่มันสำคัญเหมือนกันหมดนั่นแหละจะมีแต่บุกอย่างเดียว หรือรับอย่างเดียวก็ไม่ได้”
คล็อปป์ จึงยึดระบบ 4-3-3 ลงสนามต่อไป และเลือกที่จะใช้นักเตะชุดเดิมจากเกมแพ้ เลสเตอร์ แบบ “อุบัติเหตุท้ายเกม” ที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่าเกิดอะไร เพราะทีมเสีย 3 ประตูใน 7 นาที เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะได้อีกครั้ง หลังจากปราบ “กระทิงเปลี่ยว” อาร์เบ ไลป์ซิก รองจ่าฝูงบุนเดสลีกา เยอรมนี 2-0 อีกทั้งโชคช่วยอำนวยชัยให้กับอลิสซอน เบ๊คเกอร์
4 นาทีครึ่ง หากเป็น 2 เกมก่อนที่ “พลาดท่า” ด้วยและ “ดวงตก” ด้วย คงจะพังไปแล้ว เมื่อลูกพุ่งโหม่งของ“ไอ้ขาว” ดานี่ โอลโม่ พุ่งไปชนเสาด้านในแล้วเด้งผ่านปากประตู
ที่สำคัญคือ มันผ่านหลังของ อลิสซอน ออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ “รูที่จะลอด” แทบจะไม่มีให้บอลมันเล็ดออกมาเลย
ผ่านจุดตรงนั้นมาได้ และการเล่นร่วมกันสำคัญที่สุดในเกมนี้
นี่คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ ฟุตบอลลิเวอร์พูล กลับมาเป็นเหมือนเดิม จากประเด็นสำคัญ 4 ข้อ
1.การเล่นร่วมกันของ 3 ประสานแดนหน้า
การได้ประตูในเกมนี้อาจจะไม่ได้มาจากการประสานงานกันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ หรือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
แต่การกลับมา “เล่นร่วม” พร้อมกับการ “กระจายบอล”ให้กันและกัน มีมากยิ่งขึ้นกว่าเกมที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างเปิดจึงเป็นปัจจัยได้ทั้ง 3 ได้ร่ายมนต์ร่วมกัน
ลูกงัดจากเส้นของ มาเน่ ไปให้ ฟีร์มิโน่ โหม่งเข้าก่อนจะโดนยึดไปเพราะบอลออกหลังไปก่อน เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนมาก
2.อลิสซอน เบ๊คเกอร์ กลับมาเซฟ
อย่างที่บอกเอาไว้ว่า “แต้มบุญ” ของ อลิสซอน กับทีมนั้นเกิดขึ้นมาด้วยสองมือของเขาเอง และในที่สุดเขาก็กลับมาอยู่ในฟอร์มที่สมควรจะเป็นตัวเขาอย่างที่สุดอีกครั้ง
มีเซฟสวย ๆ และมีโชคมาช่วยนี่คือเรื่องปกติสำหรับนายทวารด่านสุดท้าย และแน่นอนว่า มันสร้างกำลังใจขึ้นเยอะเลย
3.สมาธิที่มีตลอดทั้งเกม
สมาธิในการเล่นนี่คือจุดสำคัญอย่างยิ่ง เกมแพ้ แมนฯซิตี้ เกมกำลังสูสีแต่พอพลาดกันเองสมาธิแตกกระเจิงจนแพ้กระจาย
เกมแพ้ เลสเตอร์ เกมกำลังดีกว่าชัดเจน แต่มาเจอ วีเออาร์ตีเส้นและตัดสินแบบ “ไร้มาตรฐานสิ้นดี” กับคำว่า “วิจารณญาณ” มันกลายเป็น “วิจารณหย่อน”
สมาธิดี ความมั่นใจจึงกลับมา และความผิดพลาดส่วนบุคคลน้อยถึงน้อยมากๆ
4.ฉกฉวยโอกาสได้ดี
เรื่องการโต้กลับของ ลิเวอร์พูล ขึ้นชื่อลือชามากๆ และหลายจังหวะพวกเขาใช้โอกาสนี้จากความผิดพลาดของคู่แข่งเช่นเดียวกับค่ำคืนนี้ที่บูดาเปสต์
ทั้งสองประตูที่ได้มาจากความผิดพลาดของคู่แข่งและการฉวยโอกาสเข้าไปยิงได้ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ ทำให้ทีมกุมความได้เปรียบอย่างมากในเกมนัดต่อไป
ขณะเดียวกัน ไลป์ซิก เองยังเป็นเหมือนในบุนเดสลีกา บทจะชนะก็จะชนะเลย แต่บทจะเสียแต้มก็พังดื้อๆ เนื่องจากการเล่นของพวกเขาสวยงามเป็นระบบระเบียบ ขึ้นบอลได้ทั่วสนาม และมีตัวจบจากแถวสอง
แต่บางครั้งมันก็ออกมานิ่มนวลเป็นปุยนุ่นแบบไม่น่าเชื่อ
แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเกมนี้
...ขณะที่ โอซาน คาบัค ได้รับคำชมในนัดนี้หลังจาก “ประสานงา” กับ อลิสซอน ที่ออกมาตัดแบบไม่ตูตาม้าตาเรือในเกมก่อน จุดสำคัญก็คือ ไลป์ซิก ไม่มีกองหน้าเป็นประเภทพุ่งเป็นจรวด แล้วเลือกส่งพวกจอมเทคนิคที่ลงมาคล้องบอลตรงกลางอย่าง โอลโม่ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ลงสนาม
งานของ คาบัค จึงง่ายขึ้น และทั้งเกมนี้ ไลป์ซิก เล่นแผนบี้กับไลน์แนวรับน้อยมาก
“เล่นได้ตามมาตรฐาน”คือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง
นี่คือพื้นฐานในชัยชนะนัดนี้
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี