ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ เยอรมนี จะพ่ายแพ้ให้กับ ญี่ปุ่น และถือเป็นอีกคู่ที่เป็น "ชัยชนะสุดมหัศจรรย์" ของบอลโลกตลอดกาล
เทียบความรุนแรงแล้วนั้น คู่ที่ ซาอุดีอาระเบีย(อ่านว่า ซา-อุ-ดี ไม่ใช่ ซา-อุ-ดิ) คว่ำ อาร์เจนติน่า อาจจะช็อคโลกมากกว่า เพราะเรารู้ว่า ญี่ปุ่น มีแผนงานเกี่ยวกับเรื่องการครองโลกลูกหนังอย่างชัดเจน
ขอละ ญี่ปุ่น ไว้ก่อนในเธรตนี้ จะขอพูดถึง เยอรมนี เป็นหลักใหญ่ใจความ
ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวกับบอลเยอรมนี บุนเดสลีกา ทาง PPTV HD และได้บรรยายเกมสุดมหัศจรรย์นี้ที่ FM99 ผมแอบประหลาดใจกับ ฮันซี่ ฟลิก
1.วิธีการ
2.การเปลี่ยนตัว
เริ่มจากวิธีการเล่นกันก่อน
ผมไม่ติดใจการจัดทัพ ยกเว้นพยายามมองข้ามเคสของ ธิโล่ เคห์เรอร์ เป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ๊กขวา แต่ติดใจเรื่องของ"วิธีการ"มากกว่า เพราะไหน ๆ ตัวหลักก็มาจาก บาเยิร์น มิวนิค แผนรุกทั้ง 3 คนกลับไม่ให้ธรรมชาติกับ โธมัส มุลเลอร์
ฟลิก คุมทัพบาเยิร์น กวาดทุกแชมป์บนโลกนี้ หนึ่งในหัวใจของท้องเรื่องคือ มุลเลอร์ ที่ยืนอยู่"หลังกองหน้า" และคอยขึ้นโฉบ"ขวาบน" แต่เกมนี้ มุลเลอร์ ถอนลงต่ำ และสับสนกับตำแหน่งอย่างมาก
นั่นเพราะแผนพื้นฐานสร้างชื่อ ฟลิก คือ 4-2-3-1 เขากลับไม่ใช้มัน เพราะว่าปัญหามาจาก"ข้อจำกัด"ในตำแหน่งฟูลแบ๊ก
ท่านที่ตามบุนเดสลีกา จะรู้เลยว่า เดวิด รอม จากแอร์เบ ไลป์ซิก ที่ดังมาจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ คือ "วิงแบ๊ก" ที่เล่น "ฟูลแบ๊ก" ไม่ได้เลย ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับที่ โยกี้ เลิฟ เคยเจอมาก่อนหน้านี้เมื่อตอนยูโรหนล่าสุดที่ โรบิน กูเซ่น เล่นได้แค่วิง
ทีนี้ไลน์ที่ยืนมันกลายเป็น "หลังสาม" ใช้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ อยู่กลาง ส่วนคู่เซ็นเตอร์จากดอร์ทมุนด์ คือ นิโก้ ชล็อทเตอร์เบ๊ค ยืนซ้าย และนิคลาส ซือเล่ ยืนขวา กลายเป็นผิดธรรมชาติทุกคน
คู่กลางไม่แปลกที่ยึดเอาไว้คือ "ยืนคู่" โยชัว คิมมิช กับ อิลคาย ถือว่าชั่วโมงนี้ดี และก็ทำได้ดีมาก เพียงแต่เกมรุกมันเกิดความสับสนในการเล่น
จามาล มูเซียล่า โดนบีบให้ขยับด้านใน เพื่อเปิดไลน์ให้ รอม และมาซ้อนกับ มุลเลอร์ แบบเต็ม ๆ ส่วน แซร์จ นาบรี้ ยังเล่นตามใจตัวเองมากเกินไป และไค ฮาแวร์ตซ์ ก็ไม่เป็นอันตราย มา ๆ หาย ๆ
เอาเข้าจริง การเล่นแบบ"ฟอลส์ไนน์" หรือ "หน้าตัวหลอก" ทีมที่ไม่ได้ผลล่าสุดคือ บาเยิร์น มิวนิค จนต้องหันมาใช้บริการของ เอริค มักซิม ชูโป โมติง ทีนี้ทีมคืนฟอร์มและกลับมายึดฝูงบุนเดสลีกา คืนได้สำเร็จก่อนปิดเบรก
ปัญหาก็คือ กองหน้าพันธุ์แท้ของเยอรมนี ไม่ค่อยมีให้เลือกเลย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของ "อินทรีเหล็ก" มาหลายปี นับตั้งแต่ไม่มี มิโรสลาฟ โคลเซ่ ต้องตะบันใช้ มาริโอ โกเมซ อยู่ร่ำไป
ติโม แวร์เนอร์ ไม่ใช่คำตอบ เพราะนี่คือกองหน้าที่เล่นคู่มากกว่าเดี่ยว แถมยังเป็นตัวที่ฉีกออกซ้าย ไม่ใช่สไตล์ปักตรง
ครั้งนั้นเลือก นิคลาส ฟูลล์ครู้ก ตั้งแต่แรก ก็กลัวว่าจะไม่ไหว แม้จะอายุ 29 แต่ประสบการณ์ก็น้อยมาก ส่วนจะเลือก ยูซูฟา มูโกโก้ เด็กมหัศจรรย์ ก็อาจจะยังใหม่เกินไป
ตามหน้ากระดาน ฮาแวร์ตซ์ คือคนที่เหมาะสมที่สุด แต่นั่นแหล่ะ เขาคือคนที่ไม่ใช่ในสไตล์ฟลิก ที่เจอกับบอลสนามใหญ่ ไม่ใช่รอบคัดเลือก
สถานการณ์ บรรยากาศ ความลึกของมิติฟุตบอลมันแตกต่างมาก
เมื่อลองมาจำแนกกันแบบนี้ เราเห็นแบบนี้แล้ว มันมาจากหลาย ๆ ปัจจัย โดยเฉพาะข้อสำคัญก็คือ "นักบอลไม่ตรงตำแหน่ง" คือสิ่งสำคัญที่สุด
แถมยังน่าตกใจเมื่อ ฟลิก เปลี่ยนตัวได้อย่างน่าผิดหวัง
อิลคาย ยังไม่ควรถูกถอดออก เพราะเขาเหนือกว่าผู้เล่นญี่ปุ่นทุกคนในแผงกลาง หากไม่มีปัญหาเรื่องเจ็บ หรือหมดแรง ถือว่า ฟลิก พลาด
กองกลางแมนฯซิตี้ ถูกถอดนาทที่ 67 จากนั้นอีกคนคือ จามาล มูเซียล่า ไม่ควรถูกเอาออก เพราะการเล่นของเขาอาจจะไม่ต่อเนื่อง ด้วยข้อจำกัดทางแทคติค แต่จะเห็นว่า นักบอลญี่ปุ่นกลัวการครองบอล และการเลี้ยงของไอ้หนูมูเซียล่า
รวมไปถึงการเลือก โยนาส ฮอฟมันน์ ลงมาแทน มุลเลอร์ ซึ่งสไตล์ของ ฮอฟมันน์ คือค่อนข้างช้า และใช้จังหวะ เจอการเข้าเร็วและปิดริมเส้นของ มิโตมะ พร้อมกับการโคเวอร์ของ โทมิยาสึ นั่นคือจบ
ขณะเดียวกัน ฟลิก ไม่ได้หันไปมองการเปลี่ยนตัวของ ญี่ปุ่น เลย เพราะแต่ละคนที่ ญี่ปุ่น จั่วลงมา มีการปรับแทคติคที่เข้มข้น นักบอลที่ลงมาแต่ละคนมาทิ่มในตำแหน่ง เข้าจุดพื้นที่ว่างได้ทั้งหมด
จาก 4-2-3-1 ปรับมาเป็น 3-5-2 นับจากส่ง โทมิยาสึ ลงมาในตั้งแต่นาทีแรกของครึ่งหลัง แต่จะเล่นรุกหนักขึ้นกับ 3-4-3 เมื่อใส่ มิโตมะ กับ อาซาโนะ เมื่อเกมผ่านไปเกือบครบชั่วโมง
จากนั้นยัด โดอัน กับ มินามิโนะ ตามลงมาเมื่อเหลืออีกไม่ถึง 20 นาที เป็น 3-4-3 ที่ใส่เกมบุกเต็มสูบ พร้อมให้นักเตะฝีเท้าจัดไปอยู่ด้านซ้ายก่อนได้ประตูตีเสมอ
ก่อนจะฉวยโอกาสเล่นเร็วและได้ประตูชัย ซึ่งถามว่า ถ้าตัวของ อาซาโนะ ใหญ่กว่านั้นจะชนกับ ชล็อทเตอร์เบ๊ค แบบประกันไม่กล้าเคลม แต่มุดไปได้ ก่อนจะต้องถามว่า ชล็อทเตอร์เบ๊ค ปล่อยให้หลุดไปได้ยังไง
เยอรมนี แพ้ในนัดนี้ ไม่ใช่แค่แพ้ให้กับ ญี่ปุ่น แต่แพ้ในเรื่องแทคติค แพ้เพราะทางเลือก และแพ้เพราะไม่ได้ประเมินสถานการณ์คู่แข่ง
สำหรับผมแล้วเป็นการแพ้ที่ไม่ได้น่าอาย แต่เป็นการแพ้ที่สั่งสอนให้ผู้ยิ่งใหญ่ได้รับรู้ว่า สักวันคุณอาจจะต้องแพ้
ทุกคนแพ้เป็น
อยู่ทีว่าเมื่อแพ้แล้ว คุณจะแค่ "แพ้เป็น" หรือ"แพ้ให้เป็น" นั่นเอง
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี