การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ดวลกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี เวลา 23.30 น. เป็นเกมบิ๊กแมทช์ประจำสัปดาห์เป็นการชิมลางคู่ชิมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เจ้าถิ่น “เรือใบสีฟ้า” หากชนะเกมนี้พวกเขาจะการันตีการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทันที ความพร้อมยังไม่มี จอห์นสโตนส์ แนวรับที่ชดชัยโทษแบนเป็นเกมสุดท้าย ที่เหลือถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เป๊บ กวาร์ดิโอล่า อาจจะโรเตชั่นทีมบางตำแหน่งโรดรี้ ที่จะได้พักมาจากเกมกลางสัปดาห์จะกลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ อิลคาย กุนโดกัน ส่วนแนวรุกใช้ ริยาด มาร์เรซ ที่กำลังท็อปฟอร์มประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ และฟิล โฟเด้น ส่วนตำแหน่งหน้าเป้าโอกาสเป็นของ เซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่
ทีมเยือน “สิงห์บลูส์” โชว์ฟอร์มแกร่งด้วยการต้อน เรอัล มาดริด มา 2-0 กุยทางสู่รอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นหนที่สามในประวัติศาสตร์ โธมัส ทูเคิ่ล มาพร้อมสถิติอันยอดเยี่ยมด้วยการเก็บคลีนชีตได้ถึง 18 นัด จากการคุมทีม 24 เกม นัดนี้ไม่มีมัตเตโอ โควาซิซ มิดฟิลด์โครแอตที่ต้องรอเช็คความฟิต เช่นเดียวกับเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ดูแล้วอาจจะได้พักไปเลย เปิดโอกาสให้ เคิร์ทซูม่า ลงมายืนสามเซ็นเตอร์ และส่ง รีซ เจมส์ ไปเล่นวิงแบ๊ก ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร มีเอ็นโกโล่ ก็องเต้ และจอร์จินโญ่ คุมแดนกลาง แผงเกมรุก เมสัน เม้าท์ จะเป็นตัวยืน คาดว่าจะเล่นร่วมกับ คริสเตียน พูลิซิซ และไค ฮาแวร์ตซ์
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม
แมนฯซิตี้ (4-2-3-1): เอแดร์ซอน, ชูเอา กานเซโล่, รูเบนดิอาส, อายเมริค ลาปอร์ก, เบนฌาแม็ง เมนดี้, โรดรี้ เอร์นานเดซ,ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น และเซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่
เชลซี (3-4-2-1): เอดูอาร์ เมนดี้, เคิร์ท ซูม่า, ติอาโก้ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้,มาร์กอส อลอนโซ่, เมสัน เม้าท์, คริสเตียน พูลิซิซ และไค ฮาแวร์ตซ์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ถือว่าสูสีสุดๆ ผลัดกันชนะฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 หนล่าสุดเพิ่งดวลกันไปเมื่อ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เชลซี เฉือน 1-0 เขี่ย แมนฯซิตี้ตกรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ
ทางด้าน ลาลีกา สเปน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ดวลกับ“ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด เวลา 21.15 น.
เกมบิ๊กแมทช์ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินแชมป์ในฤดูกาลนี้“เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า อันดับ 3 ของตารางมี 74 คะแนนจะได้เล่นในคัมป์ นู เกมนี้สภาพทีมโดยรวมถือว่าพร้อมขาดแค่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และอันซู ฟาติ ที่บาดเจ็บ ในรายของ มาร์ติน เบรธเวต กลับมาซ้อมได้แล้ว คาดว่า โรนัลด์ คูมัน ยึดแผนการเล่นเดิม 3-5-2 เซ็นเตอร์แบ๊กฝั่งขวาต้องเลือกระหว่าง ออสการ์มินเกซ่า หรือโรนัลด์ อเราโฌ่ ที่จะมาเล่นร่วมกับ เคราร์ด ปิเก้ และเคลมองต์ ลองเล่ต์ ส่วนแดนกลางใช้ แฟร้งกี้ เดอ ยองก์ ประสานงานกับ เซร์คิโอ้ บุสเกสต์ และเปดรี้ โดยมี อองตวน กรีซมันน์ และลีโอเนล เมสซี่ เป็นคู่ศูนย์หน้า
ทางฝั่งผู้มาเยือน “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ทีมจ่าฝูงของตารางมี 76 คะแนน เกมนี้ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ต้องรอเช็คความฟิตของ โฆเซ่ ฆิเมเนซ และเรนาน โลดี้ สองแกนหลัก เชื่อว่ารายแรกจำเป็นที่จะต้องเข็นลง เพราะวิงฝั่งซ้าย ยานนิค การ์ราสโซ่เล่นได้อยู่แล้ว แผงมิดฟิลด์ค่อนข้างน่าสนใจใช้ โกเก้ และมาร์กอสญอเรนเต้ เป็นหลัก อีกตัวที่ต้องแย่งกันมีโอกาสที่ โตมาส์เลอมาร์ จะลงมาปั้นเกมรุก ส่วนหน้าคู่เลือก หลุยส์ ซัวเรซ และอังเคล คอร์เรอา ออกสตาร์ทก่อน ชูเอา เฟลิกซ์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังเบียดกันสนุก แอต มาดริด ชนะได้ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับบาร์เซโลน่า และเสมอ 1ดวลกันหนแรกในซีซั่นนี้ “ตราหมี” เล่นในบ้านเฉือน 1-0 จากประตูชัยของ การ์ราสโซ่
ส่วน บุนเดสลีกา เยอรมนี บาเยิร์น มิวนิค-ดวลกับ กลัดบัคเวลา 23.30 น. ซึ่ง บาเยิร์น มิวนิค หากเก็บ 3 คะแนนในเกมนี้จะคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ทันที แต่ผลงานเกมล่าสุดเพิ่งพลาดท่าบุกไปพ่ายไมนซ์ 05 มา 1-2
เกมนี้ไม่มี ดั๊กลาส คอสต้า ที่มีอาการบาดเจ็บ โกร็องแต็ง โทลิสโซ่ รอเช็คความฟิต ที่เหลือพร้อมลงเล่นทั้งหมด ฮานซี่ ฟลิคได้ทีมชุดหลักกลับมาแบบเต็มสูบ เล่นในระบบ 4-2-3-1 โยชัว คิมมิช คุมแดนกลางร่วมกับ เลออน กอเร็ตซ์ก้า แนวรุกใช้ คิงสลีย์โกม็อง ประสานงานกับ โธมัส มุลเลอร์ และแซร์ก นาบรี้ โดยมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงไปแล้ว 36 ประตูต้องการอีก 4 ลูกทาบสถิติของ แกรด์ มูลเลอร์ ยืนเป็นหน้าเป้า
ทางฝั่ง “สิงห์หนุ่ม” มึนเช่นกลัดบัค รั้งอันดับ 7 ของตารางยังพอมีลุ้นโควตายูโรป้า ลีก เกมล่าสุดจัดหนักถล่ม อาร์มีเนียบีเลเฟลด์ มา 5-0 ข่าวดีคือการได้ ยานน์ ซอมเมอร์ นายด่านมือหนึ่งพ้นโทษแบนกลับมาเฝ้าเสา เช่นเดียวกับ ลาร์ส ชตินเดิ้ล ที่จะเป็นตัวเลือกในแนวรุก นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร มาร์โก โรเซ่อจัดทัพชุดใหญ่ นำโดย ฟลอเรียน นอยเฮ้าส์, เดนนิส ซากาเรีย,โยนาส ฮอฟมันน์, บรีล เอ็มโบโล่, มาร์คุส ตูราม และอเลสซาน เพลา
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมภาพรวม บาเยิร์น มิวนิค ทำได้ดีกว่า แต่ทว่า 3 ครั้งหลัง เป็นกลัดบัค ที่ทำแสบเอาชนะได้ถึง 2 ครั้ง รวมไปถึงเกมแรกที่เจอกันในซีซั่นนี้ที่ “สิงห์หนุ่ม” เปิดบ้านเฉือนไปแบบสุดมันส์ 3-2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี