1.ฟุตบอลรายการ “คอมมิวนิตี้ ชิลด์” ถือกำเนิดครั้งแรกในชื่อเชอริฟฟ์ ออฟ ลอนดอน แชริตี้ ชิลด์ หรือ The Sheriff of London Charity Shield เกมแรกเกิดขึ้นเมื่อ 19 มีนาคม 1898 ระหว่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กับ คอรินเธียนส์ ผลคือเสมอกัน 0-0
เตะใหม่ก็ยังเสมอกันอีก 1-1 ทำให้ได้แชมป์ร่วม และจัดต่อเนื่องถึงปี 1907 กระทั่งสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอเข้ามารับไอเดียไปจัดต่อ
2.ผู้คิดค้นรายการนี้คือ “เศรษฐีเครื่องดื่ม” เซอร์โธมัส เดวาร์ ชาวสกอตแลนด์ ซึ่ง เซอร์โธมัส เดวาร์ กับ จอห์น เดวาร์ พี่ชายของเขาเป็นเจ้าของสุรายี่ห้อ “เดวาร์” ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยสืบทอดกิจการต่อจากพ่อ
3.“บอลการกุศล” ที่ เซอร์โธมัส จัดขึ้นมานี้นำทีมอาชีพ เตะกับทีมสมัครเล่น เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลผู้ยากไร้ และมูลนิธิต่างๆ
4.รายการ The Sheriff of LondonCharity Shield ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกทีในปี 1931 ใช้ชื่อว่า Fundraising matches โดยจัดขึ้นอีกรวม 7 แมทช์ สลับทีมมาเตะคือ อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และวัตฟอร์ด แต่ทีมที่ได้เล่นตลอดคือ คอรินเธียนส์ ครั้งสุดท้ายจัดขึ้นปี 1983 วัตฟอร์ด ชนะ คอรินเธียนส์ 6-1
5.ถ้วยรางวัล The Sheriff of London Charity Shield มีความสูงถึง 6 ฟุต สูงสุดของโทรฟี่ฟุตบอลในยุคนั้นเลยทีเดียว ปัจจุบันยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สโมสรวัตฟอร์ด
6.ปี 1908 มีการยกระดับรายการนี้ ด้วยการนำแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 มาเจอแชมป์ลีกทางตอนใต้(The Champions of The Football League and the Southern Football League) เล่นที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ และใช้ชื่อว่า “แชริตี้ ชิลด์”
7.แมทช์แรกของ”แชร์ริตี้ ชิลด์” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 กับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส แชมป์ลีกทางตอนใต้ ผลเสมอ 1-1 ทำให้มาเตะกันใหม่ ปรากฏว่า แมนยูฯ ชนะ 4-0 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่รายการมีเตะรีเพลย์ เหตุการณ์นั้นคือ ปี 1908
8.ปี 1910 บันทึกไว้ว่า ไบรท์ตัน ที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 ทำให้ “นกนางนวล” เป็นทีมเดียวจาก “แชมป์ลีกตอนใต้”ที่ครองแชมป์รายการนี้
9.ปี 1913 แชริตี้ ชิลด์ ปรับโฉมด้วยการแข่งขันกันระหว่าง ทีมรวมดารานักเตะอาชีพ กับ ทีมรวมดารานักเตะสมัครเล่น ซึ่งทีมอาชีพ ชนะ 7-2 เล่นที่สนามเดอะ เดน ของมิลล์วอลล์
10.ปี 1921 เป็นครั้งแรกที่นำทีมแชมป์ลีก เจอกับแชมป์เอฟเอ คัพ ปรากฏว่า สเปอร์ส ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในการเตะที่ไวท์ ฮาร์ท เลน
11.ปี 1949 เป็นครั้งแรกที่มี “แชมป์ร่วม” เกิดขึ้น เมื่อ พอร์ทสมัธเสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 เตะที่ไฮบิวรี่พร้อมกับจัดกรอบกติกา หากเสมอกันจะให้ครองแชมป์ร่วมกัน เป็นกฎกติกาตั้งแต่ปี 1949 มาจนถึงปี 1993 จากนั้นหากเสมอกันให้ดวลจุดโทษตัดสิน
12.ปี 1950 มีการนำทีมชุดฟุตบอลโลกของอังกฤษ ลงเตะกับทีมพิเศษชื่อว่า “เอฟเอ แคนาเดี้ยน ทัวริ่ง” ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ปรากฏแข้งสิงโต ยิงขาด 4-2
13.ปี 1961 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นทีมแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ ทำให้ต้องมาเตะด้วย ก็คือ ทีมรวมดาราสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ
14.ปี 1971 อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ 2 ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ แต่ลงเตะไม่ได้เพราะติดนัดอุ่นเครื่อง!!!! ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ดิวิชั่น 2 ส้มหล่นได้สิทธิ์ลงเล่นในถิ่นตัวเองคือ ฟิลเบิร์ต สตรีท และชนะ ลิเวอร์พูล รองแชมป์ เอฟเอ คัพ 1-0 ส่งผลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ จึงเป็นทีมเดียวที่ได้แชมป์รายการนี้ โดยที่ไม่ได้ผ่านการเป็นแชมป์ลีกดิวิชั่น 1, แชมป์ลีกทางตอนใต้ และแชมป์เอฟเอ คัพ
15.ปี 1972 “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แชมป์ลีก กับ“ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์ เอฟเอ คัพ ไม่ยอมร่วมแข่งขัน ทำให้ “สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า แชมป์ดิวิชั่น 3 ได้เตะกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้อันดับ 4 ของลีกสูงสุด ที่บ้านของ วิลล่า ก่อนที่ แมนฯซิตี้ จะชนะ 1-0
16.ปี 1974 คือครั้งแรกที่รายการนี้เตะสนาม เวมบลีย์เอ็ม ไพร์พูล สเตเดี้ยม ซึ่งการนำรายการนี้มาแข่งขันที่เวมบลีย์ ในยุคแห่งหอคอยคู่ มาจากแนวคิดของ เท็ด โครเกอร์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ในยุคนั้น ซึ่งการประเดิมแข่งเวมบลีย์หนแรก ก็งามหน้าทันที เมื่อ เควิน คีแกน กองหน้า ลิเวอร์พูล มีเรื่องกับ บิลลี่ เบรมเนอร์ ห้องเครื่องของ ลีดส์ ทั้งคู่จึงโดนปรับ 500 ปอนด์ แถม คีแกน โดนแบน 3 นัด ส่วนเบรมเนอร์ โดนไป 8 เกม
17.เกมนี้จัดยาวที่เวมบลีย์ จนระหว่างปี 2001–2006 ที่ต้องไปแข่งใน มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม กรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์เพราะเวมบลีย์ปิดปรับปรุง
18.หนแรกและหนสุดท้ายที่มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ปรากฏว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ทั้งหมด ปี 2001 ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 และปี 2006 ชนะ เชลซี 2-1
19.เกมกลับมาจัดที่ “นิว เวมบลีย์” ในปี 2007 เป็นต้นมา แต่ในปี 2012 ต้องไปเล่นกันที่วิลล่า พาร์ค เนื่องจากตรงกับวันพิธีปิดสนามโอลิมปิกเกมส์พอดิบพอดี แม้ว่าจะคนละสนาม เพราะพิธีปิดใช้ โอลิมปิก สเตเดี้ยม แต่เป็นเพราะอยู่ที่กรุงลอนดอน เหมือนกันนั่นเอง ทำให้ต้องแยกกลุ่มมวลชนออกมาที่มิดแลนด์
20.เลสเตอร์ ได้จัดแมทช์ปีนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากนิว เวมบลีย์ติดจัดนัดชิงบอลหญิง ยูโร 2022 และเป็นสนามบอลสโมสรลำดับที่ 11ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดดวลแข้ง
21.มีทั้งหมด 25 สโมสรที่ครองโล่ชิมลางนี้ โดยที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ครองโล่มากที่สุด 21 สมัย(แชมป์เดี่ยว 17/แชมป์ร่วม 4), อาร์เซนอล 16(15/1) และลิเวอร์พูล 15(10/5)
22.ครั้งเดียวที่คู่แข่งขันทั้ง 2 ทีม ไม่เกี่ยวกับระดับสโมสรเลย นั่นก็คือ ในปี 1950 เตะที่เดอะ บริดจ์ ของเชลซี ระหว่าง ทีมฟุตบอลโลก 1950 ของอังกฤษ(England World Cup XI) พบกับ ทีมสมาคมฟุตบอล ชุดเตะทัวร์แคนาดา (F.A. Canadian Touring Team)
ทีมชาติมีตัวเจ๋งๆ อย่าง บิลลี่ ไรท์, อัล์ฟ แรมซี่ย์, ทอมฟินนี่ย์ และสแตน มอร์เตนเซ่น เป็นหลักก่อนชนะ ทีมทัวร์เที่ยวแคนาเดี้ยน 4-2 ที่มี เซอร์สแตนลี่ย์ แมทธิว กับ แนต ลอฟเฮาส์เป็นตัวหลัก
เมื่อก่อนทำอะไรได้ตามใจจริงๆ!!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี