ปัจจุบันประเทศไทยได้นำ BCG Model มาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน อันได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy, B) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy, C) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy, G) เพื่อพัฒนาเป็นรูปแบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลนำไปสู่ความยั่งยืน และการแข่งขันได้ในระดับสากล
แนวคิดหลักของเศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งเน้นการวางแผนในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า คงคุณค่าผลิตภัณฑ์ให้ได้นานที่สุด ส่งเสริมให้เกิดการใช้ซ้ำ แปรสภาพเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และสร้างของเสียในปริมาณที่ต่ำที่สุด ทั้งนี้เพื่อรับมือปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรในอนาคตที่จะมีความต้องการใช้ทรัพยากรเพื่อการผลิตเพิ่มมากขึ้นจากการเติบโต ทางเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภค จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งลดผลกระทบสิ่งต่างๆ ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอุตสาหกรรมหนึ่งที่สามารถสนองตอบแนวคิดนี้ได้อย่างมาก คือ พลาสติกรีไซเคิล พลาสติก กลายเป็นวัสดุที่ถูกจับตามองในช่วงหลายปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตื่นตัวเรื่องการลดปริมาณการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastics) โดยสหภาพยุโรปจัดทำรายการผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวน 10 รายการ ได้แก่ 1) ก้านพันสำลี 2) ช้อน และส้อมพลาสติก/ หลอดและที่คนกาแฟ 3) ลูกโป่งและก้านลูกโป่งพลาสติก 4) กล่องอาหารพลาสติก 5) แก้วพลาสติก 6) บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและฝา 7) ก้นกรองบุหรี่ 8) ถุงพลาสติก 9) บรรจุภัณฑ์ห่อขนมขบเคี้ยว 10) ทิชชูเปียก/ผ้าอนามัย รวมทั้งอุปกรณ์จับปลาหรือตกปลา เช่น แหและอวนตกปลา (ที่มีส่วนประกอบของพลาสติก) ที่ถูกพบมากที่สุดในท้องทะเล และตามแนวชายหาด
โดยคณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดกฎหมายใหม่ควบคุมการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง 10 รายการดังกล่าว เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก เริ่มบังคับใช้ในสหภาพยุโรป 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และส่งเสริมให้ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือสามารถรีไซเคิล(recycle) ได้ง่าย จึงเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมพลาสติกรีไซเคิลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ หากพิจารณาสถานการณ์สำหรับการรีไซเคิลพลาสติกทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกทั่วโลก 360 ล้านตัน ในปริมาณนี้รวมเทอร์โมพลาสติกพอลิยูรีเทน เทอร์โมเซต อีลาสโตเมอร์ สารยึดเกาะ สารเคลือบผิว สารกันซึม และเส้นใยพอลิโพรพิลีน แต่ไม่รวมพอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต (PET) พอลิเอไมด์ (PA) และเส้นใยอะคริลิกปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีอยู่ร้อยละ 39.9 ขณะที่พลาสติกสำหรับอาคาร และการก่อสร้างมีการใช้ในปริมาณร้อยละ 19.8 ของความต้องการพลาสติกในสหภาพยุโรป และพบว่าพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน (Polyethylene) เรียกย่อว่า PE, พอลีโพพิลีน (polypropylene) เรียกย่อว่า PP, พอลิสไตรีน (polystyrene) เรียกย่อว่า PS และ PET นิยมใช้กับบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก ขณะที่ พอลิไวนิลคลอไรด์ (polyvinylchloride) เรียกย่อว่า PVC ใช้งานสำหรับอาคารเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่ระยะเวลาใช้งานของพลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์และพลาสติกเพื่อการก่อสร้างมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ปริมาณขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นจึงอาจไม่จำเป็นสัมพันธ์กับปริมาณความต้องการใช้พลาสติกในแต่ละปี หากแบ่งผลิตภัณฑ์พลาสติกตามระยะเวลาใช้งานสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ระยะสั้น(short-life) เช่น บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ระยะปานกลาง(middle-life) จะรวมถึงผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทางการเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ หรือยานยนต์ และระยะยาว(long-life) เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อใช้กับอาคารและงานก่อสร้าง ปริมาณการบริโภคและปริมาณการเกิดขยะพลาสติกใน 1 ปี มีความแตกต่างกันอย่างมากในผลิตภัณฑ์พลาสติก 3 ประเภทนี้ เช่น ปริมาณพลาสติกบรรจุภัณฑ์ทำให้เกิดขยะพลาสติกได้มากกว่าร้อยละ 80 ในขณะที่พลาสติกที่มีระยะเวลาใช้งานปานกลาง และระยะเวลาใช้งานนาน (long–life) ทำให้เกิดขยะพลาสติกน้อยกว่าร้อยละ 35 จึงมีช่องว่างระหว่างปริมาณการบริโภค และปริมาณขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นแนวโน้มการนำพลาสติกรีไซเคิลไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการรีไซเคิลพลาสติกอยู่ที่ 1.1 ล้านตันในปี ค.ศ. 2019 พลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิลนั้นพร้อมที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ ใช้กับอาคารและงานก่อสร้าง ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ของใช้ในบ้าน รวมถึงอุปกรณ์กีฬา เฟอร์นิเจอร์ งานเกษตร และอื่นๆ ซึ่งปี ค.ศ. 2019 ปริมาณพลาสติกรีไซเคิลทั่วโลกสำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากปี ค.ศ. 2018
แม้ว่าเทคโนโลยีที่มีอยู่และการทำให้ได้ตามมาตรฐาน (standardization) จะเป็นเรื่องที่ท้าทายในแวดวงการรีไซเคิลพลาสติก แต่เป็นการพัฒนาที่หวังไว้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลากหลายช่วยสนับสนุนการใช้พลาสติกรีไซเคิลในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น ยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรปสำหรับการใช้พลาสติกในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตให้สอดคล้องรองรับการนำกลับมาใช้ซ้ำ (reuse) ซ่อมแซมได้ (repair) และการแปรสภาพนำกลับมาใช้ได้อีก (recycle) แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะพลาสติก ควบคู่ไปกับการผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาวัตถุดิบที่เป็นทางเลือกใหม่ หรือการใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น สำหรับประเทศไทยมีการส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติกต่างๆ เช่น กล่องหรือหีบ กระสอบและถุง ไปยังสหภาพยุโรปเป็นมูลค่าพันล้านบาทในแต่ละปี ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าส่งออกที่ต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือรีไซเคิล หรือเลือกใช้พลาสติกชีวภาพในการผลิตพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง นอกจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีก คือ ระบบคุณภาพ กระบวนควบคุมคุณภาพ และการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้ได้ตามมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
เอกสารอ้างอิง
กรมยุโรป. 2564. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://europetouch.mfa.go.th/th/content/89465-ยุทธศาสตร์พลาสติกฉบับใหม่ของ-eu-และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลาสติกไทย? cate=5d6abf7c15e39c3f30001465,[เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2564].
ประชาคมวิจัยด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว. 2561. สมุดปกขาวการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทย (STI White paper) เพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://csdt.sc.chula.ac.th>pdf>STI_whitepaper, [เข้าถึงเมื่อ 12สิงหาคม 2564].
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. 2564. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.onep.go.th/9-กรกฎาคม-2564-กฎเข้มอียูเริ่ม/, [เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2564].
Thaieurope.net, 2564. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: http://thaieurope.net/2018/07/10/eu-new-directive-single-useplastics/EU ออกร่างข้อบังคับใหม่ยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว(single-use plastics), [เข้าถึงเมื่อ 12 กรกฎาคม2564].
Thaieurope.net, 2564. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://thaieurope.net/2021/01/14/eu-plastic-ban/EU เริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามส่งออกขยะพลาสติกเขย่าอุตสาหกรรมพลาสติกยุโรป, [เข้าถึงเมื่อ 10 สิงหาคม 2564].
Thaieurope.net, 2564. เอกสารสัมมนา “จับตากระแส European Green Deal ประเด็นสำคัญที่ผู้ส่งออกไทยควรรู้”. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: https://thaieurope.net/2021/07/15/european-green-deal-ep1-circular-economy/, [เข้าถึงเมื่อ 7 ก.ค. 2564].
European Commission, 2019. Single-use plastics. [online]. Available at: https://ec.europa.eu/environment/
topics/plastics/single-use-plastics_en, [accessed 23 July 2021].
Shamsuyeva, M. and Endres, H.-J., 2021. Plastics in the context of the circular economy and sustainable plasticsrecycling: Comprehensive review on research development, standardization and market. [online].
Available at: http://www.sciencedirect.com/journal/composite-part-c-openaccess 6(2021)100168, [accessed 20 August 2021].
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี