ในปัจจุบันเมนูอาหารดิบที่มีรสชาติจัดจ้าน เป็นที่นิยมและหารับประทานได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นส้มตำกุ้งสด ซอยจุ๊ ปูดอง ไข่ดอง หรือแม้แต่ปลาน้ำจืดดิบที่มีความเสี่ยงต่อพยาธิสูง ก็ยังมีผู้ไม่รู้เท่าทันอันตรายนำมาประกอบอาหารเมนูดิบรับประทานกันอยู่เนืองๆ ในวันนี้เราจึงนำข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่ในอาหารดิบมาฝาก เพื่อระมัดระวังและป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของเราค่ะ
ปลาน้ำจืดดิบ จะมีพยาธิใบไม้ตับ โดยตัวอ่อนระยะติดต่อ (Metacercariae) จะอาศัยอยู่ในเนื้อปลาน้ำจืดพื้นบ้าน เช่น ปลาตะเพียน ปลาแม่สะแด้ง ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาแก้มช้ำปลาขาวนา ปลาขาว ปลากะสูบ เมื่อคนหรือสัตว์กินปลาดิบหรือสุกๆ ดิบ (อาหารพื้นบ้านของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ เช่น ปลาร้า ลาบ ก้อย) พยาธิตัวอ่อนในปลาจะเข้าสู่ร่างกาย โดยจะเข้าสู่ลำไส้เล็ก (ซึ่งมีรูเปิดของท่อน้ำดีจากตับเปิดเข้าลำไส้เล็ก) เข้าสู่ตับผ่านทางรูเปิดของท่อน้ำดี และเข้าไปเจริญเติบโตในท่อน้ำดีในตับต่อไป
โรคพยาธิใบไม้ตับในระยะเริ่ม เป็นหรือระยะที่ตับยังไม่เสียหายมาก สามารถรักษาหายได้ แต่เมื่อตับเสียหายมากแล้ว มักเป็นโรคที่รุนแรง ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถทำงานใช้ชีวิตได้ตามปกติ และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคมะเร็งตับชนิดที่เกิดกับท่อน้ำดีในตับ (Cholangiocarcinoma/มะเร็งท่อน้ำดีตับ) ซึ่งเป็นโรคมะเร็งชนิดรุนแรง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้สูง
หมูดิบ/เนื้อวัวดิบ จะมีพยาธิตืดวัวและพยาธิตืดหมู อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์โดยใช้หัวเกาะอยู่ที่ผนังลำไส้ ความยาว 2-4 เมตร โดยจะสลัดตัวที่เป็นปล้อง ปนออกมากับอุจจาระ ซึ่งภายในปล้องพยาธิจะเต็มไปด้วยไข่ของตัวตืด และเมื่อปล้องพยาธิแตกก็จะมีไข่แตกกระจายปนกับอุจจาระ หากพยาธิตืดหมู/พยาธิตืดวัว สลัดปล้องสุกที่อยู่ในลำไส้กลับขึ้นไปในกระเพาะอาหาร จะทำให้พยาธิตัวอ่อนในไข่ฟักตัวออกมา แล้วไชเข้ากระแสเลือดไปเติบโตเป็นถุงตัวตืดลักษณะแบบเดียวกับเม็ดสาคูในเนื้อหมู สามารถพบตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หรือเป็นเม็ดใต้ผิวหนัง แม้แต่กล้ามเนื้อหัวใจ รวมถึงอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย เช่น สมอง ถ้ามีถุงพยาธิตัวตืดจำนวนมากในสมองอาจทำให้เสียชีวิตได้
อาการของผู้ที่มีพยาธิตืดหมู/ตืดวัว ในร่างกาย จะเบื่ออาหารคลื่นไส้ และท้องอืดจากการขดม้วนตัวของตัวพยาธิตัวตืดทำให้กีดขวางทางเดินอาหาร บางรายอาจเกิดลมชักหรือเป็นอัมพาตจากการติดเชื้อตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูในระบบประสาทส่วนกลาง
กุ้งดิบ/หอยดิบ/ปูดิบ/ปลาดิบ จะมีเชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส (Vibrio parahaemolyticus) ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ตามธรรมชาติในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามชายฝั่งทะเล ในน้ำทะเล และตามตะกอนโคลนตมในทะเล อันตรายของเชื้อนี้ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคกระเพาะ อหิวาตกโรค และการติดเชื้อ โดยผู้ติดเชื้อจะมีอาการท้องร่วงรุนแรง มีอุจจาระเหลวเป็นน้ำ มีกลิ่นเหม็นเหมือนกุ้งเน่า มักมีอาการปวดเกร็งที่ท้อง ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมีอาการอาเจียนร่วมด้วย มีระยะฟักตัวค่อนข้างสั้น คืออาจเกิดอาการในประมาณ 15-24 ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหารทะเลซึ่งปนเปื้อนเชื้อนี้ อาการอาจคงอยู่นานถึง 10 วัน แต่ส่วนใหญ่จะทุเลาลงภายใน 3 วัน โดยไม่ต้องรักษา บางรายคล้ายเป็นบิด อุจจาระมีมูกเลือด มีไข้ต่ำปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการอาจเกิดเฉียบพลัน และอาจรุนแรงจนกระทั่งมีอาการอ่อนแรงเฉียบพลัน ไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ทั้งนี้อาการที่เป็นอาจหายเองได้ภายใน 2 ถึง 5 วัน
หอยน้ำจืดดิบ จะมีพยาธิปอดหนู (Angiostrongylus cantonensis) โดยปกติจะอาศัยอยู่ในหลอดเลือดแดงของปอดหนู พยาธิตัวเมียจะออกไข่ในหลอดเลือดแดงและฟักตัวเป็นตัวอ่อน จากนั้นตัวอ่อนจะไชผ่านปอดออกมาจนถึงลำไส้และปนออกมากับอุจจาระหนู ตัวอ่อนระยะนี้จะถูกกินหรือไชเข้าสู่หอยน้ำจืด เช่น หอยโข่ง หอยเชอรี่ หอยขม กุ้ง ปู กบ ตะกวด แล้วเจริญเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ เมื่อคนกินสัตว์ที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อนี้ โดยไม่ปรุงให้สุกเสียก่อน ตัวอ่อนจะเดินทางไปที่สมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้อาการของการติดเชื้อ หลังจากคนรับประทานตัวอ่อนพยาธิเข้าไป จะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-30 วัน ก่อนแสดงอาการของโรค โดยตัวอ่อนจะไชเข้าสู่ระบบประสาท เช่น สมอง ไขสันหลัง ทำให้มีอาการปวดศีรษะ ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ชักเกร็ง อ่อนแรง จนอาจถึงขั้นเสียชีวิต ถ้าพยาธิไชเข้าตา จะทำให้ตาอักเสบ ตามัว ไปจนถึงตาบอดได้
ไข่ไก่ดิบ จะมีเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา (Salmonella spp.)ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ อาจรุนแรงจนเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด องค์กรอาหารและยา (FDA)มีการค้นพบว่าในแต่ละปีมีคน 30 คนที่เสียชีวิต เนื่องมาจากการรับประทานไข่ที่มีสารปนเปื้อนด้วยเชื้อนี้
ไม่ใช่เฉพาะอาหารดิบเท่านั้นที่เป็นอันตราย แต่อาหารที่ปรุงไม่สุกเต็มที่โดยผ่านความร้อนในอุณหภูมิที่ไม่สูงเท่าที่ควรหรือปรุงด้วยความร้อนในเวลาสั้นๆ ก็ยังแฝงอันตรายไม่แพ้อาหารดิบ เพราะพยาธิและเชื้อโรคบางชนิด ต้องทำลายด้วยความร้อนที่สูงพอสมควร และหากคุณรับประทานอาหารดิบไม่ว่าจะในปริมาณมากหรือน้อย แล้วมีอาการทางร่างกายที่ส่งสัญญาณอันตรายดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการในทันที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
https://haamor.com
https://chulalongkornhospital.go.th
https://www.foodnetworksolution.com/
https://chulalongkornhospital.go.th/
ยกระดับกีฬาไทยสู่กีฬาโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี