ภาพที่ปรากฏหลังเกม อาร์เซนอล บดเอาชนะ ลิเวอร์พูล สุดมันส์ 3-2 กลับไปนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกคำรบน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะการที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่าง แยน อาร์เก้ ฟอร์ทอฟฟ์ อดีตนักบอลทีมชาตินอร์เวย์ ทีสนิทกับ คล็อปป์
ด้วยภาษากาย และแววตาที่กังวลถึงขีดสุด
กับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น กับการตัดสิน แต่ฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้แย่ถึงขั้นว่า รับกันไม่ได้
เพียงแต่การพลาดง่ายคือจุดที่มันตอกย้ำซ้ำรอยเก่า
การพลิกแผนมาขยับขึ้นแดนบน เปิดสู้ของ มิเกล อาร์เตต้า ทำให้ทีมได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สปีดในการเล่นไม่มีตก นักบอลฟิต เข้าถึงปรัชญาโค้ช ทำให้สยบอีกหนึ่งต้นแบบ “พิมพ์เขียว” แนวเพรสบนได้สำเร็จ
ขณะที่ ลิเวอร์พูล แก้ไม่ตกเรื่องการเสียประตูก่อน และครั้งนี้เสียประตูเร็ว บวกกับเสียประตูง่ายๆ โดยเฉพาะเม็ดที่ 2 ทั้งที่เกมนี้ยืนหลังกันค่อนข้างต่ำ ไลน์โฟร์ยืน ต่ำสุดค่าเฉลี่ยรอบเกือบสองฤดูกาล แต่มาเสียประตูจากจังหวะเล่นเกมรุก 2 ลูก
ไม่มีแมทช์ไหนในซีซั่นนี้ที่ อาร์เซนอล ตกเป็นรองคู่แข่งในเวลานานๆ แบบในครึ่งแรก กับแท็กติกเป็นรอง พอได้ประตูนำแล้วลงไปรับลึกเกินไป แต่เป็นอีกครั้งที่ทีมที่ใช้”สถานการณ์ระหว่างเกม” มาปรับเป็นความได้เปรียบได้อีกครั้ง
ลูกเม็ดสองที่ปืนได้ ถือว่า เทรนท์อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ พลาดเต็มจริงๆ เมื่อตัดสินใจออกไปจั่วด้านนอก แต่ กาเบรียลมาร์ติเนลลี่ พลิกเข้าในหนีสองคนทั้งเทรนท์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน จนเสียประตูที่ 2
การเสียประตูแบบฟาสต์เบรกเกิดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เกมฟาสต์เบรก จะต้องตั้งคำถาม เมื่อ หลุยส์ ดิอาส บาดเจ็บ
ช่วงเวลาที่ทีมกำลังเล่นได้เข้ากัน ต้องมีนักเตะเจ็บอีก แล้วสปีดในเกมหายไป
งานใหญ่จริงๆ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสียหายกว่าความพ่ายแพ้ เพราะแทบจะห่อ ดิอาส ออกมาจากแอชเบอร์ตัน โกรฟ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การพาบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย เข้าในกรอบเขตโทษของ อาร์เซนอล ทำได้ดีต่อเนื่องในทุกๆ เกมกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เล่นดีจนไม่แปลกใจที่ คล็อปป์ ชมแล้วชมอีก และยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา
ขณะที่ วิลเลียม ซาลิบา แกร่งเกินวัยเป็นหัวใจสำคัญ อีกคนคือ กรานิต ชาก้าผึ้งงานตัวจริง และเก็บอารมณ์ได้แบบเหลือเชื่อเหมือนเป็นคนละคนกับที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญก็คือ ลูกโทษที่ควรได้แต่ไม่ได้ แล้วมาเสียจุดโทษ และเสียประตู การโดนนำครั้งที่ 3 ในเกมกับทีมแกร่งอย่างอาร์เซนอล แน่นอนว่า ยากถึงยากมากๆ และอาร์เซนอล ก็รู้จักมีบทเรียน พวกเขาใช้พลังในการเล่นปิดเกม กลับไปนำฝูงอีกครั้ง ส่วน หงส์ แพ้นัดที่ 2 ของซีซั่น พร้อมกับออกสตาร์ทแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี นั่นคือยุคที่ เบรแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาทำเป็นปีแรก!!!!
มีการพยายามอธิบายว่า จังหวะที่ ดีโอโก้ โชต้า เตะไปโดนมือของ กาเบรียล มากัลเญซ ที่ไม่ได้จุดโทษเพราะเป็นจังหวะที่ใกล้ตัวมาก และเหมือนกับไม่มีเจตนา แต่ เดอร์ม็อตต์ กัลลาเกอร์ อดีตผู้ตัดสินคนดังก็ตอบไม่ได้ และให้ไปถาม ไมเคิล โอลิเวอร์
ขณะเดียวกัน จังหวะที่ ธิอาโก้ ไปเตะเท้าของ กาเบรียล เฮซุส แล้วกลายเป็นจุดโทษนำสู่ประตูชัยของ อาร์เซนอล แม้กระทั่ง เอียน ไรท์ ตำนานปืนเองก็ยอมรับว่า
มันเป็น ซอฟท์ แพนอลตี้ เหมือนกับที่ คล็อปป์ กล่าวไว้เช่นกัน
นั่นคือส่วนสำคัญและสอดไส้อยู่ในเกม สถานการณ์ไม่เป็นใจ การตัดสินที่ค้านสายตา เกิดขึ้นได้เสมอในเกมฟุตบอล และทุกทีมต่างเคยได้เคยเสียกับประโยชน์จากกรรมการ
VAR ช่วยอะไรได้ขนาดไหน ไม่รู้เหมือนกัน แต่ ผู้ตัดสินก็ต้องยกระดับตัวเอง เนื่องจากในบอลระดับยูโร หรือฟุตบอลโลก กรรมการจากพรีเมียร์ลีก กำลังสูญพันธุ์
น่าติดตามคือ พอหลังจบเกมมีแอ๊กชั่นจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ แต่ไม่ใช่เรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่ที่เพิ่งเล็งก็คือ ผู้เล่นจากทั้งสองฝ่ายปะทะกันในช่วงท้ายเกม จนเป็นเหตุให้ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ต้องเบรกเกมการแข่งขันและวิ่งไปคุยกับผู้จัดการทีมทั้ง มิเกล อาร์เตต้าและ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทัชไลน์
เรื่องนี้ เอฟเอ จะพูดคุยกับโอลิเวอร์และทีมเจ้าหน้าที่ของเขาก่อนตัดสินใจว่าควรดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่
สำหรับ คล็อปป์ และลิเวอร์พูล ยังมีประเด็นที่ต้องพิสูจน์ หลังจากที่วิธีทำเพื่อให้ผลการแข่งขันเข้าสูตรในลีกมันหายไป
เสียประตูง่ายๆ และเหมือนกับไร้สมาธิ การดวลตัวต่อตัวทำอะไรใครไม่ได้เลย และการเปลี่ยนตัวแปลกๆ ของ คล็อปป์ อีกครั้ง
โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่เหมือนกับ “ละเลง” จนหลายมองว่า มันยังไงกันแน่กับการให้ เฮนเดอร์สัน ออกมาเล่นด้านกว้างเหมือนปีกขวา และให้ ฮาร์วี่ย์เอลเลียตต์ ไปยืนซ้าย แม้จะเป็นฝั่งเท้าถนัด แต่เขาเกิดและโตจากบอลคัทอินไซด์
หากจะมองหามุมบวก กล่าวคือพวกเขาใช้ประสบการณ์ที่มีเติบโตในเกม และเริ่มใช้ ดาร์วิน นูเญซ ได้ดีขึ้น โดยใช้ให้เล่นอยู่ด้านหลังแนวรับของอาร์เซนอล จากนั้นก็วิ่งตามช่องทางต่างๆ และเอาชนะกองหลังตัวกลางด้วยความเร็ว
แต่ด้วยคุณภาพบางอย่าง มันเกิดการขัดแย้งกับวิธีวิ่งของ นูเญซ นั่นคือการออกบอลที่ช้าเกินไปจากแดนกลาง หรือพูดกันง่ายๆ ว่า แต่งตัวนานนั่นแหล่ะ
บอลบดคืออีกหนึ่งข้อสำคัญ นั่นมาจากระดับความฟิต และคุณสมบัติด้านกายภาพ
เมื่อบอลยุคปัจจุบันที่แทบจะหายใจทางผิวหนัง มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาร์เซนอล ทำได้และควรอยู่ตรงไหนในตอนนี้ พวกเขาเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกด้วยเหตุผลบางอย่าง
แน่นอนที่สุด ภาพรวม อาร์เซนอล สมควรคว้าชัย ไม่มีใครติดใจ
เพียงแต่หลายคนติดใจที่ Not a penalty vs penalty given นั่นเอง
ที่สำคัญก็คือ อาจจะถึงเวลาที่ คล็อปป์ อาจจะต้องลืมคำว่า เคียงบ่าเคียงไหล่เข้าถึงเรื่องนี้ว่า ไม่อยากเสียน้ำใจ
แต่อาชีพนี้คุณต้องตัดใจให้ได้
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี