การเข้ารอบครั้งนี้ของ ลิเวอร์พูล รับเงินรางวัลการันตี 12.4 ล้านยูโร สำหรับการผ่านเข้ารอบจากกลุ่ม

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวว่า การผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ควร “ถูกมองข้าม”หลังจากที่ทีมของเขาผนึกกำลังครั้งสำคัญในการผ่านเข้ารอบนี้ได้

ลิเวอร์พูล ตีตั๋วจากรอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ในทั้ง 6 ปีติดต่อกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดของพวกเขาในการแข่งขันรายการนี้

คล็อปป์ ระบุว่า ประตูแรกสำคัญมาก, ภาพรวมของเฮนโด้นั้นยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ต่อด้วย ประตูที่สองเป็นลูกครอสที่ยอดเยี่ยม และสถานการณ์ทั้งหมดที่ดาร์วิน นูเญซ รับมือได้แทบทุกคน จากนั้นฮาร์วีย์ก็ปิดเกมที่ยอดเยี่ยมของเขาด้วยการจบสกอร์อันน่าทึ่ง

เล่นไม่ค่อยดี แต่ปิดเกมได้น่าสนใจมากๆ

ลิเวอร์พูล ทิ้งความปั่นป่วนจากการเตะบอลลีก ไว้ข้างหลัง และชนะได้สำเร็จ ทั้งกรณีของ จอร์แดน เฮนเดอร์สันกัปตันทีมที่พ้นมลทิน เรื่องการเหยียดผิวแล้ว และการใส่เสื้อเขียวลงสนามครั้งแรกของปีนี้ แทนที่สีเยือนขาวที่แพ้เรียบทั้ง3 เกมหลักที่ใส่เล่น

ทีมของคล็อปป์โชคดีที่ไม่ต้องตามหลัง หลังจากโดนซัดไปชนเสาตั้งแต่ต้นเกม และถูกบุกแบบสุ่มเสี่ยง ก่อนที่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยิงเข้ากรอบครั้งแรกและเป็นประตู

สตีเว่น เบิร์กเฮาส์ ซัดไปชนเสา และจากการเตะสกัดโคตรมั่วของ โจ โกเมซเกือบเสร็จให้กับ ดูซาน ทาดิช แต่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาบล็อกได้อย่างหวุดหวิด และทำให้ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูนำ

ซาล่าห์ กดประตูบอลยุโรป 4 นัด กลายเป็น อีกครั้งที่เค้าทำสถิตินี้ได้หลังจากที่ตัวเค้านี่แหละเป็นเจ้าของสถิติให้กับสโมสรไม่แปลกใจที่แฟนบอลจะบอกว่า
นี่คือหนึ่งในผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย เขายังคงรักษาสถานะของเขาในฐานะตำนานสโมสรทุกสัปดาห์

ด้วยประตูและแอสซิสต์เมื่อคืนนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำไปแล้ว 51 ลูกจาก 39 ประตู กับ 12 แอสซิสต์กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 3 จากทีมอังกฤษ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการพังสกอร์ เกินครึ่งร้อยในบอลยุโรป นับเฉพาะถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

อันดับ 1 ไรอัน กิ๊กส์ 69 ประตู และ อันดับ 2 เธียร์รี่ อองรี 52 ประตู

ดาร์วิน นูเญซ ซึ่งกลับมาอยู่ในรายชื่อตัวจริงหลังจากได้รับบาดเจ็บ น่าจะทำประตูให้ทีมขึ้นนำเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก ด้วยการได้แปแบบจะๆ แต่ชนเสาก็มาแก้ตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยการโหม่งลูกโหม่งอย่างแม่นยำจากลูกเตะมุมของแอนดี้ โรเบิร์ตสัน

ลงเล่นไปแล้ว 7 เกม และทำประตูได้ 6 ประตูด้วย 1 แอสซิสต์

ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 ซัดประตูปิดท้ายให้ทีมได้ ด้วยวัย 19 ปี 205 วัน กลายเป็นวัยรุ่นคนแรกที่ทำประตูในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกติดต่อกันให้ลิเวอร์พูล

การจบสกอร์อย่างเด็ดขาดของลิเวอร์พูลทำให้ทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกัน

“การผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ ผมคิดว่าไม่มีใครควรจะมองข้ามมันไป มันยากจริงๆ” คล็อปป์กล่าว “เราทำมันอีกครั้ง ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในตัวเอง”

การเริ่มต้นฤดูกาลที่ไม่สอดคล้องกันของลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนจากฟอร์มการเล่นที่ไม่ปะติดปะต่อกันในเกมที่พ่ายต่อน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

สร้างความผิดหวังให้กับกองเชียร์ และทำให้บางคนสงสัยเกี่ยวกับทิศทางของทีมคล็อปป์

แต่ประสบการณ์มากมายในการแข่งขันระดับสโมสรชั้นนำของยุโรป ซึ่งทีมของ คล็อปป์ เป็นรองแชมป์ปี 2018, ได้แชมป์ในปี 2019 และเป็นรองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

พวกเขามีวิธีเล่นที่อาจจะไม่โดดเด่นแต่เป็นวิธีที่ดีมากๆ

ชัยชนะทั้งในบ้านและนอกบ้านเหนือเรนเจอร์สและอาแจ็กซ์ได้ผลักดันให้หงส์แดงเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม วิธีการเล่นยังห่างไกลสิ่งที่ดีที่สุดของทีม แต่คุณภาพผู้เล่นยังคงยอดเยี่ยม และชัดเจนกว่า

“ผมไม่คิดถึงเรื่องของการยกระดับทีม เราไม่ต้องพูดถึงมันอยู่ตลอดเวลาแต่มันชัดเจนมากในนัดนี้ มันมีประโยชน์จริงๆ สำหรับสโมสร มันสำคัญสำหรับทุกคน และแน่นอนว่าทำให้เราได้ยกระดับ คืนนี้พวกเรารู้สึกดีมากในการเข้ารอบต่อไป”

“มีปัญหามากมายให้เราได้แก้ไข มันมีปัญหาเกิดขึ้นมาก มากจนเหลือเชื่อ แต่เราไม่ได้ตกใจกับสถานการณ์ ผมเชื่อว่า เราจะต้องแก้ปัญหาให้มันผ่านไปในซีซั่นนี้ หลายอย่างที่เราต้องเด็ดเดี่ยว”

“เราตัดสินใจมากขึ้นสำหรับแผนการเล่นแบบไดมอนด์ ในแดนมิดฟิลด์จากในวิธีที่คุณได้เห็นก็คือ 4-3-3เราปรับมาเป็น 4-4-2 แต่เกมนี้ผมอยากให้ ดาร์วิน ไม่ต้องออกริมเส้นมากเกินไปจึงมาเล่น 4-3-1-2 ซึ่งความแตกต่างไม่ได้มากมายนักในการครองบอล แต่เราไม่มีปีกที่ชัดเจน ดังนั้น คุณต้องกล้าหาญจริงๆ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวบัญชาเกม และตำแหน่งฟูลแบ็ค”

ตรงกันข้ามกับ ลิเวอร์พูล สำหรับ บาร์เซโลน่า ที่พลาดเงินก้อนโต และทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากด้านการเงินอีกคำรบแล้ว หลังจากร่วงไปเล่นยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

“เจ้าบุญทุ่ม” เปิดสนามสปอติฟาย คัมป์ นู แพ้ให้กับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ไป 0-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดที่ 5 ทำให้ บาร์ซ่า จบอันดับ 3 ของกลุ่ม ดังนั้นการตกรอบในครั้งนี้ทำให้ บาร์ซ่า ชวดเงินกว่า 20.2 ล้านยูโรเลยทีเดียว

พวกเขากล้าๆ ใช้เงินมากกว่า132 ล้านปอนด์ ในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีม หลังจากใช้เงินแห่งอนาคตหรือ คันโยกทางเศรษฐกิจไปถึง 4 ครั้งเพื่อช่วยพยุงสถานะทางการเงินของสโมสรเอาไว้ แต่สุดท้ายก็พังไปไม่ได้ตามเป้า

น่าสนใจตรงที่ ลา ลีกา ศักยภาพลดไปมากมาย แม้กระทั่งจอมเหนียวอย่าง แอตเลติโก มาดริด ก็กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มนี้เช่นกัน

สรุป 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์

O กลุ่ม เอ: นาโปลี และลิเวอร์พูล

O กลุ่ม บี: คลับ บรูช และเอฟซี ปอร์โต้

O กลุ่ม ซี: บาเยิร์น มิวนิค และอินเตอร์ มิลาน

O กลุ่ม ดี: ลุ้นกันเกมสุดท้ายทั้ง 4 ทีม

O กลุ่ม อี: เชลซี และ....

O กลุ่ม เอฟ: เรอัล มาดริด และ....

O กลุ่ม จี: แมนฯซิตี้ และดอร์ทมุนด์

O กลุ่ม เอช: เปแอสเช และเบนฟิก้า

บี แหลมสิงห์