เข้ารอบ : เอแดน อาซาร์ กัปตันทีมชาติเบลเยียม หลุดเข้าไปยิงก่อนที่ทัพปีศาจแดงแห่งยุโรป จะเอาชนะ ฟินแลนด์ 2-0 ลิ่วเข้ารอบ 16 ทีมยูโร 2020 ได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 เดินทางมาถึงการดวลแข้งรอบแรกนัดสุดท้ายเกมสุดท้าย รวมทั้งสิ้น 4 สนาม โดยจะเริ่มเตะ 2 คู่แรก กลุ่ม อีพร้อมกันเวลา 23.00 น. และรอบแรก กลุ่ม เอฟ อีก 2 คู่ เวลา 02.00 น. ซึ่งปรีวิวทั้งหมดมีดังนี้
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม อี สโลวะเกีย-สเปน เวลา 23.00 น. : “กระทิงดุ” สเปน เริ่มต้นทัวร์นาเมนท์ได้อย่างน่าผิดหวังกับการเสมอมา 2 นัด ทำให้ตอนนี้มีอยู่ 2 คะแนน แต่จะได้เล่นในบ้านอีก 1 เกม ณ เซบีญ่า ซึ่งกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ต้องรอเช็คความฟิตของ เซร์คิโอ้ บุสเกตส์ มิดฟิลด์จากบาร์เซโลน่าแต่เชื่อว่าน่าจะกลับมาสมบูรณ์ ทำให้ โรดรี้ จากแมนฯซิตี้ อาจจะหลุดไปนั่งสำรอง ที่เหลือมี โกเก้ และเปดรี้ ขับเคลื่อนเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกอาจจะดร็อป เกราร์ด โมเรโน่ ที่พลาดจุดโทษเปิดโอกาสให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ลงประสานกับ อัลบาโร่ โมราต้าและดานี่ โอลโม่ อีกครั้งเหมือนกับเกมแรก
ฟากของ สโลวะเกีย ที่มีอยู่ 3 แต้ม แต่น่าเสียดายที่นัดก่อนไปพลาดเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมทำให้พ่ายต่อ สวีเดน 0-1 เกมนี้ลุ้นผลเสมอเอาไว้ก่อนเพื่อเข้ารอบ แต่ไม่มี เดนิส วาร์โร่
ที่ติดโควิด-19 ซึ่งน่าจะส่งผลอะไรอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นแกนหลักนอกนั้นถือว่าอยู่กับครบ ด้วยการที่ต้องเน้นเสมอไว้ก่อน อาจจะปรับแท็กติกจาก 4-1-4-1 มาแล้ว 4-2-3-1 ถอย ยูราย์ คุซก้าลงมายืนคู่มิดฟิลด์กับ แพทริค โรชอฟสกี้ แนวรุกมี ลูคัส ฮาลาสลินประสานงานกับ มาเร็ค ฮัมซิค และโรเบิร์ต มัค วาง ออนเดรย์ดูด้า เล่นเป็นฟอลส์ไนน์
ฟอร์มแรง : เมมฟิส เดอปาย กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ลุ้นทำประตูก่อนที่จะเอาชนะมาซิโดเนียเหนือ 3-0 คว้าแชมป์กลุ่ม ซี ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม สโลวะเกีย (4-2-3-1) : มาร์ติน ดูบราฟก้า, ปีเตอร์ เพคาริค, ลูโมเมียร์ ซัตก้า, มิลาน สคีร์เนียร์, โทมัส ฮูโบชาน, ยูราย์ คุซก้า, แพทริค โรชอฟสกี้,ลูคัส ฮาลาสลิน, มาเร็ค ฮัมซิค, โรเบิร์ต มัค และออนเดรย์ ดูด้า,สเปน (4-3-3): อูไน ซิม่อน, มาร์กอส ญอเรนเต้, อายเมริคลาปอร์ก, เปา ตอร์เรส, ฆอร์ดี้ อัลบา, โกเก้, เซร์คิโอ้ บุสเกตส์,เปดรี้, เฟร์ราน ตอร์เรส, อัลบาโร่ โมราต้า และดานี่ โอลโม่
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 6 ครั้ง สเปน เหนือกว่าเอาชนะได้ 4 เสมอ 1 และ สโลวะเกีย ชนะ 1 เกมล่าสุดที่เจอกันเกิดขึ้นเมื่อปี 2015 สเปน ชนะ 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม อี สวีเดน-โปแลนด์เวลา 23.00 น. : “ไวกิ้ง” สวีเดน นำจ่าฝูงของกลุ่มด้วยการมี4 คะแนน ชนะ 1 เสมอ 1 แม้จะยิงได้ 1 ประตู เกมนี้แล้วบดเอาชนะ สโลวะเกีย มาได้ 1-0 โอกาสเข้ารอบถือว่าแทบจะแบเบอร์ ขอไม่แพ้เกมนี้ไว้ก่อน ตอนนี้รอความฟิตของ มาติอัสสเวนเบิร์ก แนวรุกจากโบโลญญ่า ที่เหลือถือว่าพร้อมทั้งหมดไม่มีใครป่วยใครเจ็บเพิ่มเติม ยึดระบบการเล่นแบบดั้งเดิม 4-4-2 คู่มิดฟิลด์ใช้ คริสโตฟเฟอร์ โอลส์สัน เล่นกับ อัลบิน เอ็คดาลส่วนตัวริมเส้นสองฝั่งเลือก เซบาสเตียน ลาร์สสัน และเอมิลฟอร์สเบิร์ก โดยมี มาร์คุส เบิร์ก และอเล็กซานเดอร์ อีซัค เป็นคู่หัวหอก
ทางฝั่ง โปแลนด์ แพ้ 1 เสมอ 1 เกมที่แล้วยันเสมอกับ“กระทิงดุ” สเปน มาได้ 1-1 หนทางเดียวที่จะลุ้นเข้ารอบต่อไปคือการเก็บ 3 คะแนนในเกมนี้เอาไว้ก่อน ข่าวดีคือการได้เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวี๊ยค ห้องเครื่องสายดุพ้นโทษแบนกลับมา ทำให้ คาโรล ลิเน็ตตี้ จากโตริโน่ อาจจะหลุดไปนั่งสำรอง ที่เหลือเป็นแกนหลักชุดเดิมมาในระบบ 3-4-1-2 คามิล ยอซเวี๊ยค และมาเซจ เรบุส ขึ้นเกมริมเส้นสองฝั่ง โดยมี มาเตอุซ คลิค และปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ คอยปั้นเกมสนับสนุนคู่หัวหอก โรเบิร์ตเลวานดอฟสกี้ และคาโรล สวีเดอร์สกี้
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามสวีเดน (4-4-2): โรบินโอลเซ่น, มิคาเอล ลุสติค, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, มาร์คัส แดเนี่ยลสัน,ลุควิค ออกุสตินส์สัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คริสโตฟเฟอร์โอลส์สัน, อัลบิน เอ็คดัล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, มาร์คัส เบิร์ก และอเล็กซานเดอร์ อีซัค, โปแลนด์ (3-4-1-2): วอยเซี๊ยคเชสนี่, บาร์ตอร์ซ เบเรสซีนสกี้, คามิล กลิค, แยน เบ็ดนาเร็ค, คามิล ยอซเวี๊ยค, มาเตอุซ คลิค, เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวี๊ยค,ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้, มาเซจ เรบุส, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และคาโรล สวีเดอร์สกี้
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 26 ครั้ง สวีเดน เหนือกว่าเอาชนะได้ 14 เสมอ 4 และโปแลนด์ ชนะ 8 โดยเฉพาะการเจอกัน 7 เกมหลังสุด สวีเดน เก็บเรียบ ชนะ 6 และเสมอ 1
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม เอฟ เยอรมนี-ฮังการี่ เวลา 02.00 น. “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่มีอยู่ 3 คะแนนจากการชนะ 1 แพ้ 1 เกมที่แล้วคืนฟอร์มถล่ม โปรตุเกส 4-2นัดนี้จะได้เล่นในรังอัลลิอันซ์ อารีน่า แต่มีข่าวไม่ค่อยจะสู้ดีนักเมื่อ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, โธมัส มุลเลอร์, อิลคาย กุนโดกัน และลูคัส ครอสเตอร์มันน์ ไม่ได้ลงซ้อมกับทีมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในรายของ ฮุมเมิ่ลส์ น่าจะเป็นเรื่องของสภาพร่างกายไม่น่ามีปัญหาอะไรส่วน มุลเลอร์ มีอาการบาดเจ็บติดตัวมา คาดว่า โยอาคิม เลิฟยังยึดระบบ 3-4-2-1 เหมือนเดิม ตัวเลือกที่จะมาแทน มุลเลอร์มีหลายคนให้เลือกทั้ง เลออน กอเรตซ์ก้า, ตีโม แวร์เนอร์หรือแม้แต่ เลรอย ซาเน่
ทางฝั่ง “แม็กย่าร์” ฮังการี นัดที่แล้วถือว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเสมอกับทีมเต็งหนึ่ง “ตราไก่” ฝรั่งเศส 1-1 แต่นัดนี้ต้องลุ้นหนักว่า อดัม ซาไล หัวหอกคนสำคัญที่ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมดังกล่าวจะฟิตทันลงเล่นหรือไม่หากเล่นไม่ได้ เนมานย่า นิโคลิช จะได้เล่นแทน ที่เหลือ มาร์โก รอสซี่ ไม่น่าจะปรับอะไรยึดผู้เล่นชุดเดิมในระบบ 3-5-2 มี วิลลี่ ออร์บัน เป็นหัวใจในเกมรับ แดนกลางมีตัวหลักอย่าง อดัม นากี้, ลาร์ซโล ไคลน์เฮสเลอร์ และอันดราซ เชเฟอร์ โดยมี โรแลนด์ ซาไล เป็นตัวลากเลื้อยป่วนแนวรับคู่แข่ง โดยพวกเขาต้องการกำชัยนัดนี้เพื่อลุ้นเข้ารอบด้วยเช่นกัน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เยอรมนี (3-4-2-1):มานูเอล นอยเออร์, มาติอัส กินเธอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, โยชัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน, โทนี่ โครส, โรบิน โกเซ่นส์, ไค ฮาแวร์ตซ์, เลออน กอเรตซ์ก้า และแซร์ก นาบรี้,ฮังการี่ (3-5-2): เปตาร์ กูลาชซี่, เอ็นเดร บ็อตก้า, วิลลี่ ออร์บัน,อัตติล่า ซาไล, โลอิก เนโก้, ลาร์ซโล ไคลน์เฮสเลอร์. อดัม นากี้,อันดราซ เชเฟอร์, อัตติล่า ฟิโอล่า, อดัม ซาไล และโรแลนด์ ซาไล
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 33 ครั้ง ถือว่าสูสี เยอรมนี ชนะได้ 13 เสมอ 10 และฮังการี ชนะได้ 10 หนล่าสุดที่พบกันเป็นเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2016 เยอรมนี ชนะ 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม เอฟ โปรตุเกส-ฝรั่งเศส เวลา 02.00 น. “แชมป์เก่า” โปรตุเกส นัดที่แล้วพลาดท่าพ่ายให้กับ เยอรมนี 4-2 ทั้งที่พวกเขาขึ้นนำก่อนทั้งแต่ต้นเกม ทำให้มีอยู่ 3 คะแนนจากการลงเล่น ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากสุด ๆ ต้องมาวัดกันในนัดสุดท้ายกับ ฝรั่งเศส เกมนี้กุนซือ เฟอร์นานโด ซานโตส ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ คาดว่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิมเล่นในระบบ 4-2-3-1 วิลเลี่ยมส์ คาร์วัลโญ่ คุมแดนกลางร่วมกับ ดานิโล่ เปเรยร่า แผงเกมรุกใช้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประสานงานกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และดีโอโก้ โชต้า โดยมี
คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ยืนเป็นหน้าเป้า
ทางฝั่ง “ตราไก่” ฝรั่งเศส มีอยู่ 4 คะแนนจากการชนะ 1 เสมอ 1 เกมที่แล้วใช้โอกาสเปลืองเสมอกับ ฮังการี มา 1-1 ตอนนี้ผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ต้องดูว่าจะผ่านเข้าไปแบบไหน ซึ่ง
ทีมนั้นจะหมดสิทธิ์ใช้งาน อุสมาน เดมเบเล่ แนวรุกจากบาร์เซโลน่าที่บาดเจ็บบริเวณเอ็นหัวเข่า ทำให้อ็อปชั่นเปลี่ยนเกมในเกมรุกหายไป โดยที่ ดีดิเยร์ เดส์ชองป์ ยังเลือกแผน 4-3-1-2อาเดรียง ราบิโอต์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และปอล ป๊อกบา ช่วยกันคุมจังหวะแดนกลาง โดยมี อองตวน กรีซมันน์ รับบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ทำเกมอยู่ด้านหลัง คาริม เบนเซม่า และคีลียัน เอ็มบาปเป้
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม โปรตุเกส (4-2-3-1):รุย ปาทริซิโอ้, เนลสัน เซเมโด้, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรโร่, วิลเลี่ยมส์ คาร์วัลโญ่, ดานิโล่ เปเรยร่า, แบร์นาร์โด้ซิลวา, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, ดีโอโก้ โชต้า และคริสติอาโน่ โรนัลโด้
ฝรั่งเศส (4-3-1-2): อูโก้ ญอริส, เบนฌาแม็ง ปาวาร์, ราฟาเอล วาราน, เพรสเนล คิมเปบเบ้, ลูก้าส์ แอร์กนองเดซ, อาเดรียง ราบิโอต์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, อองตวน
กรีซมันน์, คาริม เบนเซม่า และคีลียัน เอ็มบาปเป้
สถิติการพบกับของทั้งสองทีม เจอกันมา 27 ครั้ง ฝรั่งเศสเหนือกว่าเยอะ เอาชนะได้ถึง 19 เสมอ 2 และโปรตุเกส ชนะ 6ล่าสุดเพิ่งเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020 ฝรั่งเศส บุกเฉือน 1-0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี