วันที่ 17 ธันวาคม 2565 สื่อต่างประเทศรายงานข่าว ซินิซา มิไฮโลวิช (Sinisa Mihajlovic) อดีตนักฟุตบอลทีมชาติยูโกสลาเวียและเซอร์เบีย เจ้าของฉายา “พ่อมดฟรีคิก” เสียชีวิตแล้ว โดยสถานีโทรทัศน์ Euronews ของสหภาพยุโรป (EU) ที่มีสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศส เสนอข่าว Yugoslav and Serbian football star Sinisa Mihajlovic dies aged 53 ระบุว่า มิไฮโลวิช จากโลกนี้ไปในวัย 53 ปี หลังต่อสู้กับอาการป่วยจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมานาน
มิไฮโลวิช เกิดในเมืองวูโคซาร์ (Vukovar) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศโครเอเชีย มีพ่อเป็นชาวเซิร์บและแม่เป็นชาวโครแอต สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองจากการติดทีมชาติยูโกสลาเวีย และเล่นให้กับสโมสร เรดสตาร์ เบลเกรด ทีมดังของลีกฟุตบอลยูโกสลาเวีย ในวัยเพียง 21 ปี ด้วยค่าตัว 5 แสนยูโร ซึ่งในปี 2533 ถือเป็นนักฟุตบอลที่ค่าตัวแพงที่สุดในประเทศ และในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 1990-1991 (2533-2534) ซึ่งสมัยนั้นยังใช้ชื่อรายการแข่งขันว่า ยูโรเปียนคัพ เรดสตาร์ เบลเกรด กลายเป็นแชมป์ยุโรปหลังคว่ำทีมดังทั้ง บาเยิร์น มิวนิก จากเยอรมนี ในรอบรองชนะเลิศ และ โอลิมปิก มาร์กเซย จากฝรั่งเศส ในรอบชิงชนะเลิศ
อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษ 1990s (ปี 2533-2542) ยูโกสลาเวียเผชิญกับความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาทิ ในปี 2534 เมืองวูโคซาร์ กลายเป็นสมรภูมิระหว่างชาวเซิร์บที่สนับสนุนยูโกสลาเวีย กับชาวโครแอตที่ต้องการเรียกร้องเอกราช ซึ่ง มิไฮโลวิช ย้ายไปอยู่ที่ประเทศอิตาลี และสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ที่ทำประตูจากลูกตั้งเตะ ไม่ว่าค้าแข้งกับทีมใดก็ตาม โดยเฉพาะกับ ลาซิโอ ทีมดังแห่งกรุงโรม ซึ่ง มิไฮโลวิช ลงเล่นให้ตั้งแต่ปี 2541-2547 เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์รายการต่างๆ มากมาย
ขณะที่ในนามทีมชาติ มิไฮโลวิช เลือกเล่นให้ยูโกสลาเวีย ต่อมาเมื่อยูโกสลาเวียแตกออกเป็นประเทศใหม่หลายประเทศ เขาเลือกเล่นให้ทีมชาติเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร และทีมชาติเซอร์เบีย ตามลำดับ โดยผลงานในนามทีมชาติ ทำได้ 10 ประตูจากการลงเล่น 63 นัด หลังแขวนสตั๊ด มิไฮโลวิช รับงานคุมทีมฟุตบอลหลายสโมสร ทั้งฟิออเรนตินา และอินเตอร์ มิลาน ในลีกอิตาลี สปอร์ติง ลิสบอน ในลีกโปรตุเกส รวมถึงคุมทีมชาติเซอร์เบีย ก่อนกลับไปคุมสโมสรโบโลญญาในลีกอิตาลีในเดือน ม.ค. 2562
แต่ชีวิตในอีกมุมหนึ่ง เป็นที่รู้กันว่า ซินิซา มิไฮโลวิช สนิทสนมกับ เซลจ์โก ราซนาโตวิช (Zeljko Raznatovic) แฟนบอลหัวรุนแรงของทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่งต่อมา ราซนาโตวิช ผันตัวเองกลายเป็นผุ้นำกองกำลังติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตั้งแต่ในพื้นที่โครเอเชีย บอสเนียและโคโซโว นอกจากนั้น มิไฮโลวิช ยังแสดงท่าทีคัดค้านกรณีองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าแทรกแซงเรื่องภายในของเซอร์เบียและมอนเตเนโกร ในปี 2542 เนื่องจากนาโตต้องการหยุดยั้งกองทัพเซอร์เบียฯ ที่ปราบปรามชาวอัลบาเนียในโคโซโว ซึ่งกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และมีผู้ลี้ภัยมากกว่า 1 ล้านคน
มิไฮโลวิช เคยเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเอง ว่า เหตุที่ตนไม่ปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนกับ ราซนาโตวิช ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่ที่เรดสตาร์ เบลเกรด เพราะไม่ต้องการ “เสแสร้ง (hypocritical)” ด้วยการอ้างเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม ซินิซา มิไฮโลวิช ยังมีมิตรภาพที่ดีกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (Zlatan Ibrahimovic) นักฟุตบอลชื่อดังจากทีมชาติสวีเดน ซึ่งมีเชื้อสายบอสเนีย ขณะที่ช่วงต้นปี 2565 เมื่อรัสเซียนำกองทัพเข้าโจมตียูเครน มิไฮโลวิช ซึ่งขณะนันคุมทีมสโมสรโบโลญญาในอิตาลี แสดงท่าทีคัดค้านเพราะมองว่าสงครามไม่ใช่หนทางเดียวในการแก้ปัญหา
ในเดือน ก.ค. 2562 มิไฮโลวิช เปิดเผยว่า ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดข่าว แต่ยังมีกำลังใจดีโดยบอกว่า ตนไม่เคยยอมแพ้ไม่ว่าในเกมฟุตบอลหรือในชีวิต และตนจะทำเพื่อภรรยา ครอบครัวและคนที่รัก ทำให้แฟนบอลทั้งทีมโบโลญญาและลาซิโอ ต่างพากันสวดอวยพรให้เขาหายป่วย อย่างไรก็ตาม มิไฮโลวิช ถูกปลดออกจากการคุมทีมโบโลญญา เนื่องจากทำผลงานได้ไม่ดีนัก ในฤดูกาล 2022-2023 (2565-2566) ด้วยการแข่งไป 5 นัด ได้เพียง 3 คะแนน
ซินิซา มิไฮโลวิช ใช้ชีวิตกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่าง อาเรียนนา ราปัซซิโอนี (Arianna Rapaccioni) และมีลูกด้วยกันถึง 6 คน โดยเมื่อเขาถูกปลดออกจากทีมโบโลญญา ได้กล่าวขอบคุณผู้ติดตามทุกคน สำหรับ 3 ปีครึ่งของฟุตบอล ชีวิต น้ำตา ความสุขและความเจ็บปวด ซึ่งหลังจาก มิไฮโลวิช เสียชีวิต ทางครอบครัวได้ออกถ้อยแถลง ระบุว่า เป็นความเจ็บปวดที่ต้องประกาศว่า เป็นการจากไปก่อนวัยอันควรอย่างไม่ยุติธรรม ของสามี พ่อ ลูกชาย และพี่ชายที่เป็นแบบอย่าง
เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว Lazio and Yugoslavia legend Sinisa Mihajlovic, 'the man who was born twice', dies aged 53 - just three months after his final job as Bologna coach following a long battle with leukaemia ระบุว่า ซินิซา มิไฮโลวิช เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2565 ที่คลินิกแห่งหนึ่งในกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยที่นี่ มิไฮโลวิช เคยค้าแข้งอยู่กับหลายทีมในกัลโช่ เซเรีย อา หรือลีกสูงสุดของอิตาลี ทั้งโรมา ซามพ์โดเรีย ลาซิโอ และอินเตอร์มิลาน
แม้จะเล่นในตำแหน่งกองหลัง แต่ ซินิซา มิไฮโลวิช กลับโดดเด่นในการทำประตูจากลูกตั้งเตะ ซึ่งเขาเคยกล่าวว่า ตนไม่ค่อยชอบฟุตบอลมากนัก แต่กับฟรีคิกนั้นยอดเยี่ยมมากและนั่นคือฟุตบอลสำหรับตน และหากไม่มีตนก็อาจจะไม่ได้ลงสนาม โดย มิไฮโลวิช ทราบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในปี 2562 ขณะที่ยังคุมสโมสรโบโลญญา โดยต้องเข้ารับการรักษาไขกระดูกและเคมีบำบัดถึง 3 ครั้ง แต่เขาก็ยังกล่าวในวันที่ออกมาเปิดเผยเรื่องอาการป่วยต่อสาธาณณชน ว่า ตนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ก็จะเอาชนะมันด้วยการเล่นเกมรุก
ทั้งนี้ โบโลญญา เป็นสโมสรสุดท้ายที่ มิไฮโลวิช รับหน้าที่ผู้จัดการทีม อีกทั้งยังจบด้วยการที่เขาถูกปลดออกในช่วงต้นเดือน ก.ย. 2565 เนื่องจากทำผลงานได้ไม่ดีนัก ด้วยการแข่งไป 5 นัดแต่ไม่ชนะแม้แต่นัดเดียว อีกทั้งยังไม่ยอมลาออกโดยสมัครใจ ซึ่ง จูเซ็ปเป ซาปุโต (Giuseppe Saputo) ประธานสโมสร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในรอบ 8 ปีของตน เพราะเป็นทางเลือกที่เจ็บปวดและหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ของทีม
หลังการเสียชีวิต ครอบครัวของ มิไฮโลวิช ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการจากไปก่อนวัยอันควรของสามี พ่อ ลูกชาย และพี่ชายที่เป็นแบบอย่าง และกล่าวขอบคุณคณะแพทย์และพยาบาลที่ช่วยดูแลอาการของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่สมาคมฟุตบอลแห่งประทเศเซอร์เบีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า ข่าวเศร้าของวงการฟุตบอลเซอร์เบีย ภูมิภาค ยุโรป และโลกของฟุตบอล ซินิซา มิไฮโลวิช เสียชีวิตแล้ว พร้อมกับกล่าวยกย่องว่า มิไฮโลวิช ในฐานะผู้ที่ยิงฟรีคิกได้ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก
หมายเหตุ : ประเทศยูโกสลาเวีย แตกออกเป็นประเทศเกิดใหม่ ประกอบด้วย 1.เซอร์เบีย 2.สโลวีเนีย 3.โครเอเชีย 4.มาซิโดเนีย 5.บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 6.มอนเตเนโกร และ 7.โคโซโว
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.euronews.com/2022/12/16/yugoslav-and-serbian-football-star-sinisa-mihajlovic-dies-aged-53
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11546393/Sinisa-Mihajlovic-dies-aged-53-battle-leukaemia.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี