โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ สองแกนรุกจาก ลิเวอร์พูล จะปะทะแข้งกันเองในนัดชิงแชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์

ทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลที่ว่ากันว่า “ถูกชิงชัง” ที่สุดครั้งหนึ่ง เดินทางมาถึง “นัดชิงแชมป์”

แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ หรือ “แอฟคอน” จะเรียก “อาฟคอน” ก็ได้ตามประดามี หรือแล้วแต่จะขยี้กัน

เป็นการโคจรมาพบกันของ “มัมมี่” อียิปต์ เจอกับ “สิงโตแห่งเตรังก้า” ทีมชาติเซเนกัล ถือว่าเป็นการ “มาตามนัด” ของสองทีมดังที่มีสตาร์ดังอยู่หลายต่อหลายราย

โดยเฉพาะกรณีการเจอกันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ สองดาวดังตัวเอ้จาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี

มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในรายการนี้กว่าจะถึงนัด
ชิงชนะเลิศ

อาทิ การเปิดเพลงชาติผิด, กรรมการเป่านกหวีดก่อนจบเกมตั้ง5 นาที, กลุ่มกบฏจะบุกค่ายนักเตะ, การแหกค่าย หรือกระทั่งการติดโควิดของนักบอล

กาฬทวีป ต้องการพิสูจน์ตัวเองให้โลกได้เห็น “มุมบวก” เพราะนี่คือทัวร์นาเมนท์ที่ 3 ของวงการฟุตบอล และรายการใหญ่รายการที่ 4 โลกใบนี้ที่คนมารวมตัวกันมากมายยุคลำบากเพราะการระบาด

ต่อจาก ฟุตบอลยูโร, ฟุตบอลโคปา อเมริกา และโอลิมปิกเกมส์

พวกเขาไม่ต้องการให้ใครมาด้อยค่าอีกต่อไป......ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่มองมุมไหนให้แตกต่าง

แต่คู่ชิงชนะเลิศนี้ ถือว่าเป็นเกมที่น่าสนใจอย่างมากจริงๆ

l ปรีวิวดรีมไฟนอลส์ “เซเนกัล – อียิปต์”

เวลา : 02.00 น. ที่โอเลมเบ้ สเตเดี้ยม กรุงยาอุนเด้ ประเทศแคเมอรูน

ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ โกเมส(เซาท์ แอฟริกา), ผู้ควบคุมVAR :อาดิล ซูรัค(โมร็อกโก)

นัดชิงชนะเลิศ ชิงเจ้ากาฬทวีป ครั้งที่ 33 อียิปต์ เข้าชิงเป็นครั้งที่ 10 ครองถ้วยมาแล้ว 7 ครั้ง ปี 1957, 1959, 1986, 1998, 2006, 2008 และ 2010

ตรงข้ามกับ เซเนกัล ที่เข้าชิงฯเป็นครั้งที่ 3 หลังจากอกหักทั้งสองครั้งในปี 2002 แพ้จุดโทษ แคเมอรูน และหนก่อนแพ้ แอลจีเรีย 0-1 ปี 2019

เส้นทางสู่นัดชิงฯของ เซเนกัล : รอบแรก : ชนะ ซิมบับเว 1-0, เสมอ กินี 0-0, เสมอ มาลาวี 0-0, รอบ 16 ทีม : ชนะ เคปเวิร์ด 2-0, รอบ 8 ทีม : ชนะ เอควอทอเรียล กินี 3-1, รองรองฯ : บูร์กินา ฟาโซ 3-1

“สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล รองแชมป์เก่า ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันด้วยการเอาชนะ บูร์กินาฟาโซ 3-1 เกมนี้ อาลิอู ซิสเซ่ กุนซือสุดคูล ไม่มีปัญหาในการจัดทัพเพราะแข้งหลักอยู่กันครบ ซาดิโอ มาเน่ แกนรุกของ “หงส์แดง” จะนำทัพ โดยมี อิดริสซ่า กาน่า เกย์ มิดฟิลด์จอมเก๋า เป็นตัวคุมเกม และ
จอมหนึบอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ จากเชลซี เป็นด่านสุดท้าย

คาดว่าไลน์อัพอาจจะเป็นชุดเดิมในระบบ 4-3-3 ชีค คูยาเต้ คุมแดนกลางร่วมกับ นอมปาลิส เมนดี้ และอิดริสซ่า กาน่า เกย์ ส่วนเกมรุกเลือก บับบ้า เดียง ประสานงานกับ ฟามาร่า ดิดิอู และซาดิโอ มาเน่

เส้นทางสู่นัดชิงฯของ อียิปต์ : รอบแรก : แพ้ ไนจีเรีย 0-1, ชนะ กินี-บิสเซา 1-0, ชนะ ซูดาน 1-0, รอบ 16 ทีม : เสมอ โกตดิวัวร์0-0 (ยิงจุดโทษ ชนะ 5-4), รอบ 8 ทีม : ชนะ โมร็อกโก 2-1(ต่อเวลา), รองรองฯ : เสมอ แคเมอรูน 0-1(ยิงจุดโทษ ชนะ3-1)

“เดอะ มัมมี่” ที่เล่นในช่วงต่อเวลามาถึง 3 เกมติดต่อกัน และก็ล้มเต็งหนึ่งเจ้าภาพ “หมอผี” แคเมอรูน ด้วยการดวลจุดโทษ ปัญหาใหญ่ของพวกเขาไม่ได้อยู่ในสนาม แต่อยู่ที่ข้างสนาม เมื่อตัวกุนซืออย่าง คาร์ลอส เคยรอซ โดนใบแดงจากนัดที่แล้ว ทำให้พลาดการคุมทีมข้างสนามในเกมสำคัญ ส่วนตัวเจ็บและไม่สมบูรณ์มีอัคราม เตาว์ฟิค แบ๊กจอมลุย รวมไปถึง ฮัมดี้ ฟาติห์, โมฮาเหม็ด เอลชาราวี่ และอาห์เหม็ด เฮกาซี่ นอกนั้นถือว่าลงได้หมด

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะนำทัพลงสนาม มาในระบบ 4-3-3 เช่นกันนำโดย โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ จากอาร์เซนอล เป็นตัวดึงจังหวะเกม ส่วน ฮัมดี้ ฟาติห์, อาเมอร์ เอล โซเลย่า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์,มอสตาฟา โมฮาเหม็ด และโอมาร์ มาร์มุสห์ จะลงบู๊แน่นอน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอเป็น เซเนกัล ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 3 ส่วน อียิปต์ ชนะ 2

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เซเนกัล (4-3-3) : เอดูอาร์ เมนดี้, บูน่า ซาร์, คาลิดู คูลิบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, ซาลิอู ซิสส์, ชีค คูยาเต้, นอมปาลิส เมนดี้, อิดริสซ่า กาน่า เกย์, บับบ้า เดียง,ฟามาร่า ดิดิอู และซาดิโอ มาเน่

อียิปต์ (4-3-3) : โมฮาเหม็ด อาบู กาบัล, โอมาร์ คาเมล, โมฮาเหม็ด อับเดลโมเนม, โมฮาเหม็ด ฮัมดี้ เวนส์ห, อาห์เหม็ด เอล ฟาตูห์, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, ฮัมดี้ ฟาติห์, อาเมอร์ เอล โซเลย่า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, มอสตาฟา โมฮาเหม็ด และโอมาร์ มาร์มุสห์

สกอร์ที่คาด : เซเนกัล 1-0 อียิปต์

l เส้นทางสุดท้ายของชิงแชมป์หญิงเอเชีย

………ฟากฝั่งของการเตะชิงเจ้าทวีปเช่นกัน แต่เป็นของ “สุภาพสตรี” ของทวีปเอเชีย จัดขึ้นแบบ “ปิดสนามเตะ” เนื่องจากโควิดยังคงวุ่นวาย

“อินเดีย” รับหน้าที่จัดการดวลแข้ง ณ มหาราษฏระ ที่นครมุมไบ มีการชิงโควตาไปเตะมากมายถึง 5+1+2

ตัวเลขมันรุงรังดีแท้หนอ!?!?

ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย (The 2022 AFC Women’s Asian Cup) ครั้งที่ 20 เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายเพิ่มจาก 8 ทีม เป็น 12 ทีมเพื่อชิงเจ้าเอเชีย แต่เล่นไปได้เกมเดียว อินเดีย เจ้าภาพต้องถอนตัวจากการแข่งขันเพราะติดโควิดกันยกทีม!!!

แต่การเตะยังคงดำเนินกันต่อไป และโควตาต่างๆ จัดสรรกันจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้เป็นวันสุดท้าย

ว่ากันถึงเลข 5+1+2 โควตาจากทั้งหมด 32 ทีมที่จะไปบอลโลก 2023 กันอีกครา

เริ่มต้นที่เลข “5” กันก่อน ที่ตอนนี้ได้แล้วคือ เกาหลีใต้, จีน, ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่รอบตัดเชือกสำเร็จ บวกกับ ออสเตรเลีย เจ้าภาพร่วม ก็จะได้เลข “5”

จากนั้นในเลข “1” กำลังจะได้ในเกมการเตะเพลย์ออฟรอบสมอลล์กรุ๊ป หรือรอบผู้แพ้ นั่นคือ ไต้หวัน จะตัดสินกับ เวียดนาม หลังจากทั้งสองทีมปราบทีมไทยมาได้ 3-0 และ 2-0 ตามลำดับ ซึ่งผู้ชนะจะได้เลข “1” นี้ไปครอง

ปิดท้ายด้วยเลข “2” ตอนนี้ได้แล้วคือ ไทย ส่วนอีกทีมไม่ ไต้หวัน ก็ เวียดนาม ทีมใดทีมหนึ่งที่จะตัดสินกันในวันอาทิตย์นี้

ทีมที่ตกมาอยู่ในเลข “2” จะได้สิทธิ์ลุ้นคำรบสุดท้ายในการไปเตะเพลย์ออฟรอบโลก

การเตะอินเตอร์-คอนเฟเดอเรชั่น เพลย์-ออฟส์ มีโควตาให้ล่าอีก 3 ทีม จะมีทั้งหมด 10 ทีม จากทั้งหมด 6 ทวีป ประกอบด้วย เอเชีย 2 ทีม, คอนคาเคฟ 2 ทีม,แอฟริกา 2 ทีม, คอนเมโบล 2 ทีม,โอเชียเนีย 1 ทีม และยูฟ่า 1 ทีม แบ่งออกเป็น 3 สาย และแชมป์แต่ละสายจะได้สิทธิ์

ยากหน่อย และดูแล้วไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่

l จีนลุ้นรอบ14ปี-เกาหลีลุ้นแชมป์ประวัติศาสตร์

เมื่อปี 2010 หนังสือพิมพ์ของจีน ระบุว่า ประเทศของเขามีปัญหาอยู่ที่ “ลูกบอล” เพราะ 3 กีฬาอย่าง ฟุตบอล, บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล กำลังจะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง

การรอคอยเนิ่นนาน 14 ปีของแข้งสาวจีน สิ้นสุดลง หลังจากพวกเขาตีเสมอ ญี่ปุ่น แชมป์โลกที่กำลังฟอร์มถดถอยในนาทีที่ 119 ก่อนจะยิงจุดโทษชนะ แล้วทะลุเข้าชิงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีเต็ม และลุ้นแชมป์สูงสุด สมัยที่ 9

จีน เคยก้าวไปถึงระดับเข้าชิงแชมป์โลก เมื่อปี 1999 ก่อนจะพ่าย สหรัฐ ในการดวลจุดโทษที่โรส โบวล์ จากนั้นพวกเธอไม่เคยใกล้เคียงกับโอกาสนั้นอีกเลย และเข้าชิงเอเชียหนสุดท้ายคือปี 2008 และแพ้ เกาหลีเหนือ ไป 1-2

หลังจากป้วนเปี้ยนเข้าถึงรอบตัดเชือกมา 3 หนติด แต่ก็ตกรอบรองฯทุกครั้ง กระทั่งมาหนนี้ ฉุย ควิงเซี๊ยะ อดีตดาวเตะทีมชาติชุดเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 1996 เป็นเฮดโค้ชและพาทีมชิงสำเร็จ โดยทีมงานทุกคนเป็นชาวมังกรล้วนๆ

ความหวังในการถล่มประตูอยู่ที่ หวัง ฉวง กับ หวัง ซันซัน ทั้งสองคนยิงไปแล้วคนละ 5 ประตู โดยมี ตัง เจียลี่ มิดฟิลด์วัย26 ปี หนึ่งเดียวของทีมที่เล่นอยู่นอกประเทศ จากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในอังกฤษ เป็นตัวคุมจังหวะเกม

นัดนี้ ตัง เจียลี่ จะต้องดวลกับเพื่อนร่วมคลับไก่ นั่นก็คือโช โซ-ฮยุน มิดฟิลด์จอมเทคนิคของเกาหลีใต้ พร้อมกับ อี กวม-มิน จอมพลังจากไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

ที่น่าจับตาสุดๆ ก็คือ จี โซ ยุน จาก เชลซี ที่เป็น “ต้นแบบ”และเป็น “ไอดอล” ให้สาวแดนที่ไม่มีใคร “ดัง” ไปกว่า “อารี” เป็นจอมทัพบัญชาเกม

เกาหลีใต้ นับจากอดีตเป็นต้นมา ไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศแม้แต่ครั้งเดียว พวกเธอเป็นรองคู่ปรับร่วมสายเลือดอย่าง เกาหลีเหนือ ชัดเจน เพราะสาวจากแดงโสมแดง เคยได้แชมป์ไปถึง 3 สมัย

ส่วนโสมขาวเข้าตัดเชือกได้ 4 สมัย และหนนี้คือหนแรกที่ทะลุถึงรอบชิงฯ

ว่ากันตามเชิง เกาหลีใต้ มีบอลที่น่าสนใจมากๆ พวกเธอมีบอลจากแนวลึกที่ดีกว่า เพราะการออกบอลที่ได้เปรียบเสมอของอี ยอง-จู เซ็นเตอร์เชิงรุกซ้ายธรรมชาติจาก มาดริด ซีเอฟเอฟขณะที่กองกลางดางดังทั้ง 3 คน จากพรีเมียร์ลีกหญิง สามารถสร้างความแตกต่างได้ตลอดเวลานั่นเอง

เส้นทางสู่นัดชิงฯของ จีน : รอบแรก : ชนะ ไต้หวัน 4-0, ชนะ อิหร่าน 7-0, รอบ 8 ทีม : ชนะ เวียดนาม 3-1, รองรองฯ :เสมอ ญี่ปุ่น 2-2 (ยิงจุดโทษ ชนะ 4-3)

เส้นทางสู่นัดชิงของ เกาหลีใต้ : รอบแรก : ชนะ เวียดนาม 3-0, ชนะ เมียนมา 2-0, เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, รอบ 8 ทีม : ชนะ ออสเตรเลีย 1-0, รอบรองฯ : ชนะฟิลิปปินส์ 2-0

สกอร์ที่คาด : เกาหลีใต้ ชนะ 1-0