ทีมชาติเดนมาร์ก ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 เป็นที่เรียบร้อย หลังจากเชือดทีมชาติออสเตรีย 1-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เก็บสถิติสุดเดือดชนะรวด 8 นัด ยิง 27 ประตู และไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียว
สำหรับสถิติไร้เทียมทานครั้งนี้ของเดนมาร์ก ชนะ อิสราเอล(เยือน) 2-0, ชนะ มอลโดวา(เหย้า) 8-0, ชนะ ออสเตรีย(เยือน) 4-0, ชนะ สกอตแลนด์(เหย้า) 2-0, ชนะ หมู่เกาะแฟโรว์(เยือน) 1-0, ชนะ อิสราเอล(เหย้า) 5-0, ชนะ มอลโดวา(เยือน) 4-0 และชนะ ออสเตรีย(เหย้า) 1-0
“โคนม” เดนมาร์ก เป็นทีมคัดเลือกทีมที่ 2 ที่ได้ไปรอบสุดท้าย นับเป็นการเข้ารอบบอลโลกเป็นสมัยที่ 6 ต่อจากปี 1986, 1998, 2002, 2010 และ 2018 ผลงานดีสุดของพวกเขาคือ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายปี 1998 และตอนนี้ได้ 3 ทีม ที่ฉุยฉายแน่นอนในปลายปีหน้าก็คือ เดนมาร์ก, เยอรมนี และกาตาร์
โดยที่เยอรมนี กลายเป็นชาติแรกที่เข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งนี้จากการคัดเลือก นับเป็นการเข้ารอบสมัยที่ 20 มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกต่อจาก บราซิล ที่เข้ารอบมา 21 สมัย และลุ้นเข้าครบทั้ง 22 สมัยโดยที่ เยอรมนี เป็นชาติที่ได้แชมป์โลกมากที่สุดเป็นลำดับที่ 2 คือ 4 สมัย เท่ากับอิตาลี โดยได้แชมป์ปี 1954, 1974, 1990 และ 2014
ทางด้านในเกมกลุ่มเอ ที่ทัพ “ฝอยทอง” ทีมชาติโปรตุเกส ถล่ม ลักเซมเบิร์ก ไป 5-0 เก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม ปรากฏว่า คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัดไปคนเดียว 3 ประตู ในนาทีที่ 8, 13, และ 87 นับเป็นการวัดแฮททริกในทีมชาติเป็นครั้งที่ 10 และกลายเป็นแข้งที่ทำแฮททริกในนามทีมชาติมากที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ ยังทำให้สถิติรวมของ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี ในนามทีมชาติ ซัดไปแล้วถึง 115 ประตู จากการลงสนาม 182 นัด มาจากการยิงด้วยเท้าซ้าย 26 ครั้ง
เท้าขวา 61 ครั้ง และลูกโหม่ง 28 ครั้ง แบ่งเป็นลูกฟรีคิกโดยตรง 10 ครั้ง โอเพ่น เพลย์ 89 ครั้ง และจุดโทษ 16 ครั้ง
ขณะเดียวกันก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในเกมที่ติราน่าซึ่ง อัลแบเนีย แพ้ โปแลนด์ 0-1 หลังจากเกมต้องหยุดไปนานกว่า 20 นาที เมื่อแฟนบอลแอลเบเนีย ขว้างปาขวดพลาสติกใส่นักบอลโปแลนด์ หลังจาก คาโรลสไวเดอร์สกี้ ทำประตูให้ทีมออกนำในช่วง 13 นาทีสุดท้าย
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงคนสำคัญของโปแลนด์ กล่าวว่า มีขวดบินจากอัฒจันทร์เต็มไปหมด มันค่อนข้างอันตราย ก่อนที่เราต้องหยุดเล่นไปก่อนและกลับมาเตะต่อ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นที่เราต้องหยุดเล่นไว้ก่อน
คาดกันว่าแฟนบอลแอลเบเนีย คงไม่พอใจที่พวกเขาโดนนำ เพราะกำลังลุ้นเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นสมัยแรก หลังจากเคยประสบความสำเร็จในการเข้าเล่นรอบสุดท้าย ยูโร 2016 มาแล้ว
ส่วนการเตะรอบคัดเลือกโซนเอเชีย กลุ่มบี “ซามูไรบลูส์” ทีมชาติญี่ปุ่นคืนชีพอีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านบดเอาชนะทีมชาติออสเตรเลีย ไปได้แบบสุดระทึก 2-1 โดยได้ประตูชัยในนาทีที่ 85 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ อาซิซ เอรัลเตย์ เบฮิช
โดยกลุ่มนี้ ซาอุดีอาระเบีย ยังนำจ่าฝูงด้วยการชนะ จีน 3-2 และโอมาน ชนะ เวียดนาม 3-1 ทำให้กลุ่มบีผ่าน 4 นัด ซาอุฯ ชนะทุกนัดมี 12 แต้มเต็ม ตามมาด้วย ออสเตรเลีย 9 แต้ม, โอมาน กับ ญี่ปุ่น มีทีมละ 6 แต้ม และประตูได้เสียเท่ากันที่ 0 ประตู, จีน มี 3 แต้ม และเวียดนาม 0 แต้ม
ทางด้านกลุ่มเอ “โสมขาว” เกาหลีใต้ บุกไปเสมอกับ “โคไมนี่” อิหร่าน ที่เตหะราน 1-1 โดยที่ ซน ฮึง มินยิงให้โสมขาวออกนำก่อนนาทีที่ 48 ก่อนที่ อลิเรซ่ายาฮานบัคห์ช กดตีเสมอนาทีที่ 76 แบ่งกันไปทีมละ1 คะแนน ส่วนอีกสองคู่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสมอ อิรัก 2-2 และซีเรีย แพ้ เลบานอน 2-3
ซึ่งกลุ่มนี้ อิหร่าน นำจ่าฝูงมี 10 คะแนน ตามมาด้วย เกาหลีใต้ 8 คะแนน, เลบานอน 5 คะแนน,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 คะแนนเท่ากับ อิรัก และซีเรีย 1 คะแนน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี