การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคมนี้ เพลย์ออฟ โซนยุโรป เตะ 4 คู่ จาก 3 สาย เพื่อหา 3 ทีมจากโซนนี้คว้าตั๋วลุยรอบสุดท้ายไปบอลโลกที่กาตาร์ ปลายปีนี้ ซึ่งปกติแล้วต้องเตะ 6 คู่ แต่ต้องพักคู่ สกอตแลนด์ กับ ยูเครน ไว้ก่อน ไปเตะกันในเดือนมิถุนายน ส่วน รัสเซีย ถูกตัดสิทธิ์ ทำให้ โปแลนด์ ได้เข้าไปรอชิงกลุ่มบี ทันที ซึ่งซูเปอร์สตาร์ตัวเอ้ของโลกอย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ อยู่ร่วมสายเดียวกับ อิตาลี แชมป์ยูโรทีมล่าสุด ต้องลุ้นถึงหยดสุดท้าย ซึ่งปรีวิวทุกคู่มีดังนี้

สายเอ เวลส์-ออสเตรีย : เวลา 02.45 น. “มังกรแดง” เวลส์ หนึ่งในทีมวางจบอันดับ 2 ของกลุ่มอี ในรอบคัดเลือกจะได้เล่นรังของตัวเอง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ ออสเตรีย ที่จบอันดับ 4 ของกลุ่มเอฟ แต่ได้สิทธิ์เพลย์ออฟ เพราะอันดับใน เนชั่นส์ ลีก โดยผู้ชนะจะไปเจอกับ สกอตแลนด์ หรือยูเครน ที่ขยับโปรแกรมไปเตะเดือนมิถุนายนนี้

เจ้าถิ่นคุมทัพโดย ร็อบ เพจ ไม่มี โจ มอร์เรลล์ ตัวรับ ที่ติดโทษแบน แม้จะมีชื่อติดทีมเข้ามา ส่วน แกเร็ธ เบล ที่แทบจะไม่ได้ลงเล่นให้กับ เรอัล มาดริด รอทดสอบความฟิต แต่เชื่อว่ายังไงก็ต้องเข็นลง มาในระบบ 4-4-2 นีโก้ วีลเลี่ยมส์ จะถูกโยกไปยืนแบ๊กซ้าย ให้ เบน เดวีส์ ขยับเล่นเซ็นเตอร์ ที่เหลือ นำโดย แบรนแนน จอห์นสัน, แอรอน แรมซีย์, โจ อัลเลน, แฮร์รี่ วิลสัน และแดเนี่ยล เจมส์

ฝั่งผู้มาเยือนยังคุมทีมโดย ฟรานโก้ โฟด้า ชุดนี้เรียกแข้งตัวหลักจากศึกยูโร 2020 แทบจะยกชุด ส่วนใหญ่เป็นตัวที่รู้มือกันอยู่แล้ว ตามรายงานไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบนจัดทัพในระบบ 4-2-3-1 มาร์ติน ฮินเตอร์เร็คเกอร์ คุมแนวรับร่วมกับ อเล็กซานดาร์ ดราโก้วิช ทำให้ ดาวิด อลาบา จะไปยืนแบ๊กซ้ายตามถนัด ส่วนแดนกลางวางตัวที่เล่นในบุนเดสลีกา อย่าง คอนราด ไลเมอร์ และโฟลเรียน กริลลิทส์ช เกมรุกฝากความหวังไว้ ลูอิส เชาบ์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คริสตอฟ บอมบ์การ์ดเนอร์ และมาร์โก อาร์เนาโตวิช

สกอร์ที่คาด : เวลส์ 1-1 ออสเตรีย

สายบี สวีเดน-สาธารณรัฐเช็ก เวลา 02.45 น. “ไวกิ้ง” สวีเดน ที่จบอันดับ 2 ของกลุ่มบี ทำให้เป็นทีมวางจะได้เล่นในบ้านของตัวเอง เฟรนด์ อารีน่า ดวลกับ สาธารณรัฐเช็ก ที่จบอันดับ 3 ของกลุ่ม อี แต่มาด้วยโควตา 2 ทีมที่ดีที่สุดใน เนชั่นส์ ลีก แบบเดียวกับ ออสเตรีย ผู้ชนะจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ โปแลนด์ ที่ได้บาย เนื่องจากรัสเซียโดนแบน เพราะการก่อสงครามรุกรานยูเครน

เจ้าบ้าน สวีเดน ยังใช้บริการกุนซือจากศึกยูโร 2020 อย่าง แยน โอลาฟ แอนเดอร์สัน คุมทัพเหมือนเดิม แต่ไม่มี ซลาตัน
อิบราฮิโมวิช และเอมิล คร้าฟธ์ สองแกนหลักที่ติดโทษยึดระบบ 4-4-2 วิคตอร์ ลินเดเลิฟ จากแมนฯยูไนเต็ดสวมปลอกแขนกัปตันทีมคุมแนวรับ แดนกลางใช้ อัลบิน เอ็คดาล และคริสโตฟเฟอร์ โอลส์สัน เกมรุกริมเส้นสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ เดยัน คูลูเชฟสกี้ และเอมิล ฟอร์สเบิร์ก ที่จะคอยสร้างสรรค์เกมป้อนบอลให้กับคู่หัวหอก อเล็กซานเดอร์ อีซัค และโรบิน ไควซอน

ฟากผู้มาเยือน สาธารณรัฐเช็ก ทีมฟอร์มดีจากยูโร 2020 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรคุมทัพโดย ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี่
น่าเสียดายที่ทีมชุดนี้ไม่มี พาทริค ชีค หัวหอกจาก เลเวอร์คูเซ่น ที่กำลังท็อปฟอร์มยิงในบุนเดสลีกา ไป 20 ประตู เพราะมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ พาเวล คาเดราเบ็ค และวลาดิเมียร์ ดาริด้า สองแข้งประสบการณ์สูงประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว ที่ต้องเช็คความฟิตคือ วลาดิเมียร์ คูฟาล และมาเตจ์ วีดร้า ถือว่าส่งผลพอสมควร ใช้แผน 4-2-3-1 มิชาล ซาดิเล็ค จะลงมาคุมแดนกลางร่วมกับ โทมัส ซูเซ็ค แนวรุกใช้ ลูคัส มาโซปุสต์ ประสานงานกับอันโตนิน บารัค, ยาคุย เปเซ็ค และมิชาเอล เคอร์เมนชิค

สกอร์ที่คาด : สวีเดน 2-1 สาธารณรัฐเช็ก

สายซี โปรตุเกส-ตุรกี เวลา 02.45 น. : “ฝอยทอง” โปรตุเกส มาในฐานะทีมวางด้วยการจบอันดับ 2 ของกลุ่มเอ ในรอบคัดเลือก เปิดรังเอสตาดิโอ โด ดราเกา ที่ปอร์โต้ รับการมาเยือนของ “ไก่งวง” ตุรกี ทีมอันดับ 2 ของกลุ่มจี ผู้ชนะเข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศรอดวลกับ อิตาลี หรือนอร์ท มาซิโดเนีย

“ฝอยทอง” ยุคของ เฟอร์นานโด ซานโต๊ส กุนซือคู่บุญ ที่พาทีมคว้าแชมป์ยูโรเมื่อปี 2016 แต่ชุดนี้ไม่มี รูเบน เนเวส ห้องเครื่องจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่เจ็บต้องถอนตัวออกไป เช่นเดียวกับ แซร์จิโอ้ โอลิเวยรา, รูเบน ดิอาส และชูเอา มาริโอ ส่วน เปเป้ แนวรับตัวเก๋าติดโควิด-19 ต้องเรียก ติอาโก้ ยาโล่ ดาวรุ่งจากลีลล์เข้ามาติดทีมแทน นอกนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-2-3-1 ดานิโล่ เปเรยร่า คุมแดนกลางร่วมกับชูเอา มูตินโญ่ และบรูโน่ เฟอร์นานเดส โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และดีโอโก้ โชต้า เป็นสามประสานในเกมรุก

ทางฝั่ง “ไก่งวง” ตุรกี มีการเปลี่ยนแปลงหลังจบรอบคัดเลือกตั้ง “ไอ้ตำรวจ” สเตฟาน คุนซ์ เข้ามาคุมทีมแทนที่ของจอมเก๋าอย่าง เซนอล กูเนส ถือเป็นการประเดิมคุมทัพเกมแรกของอดีตหัวหอกทีมชาติเยอรมนี ชุดแชมป์ยูโร 1996 แต่ไม่มี
โอซาน ตูฟาน, และเซนกิซ อุนแดร์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน เชงค์ โตซุน ติดโควิด-19 เน้นผู้เล่นที่ทำผลงานดีเข้ามาติดทีม มาสู้ด้วยระบบ 4-2-3-1 นำทัพโดย ออร์คุน โคคฌู, เบรัต ออซเดเมียร์,อับดุลคาเดียร์ โอมูร์, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, คาเร็ม อัคเตอร์โคกลู และ บูรัค ยิลมาซ

สกอร์ที่คาด : โปรตุเกส 3-2 ตุรกี

สาย ซี อิตาลี-นอร์ท มาซิโดเนีย : เวลา 02.45 น. “อัซซูรี่” อิตาลี เจ้าของแชมป์ยูโร 2020 ดันมาตกม้าตายพลาดท่าในช่วงโค้งสุดท้ายทำให้จบอันดับ 2 ของกลุ่มซี โดน สวิตเซอร์แลนด์แซงแบบหน้าตาเฉย เกมนี้ได้เล่นใน เรนโซ่ บาร์เบร่า เมืองปาแลร์โม่ดวลกับ นอร์ท มาซิโดเนีย อันดับ 2 จากกลุ่มเจ

โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือิตาลี ไม่มี โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ และเฟเดริโก้ เคียซ่า สองแกนหลักจากชุดแชมป์ยูโรหนล่าสุดที่มีอาการบาดเจ็บ แข้งหน้าใหม่ที่ถูกเรียกติดทีมเข้ามามี 3 ราย คือ เฟลิเป้ และมัตเตีย ซัคกานี่ กองหลังและแนวรุกลาซิโอ้ อีกรายคือ ชูเอา เปโดร ดาวยิงจากกายารี่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ใช้งาน ที่ต้องรอทดสอบความฟิตคือ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ยึดระบบการเล่น 4-3-3 นิโกโล่ บาเรลล่า คุมแดนกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ และมาร์โก แวร์รัตติ แนวรุกใช้ โดมินิโก้ เบราร์ดี้ ประสานงานกับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่

ฝั่งทีมเยือน นอร์ท มาซิโดเนีย ทีมจอมเซอร์ไพรส์ที่ช่วงหลังเริ่มเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงกุนซือหลังจบศึกยูโร 2020 อิกอร์ อังเกลอฟสกี้ ลงจากตำแหน่งดัน บลาโกย่า มิเลฟสกี้ จากชุดยู-21 ขึ้นมาคุมทีมแทน ผลงานดี 7 เกม ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 1 แต่น่าเสียดายที่เกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้บริการ เอลยิฟเอลมาส แนวรุกคนสำคัญจาก นาโปลี ที่ติดโทษแบน รวมไปถึงธีโฮเมียร์ คอสตาดินอฟ ด้วยที่โดนแบนในเคสเดียวกัน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรมาสู้ในระบบ 4-3-3

สกอร์ที่คาด : อิตาลี 2-0 นอร์ท มาซิโดเนีย