ศึกฟุตบอลโลก 2022 ได้ปิดฉากฟาดแข้งกันไปแล้ว เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่18 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยในคู่ชิงชนะเลิศอันดับ 3 ปรากฏว่า “ตาหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย เอาชนะ “สิงโตแห่งแอตลาส” ทีมชาติโมร็อกโก ไปได้แบบสุดมัน2-1 คว้าอันดับ 3 มาครอง ส่วนฟุตบอลโลกหนหน้าในปี 2026 จะไปฟาดแข้งกันในทวีปอเมริกาเหนือ โดยมี 3 ชาติเจ้าภาพประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ,แคนาดาและเม็กซิโก

โดยเกมที่สนาม คาลิฟา สเตเดี้ยม เป็น โครเอเชีย ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ยอสโก้ การ์ดิโอล ในนาทีที่ 7 ก่อนที่ อัชราฟ ดารี่ จะมายิงตีเสมอทันควันในอีก 2 นาทีต่อมา อย่างไรก็ตาม มิสลาฟ ออร์ชิช มายิงประตูสุดสวยเป็นประตูชัยให้ “ตาหมากรุก” นาที 42 คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลกมาครองได้สำเร็จนับเป็นหนที่ 2 ต่อจากฟุตบอลโลกปี 1998 และเป็นผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องจากครั้งที่แล้วที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

ภายหลังเกม ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือทีมชาติโครเอเชีย เปิดเผยว่าการคว้าอันดับ 3 มาครองมีความหมายไม่ต่างจากการคว้าแชมป์โลก พร้อมชื่นชมทุกคนในทีมที่พยายามอย่างหนัก รวมไปถึงคู่แข่ง โมร็อกโก ที่สู้ไม่ถอยแม้ว่าตัวแทนจากแอฟริกาจะดูอ่อนล้าและหมดแรงไปในที่สุด

“ขอแสดงความยินดีกับนักเตะของผมรวมไปถึงทีมของผมกับการคว้าเหรียญรางวัลเหรียญนี้มาครองมันเป็นเกมที่ยาก และผมขอแสดงความยินดีกับ โมร็อกโก พวกเขาต่อสู้จนถึงนาทีสุดท้าย แม้จะเหนื่อยล้าก็ตาม พวกเขาสามารถภูมิใจ และทำให้ผมนึกถึงทีมเราที่เคยทำได้เช่นนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว”

“นี่คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายสำหรับนักเตะบางคนเนื่องจากอายุของพวกเขา แต่เรามีนักเตะอายุน้อยอยู่ในทีม และมันดีมากสำหรับโครเอเชีย เรามีผู้เล่นหลายคนบนม้านั่งสำรองเช่นกัน การคว้าเหรียญทองแดงก็เหมือนกับการได้เหรียญทอง พวกเราเป็นหนึ่งใน 3 ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

ทางด้าน ลูก้า โมดริช จอมทัพกัปตันทีมชาติทีมชาติโครเอเชีย ยืนยันจะยังไม่อำลาทัพ “ตาหมากรุก” ในเวลานี้ พร้อมยืนยันจะอยู่ช่วยทีมไปจนถึงศึก เนชั่นส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศซึ่งจะลงสนามกลางปี 2023 เป็นอย่างน้อย

“มันคงไม่สมเหตุสมผลในการที่จะไม่ลงเล่นศึก เนชั่นส์ ลีก และจากนั้นพวกเราจะได้ทราบกันว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป ผมอยากช่วยทีมในเวที เนชั่นส์ ลีก พวกเราอยากพาฟุตบอลของโครเอเชียประสบความสำเร็จในบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ พวกเราต้องการเหรียญทอง พวกเราเข้าใกล้มันมาก แต่ท้ายที่สุดพวกเราจะกลับไปโครเอเชียในฐานะผู้ชนะ”

“โครเอเชียไม่ใช่ชาติที่มีเรื่องราวอัศจรรย์เกิดขึ้นในทุกๆ 20 ปี แต่พวกเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเรามีความต่อเนื่อง พวกเราไม่สามารถมองมันได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาด แต่มันคือพลังของฟุตบอล” ดาวเตะวัย 37 ปีกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับศึก เนชั่นส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศจะมี 4 ชาติลงชิงชัยประกอบด้วย โครเอเชีย, สเปน, อิตาลี และ เนเธอร์แลนด์ (เจ้าภาพ) โดยจะลงสนามระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2023

ขณะเดียวกัน วาลิด เรกรากี กุนซือโมร็อกโก ก็ยกย่องลูกทีมที่สู้จนถึงที่สุดแม้จะแพ้ในรอบชิงอันดับ 3 และเป็นทั้งประเทศในทวีป แอฟริกาชาติแรกและชาติอาหรับชาติแรกที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จในประวัติศาสตร์ ซึ่งกุนซือ “มาร็อค” เชื่อว่าความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจทำให้เด็กๆ ในประเทศได้มีความฝันในการเล่นฟุตบอล

“เรามีโอกาส 0.01% ที่จะชนะฟุตบอลโลก ตอนนี้เราเป็นหนึ่งในสี่ทีมชั้นนำของโลก ถ้าคุณบอกผมว่าเราจะจบได้ไกลขนาดนี้ก่อนทัวร์นาเมนต์ ผมคงยอมรับทันที เราต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว ฟุตบอลทำให้ผู้คนมีความฝัน โดยเฉพาะเด็กๆ เราทำให้พวกเขามีฝัน รักษาความฝันให้คงอยู่ และตอนนี้พวกเขาฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลและได้ไปฟุตบอลโลก นั่นเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้”

สำหรับฟุตบอลโลก 2022 หนนี้ได้ปิดฉากไปแล้วหลังจบเกมรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งต่อไปจะมีขึ้นในปี 2026 ที่ทวีปอเมริกาเหนือ โดยจะมีเจ้าภาพร่วมกันถึง 3 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งฟุตบอลโลก 2026 จะมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันถึง 48 ชาติ สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้ โดย ฟีฟ่า ได้ตัดสินใจเพิ่มทีมในการแข่งขันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี1998