ไบรอัน ร็อบสัน แลกธงกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ในแมทช์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปี 1984
การแข่งขันฟุตบอลยูโรป้า ลีก เพลย์ออฟรอบเพลย์ออฟ เลกแรก เกมใหญ่สุดๆ ระหว่าง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่สเปน ดวลกับ “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด ทีมดังแห่งอังกฤษ เวลา 03.00 น.
“เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า จ่าฝูงของศึกลาลีกา สเปน พวกเขาเข้ามาเล่นรอบนี้ด้วยการจบอันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่มของแชมเปี้ยนส์ ลีก ผลงานภายใต้การคุมทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ ถือว่ายอดเยี่ยม 16 เกมหลังสุดชนะ 15 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครเลย ล่าสุดบุกเฉือนบียาร์เรอัลมา 1-0 เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน อุสมาน เดมเบเล่ และเซร์คิโอ้ บุสเกสต์ ที่บาดเจ็บที่เหลืออยู่กันครบ มาในระบบ 4-3-3 นำโดยเปดรี้, เฟร็งกี้ เดอ ยองก์, ฟร้องค์ เกสซิเย่ร์,ราฟินญ่า, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้และกาบี้
จังหวะพิชิตชัยด้วยลูกโขกของ ลีโอเนล เมสซี่ ทำให้ บาร์ซ่า พิชิต แมนยูฯ ในนัดชิงบอลยูซีแอล ปี 2009
ฝั่งทีมเยือน “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาถึงรอบนี้ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้า ลีกช่วงนี้ถือว่ากำลังมั่นใจ แต่ เอริค เทน ฮากเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บ อาทิ ดอนนี่ฟาน เดอ เบ๊ค, คริสเตียน เอริคเซ่น, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และอองโตนี่มาร์กซิยาล ส่วน ลิซานโดร มาร์ติเนซ และมาร์เซล ซาบิตเซอร์ ติดโทษแบน ขณะที่แอนโทนี่ ต้องรอทดสอบความฟิต แต่ได้ คาเซมิโร่ กลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ เฟร็ด แนวรุกใช้ เจดอน ซานโช่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมีเว้าท์ เวกฮอร์สต์ เป็นหน้าเป้า
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด บาร์เซโลน่า เหนือกว่าชนะได้ 3 เสมอ 1 และแมนฯยูไนเต็ด ชนะ 1
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามบาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น, ฌูลส์ คุนเด้, โรนัลด์ อเราโฮ่,อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อเล็กซ์ บัลเด้, เปดรี้, แฟรงกี้ เดอ ยองก์, ฟร้องค์ เกสซิเย่ร์,ราฟินญ่า, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และกาบี้
แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิดเด เกอา, ดีโอโก้ ดาโลท์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์,ราฟาเอล วาราน, ลุค ชอว์, คาเซมิโร่,เฟร็ด, เจดอน ซานโช่, บรูโน่เฟอร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และเว้าท์เวกฮอร์สต์
สกอร์ที่คาด: บาร์เซโลน่า 2-1 แมนฯยูไนเต็ด
l สองยักษ์ใหญ่แห่งตำนานกับถ้วยยุโรป
บาร์เซโลน่า กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอล ทั้งฐานแฟนบอล ความสำเร็จ และเรื่องของแบรนด์
สถานการณ์ในปัจจุบัน บาร์ซ่า กำลังกลับมาจากวิกฤตหนักเรื่องของการบริหารจัดการถึงขั้นต้องใช้คันโยกทางระบบเศรษฐกิจ หรือ “activating financial levers” เพื่อการอยู่รอด และไปได้ต่อ ขณะที่ แมนยูฯ กำลังอยู่ในช่วง “เจรจา” เพื่อปรับเปลี่ยนหรือทอนอำนาจเจ้าของอย่างตระกูลเกลเซอร์
ที่ผ่านมา ทั้งคู่ซัดกันในเวทียุโรปทั้งสิ้น 13 นัด แต่ละนัดมีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป และมีเกมนัดชิงชนะเลิศอยู่ในนั้นถึง 3 เกม
นัดชิงหนแรกในยุคของ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ที่ใช้การผ่าน บาร์ซ่า เป็นหนึ่งในเส้นทาง “ปลุกผี” ขึ้นมายิ่งใหญ่ หลังจากเขารอดพ้นการถูกปลดด้วยการเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1990 และได้สิทธิ์เล่นถ้วยคัพวินเนอร์ส คัพ ในปีรุ่งขึ้นก่อนจะเชือด บาร์ซ่า ในนัดชิง 2-1 ด้วยสองประตูจาก “สปาร์กี้” มาร์ค ฮิวจ์ส เมื่อ 15 พฤษภาคม 1991 ที่ร็อตเตอร์ดัม
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กำหมัดในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก 2011 เป็นภาพจดจำไปตลอดกาล
จากนั้นความยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ทำให้จะเจอกันในรายการไม่ได้เลยนอกจาก “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” และเส้นทางกำหนดให้ทั้งสองทีมได้เจอกันในนัดชิงดำ ถึง 2 ครั้ง และเป็น บาร์ซ่าที่กำราบอย่างเด็ดขาดทั้งสองครา
27 พฤษภาคม 2009 ที่กรุงโรมประตูของ ซามูแอล เอโต้ และลูกโหม่งจากคนที่ตัวเล็กที่สุดในสนามอย่างลีโอเนล เมสซี่ ทำให้ บาร์ซ่า กำชัย 2-0 คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาครอง ดับฝัน แมนยูฯที่ต้องการเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ได้ แถมยังลบแค้นที่ถูกแข้งผีเขี่ยตกรอบตัดเชือกในปีก่อนหน้านั้น
2 ปีต่อมา 28 พฤษภาคม 2011 ทั้งคู่โคจรมาปะทะกันอีกทีในนัดชิงฯที่นิว เวมบลีย์ เราจดจำภาพที่ “เซอร์เฟอร์กี้”นั่งขบกรามเกรี้ยว และกำหมัดแน่นจนตัวสั่นหลังจากทีมพ่ายให้กับ บาร์ซ่า แบบขาดลอย 1-3
รอยแค้นของ บาร์ซ่า ที่ฝากเอาไว้กับพวกเขาในนัดชิง ยังคงไม่ได้ถูกชำระ เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ยูไนเต็ดไม่เคยได้เข้าใกล้กับถ้วยบิ๊กเอียร์ส่วน บาร์ซ่า พาเหรดไปรับแชมป์อีกครั้งปี 2015
มาในแมทช์นี้ เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันในถ้วยใบลำดับที่ 2 อย่าง “ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก” ในสถานการณ์ที่ทั้งคู่กำลังจะไต่ภูเขากลับไปสู่เส้นทางที่เคยสร้างเอาไว้
บาร์ซ่า กำลังลุ้นแชมป์ลา ลีกา ด้วยการเป็นจ่าฝูง เช่นเดียวกับ แมนยูฯก็ยังอยู่บนเส้นทางได้ลุ้นแชมป์ทั้ง 4 รายการที่มี
ดังนั้น ภาพความยิ่งใหญ่ในอดีต อาจไม่ถึงแผลกดทับ และมีความกดดันเข้าใส่ในยุคปัจจุบันที่ทุกคนต้องการแต่ความสำเร็จ เป็นเหตุให้ทั้งสองทีมไม่อยากที่จะพลาด
วันก่อนเจอแฟนรุ่นใหญ่บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่การเจอกันของคู่นี้ภาพจำในอดีต มันจะลอยมาอย่างงดงาม
นั่นคือการดวลกันในรอบ 8 ทีม ถ้วยคัพวินเนอร์ส คัพ ปี 1984 ภาพคลาสสิกคือ ไบรอัน ร็อบสัน แลกธงกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ซึ่งหนนั้นเป็นความทรงจำที่น่าสนใจเพราะ บาร์ซ่า ชนะก่อน 2-0 แต่โดน แมนยูฯ เอาคืน 3-0 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ก็ต้องไปลุ้นเอาว่า ท้ายที่สุดแล้ว ภาพไหนจะถูกจำหรือไม่กล้าลืม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี