การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566มีเกมน่าสนใจมากมายทั้งการล่าแชมป์ การลุ้นพื้นที่ยุโรป และการเตะหนีตาย โดยเกมแรก 19.30 น. ที่ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ที่ลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก บุกไปดวลกับกับเจ้าถิ่น “เดอะ เชอรี่ส์” บอร์นมัธ ที่หล่นไปรั้งอันดับบ๊วยของตาราง

เจ้าบ้านนัดล่าสุดถือว่าเล่นดีบุกไปนำอาร์เซน่อล 2-0 แต่ต้านทานไม่ไหวโดนยิงแซง 3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมของ แกรี่ โอนีล จะไม่มี เดวิด บรู๊คส์, จูเนียร์ สตานิสลาส และมาติอัส วีญ่า นอกนั้นรอทดสอบความฟิตของผู้เล่นบางราย มาในระบบ 4-5-1 นำโดย ด็องโก้ ควาตตาร่า, เจฟเฟอร์สัน เลอมาร์, ฟิลิป บิลลิ่ง, ฮาเหม็ด ตราโอเร่ และโดมินิค โซลันกี้

ทีมเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ด้วยการถล่ม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดขาดลอย 7-0 เรียกความมั่นใจให้กับนักเตะได้อย่างเต็มเปี่ยม เกมนี้ยังไม่มี หลุยส์ ดิอาซ และธีอาโก้ อัลคันทาร่าที่บาดเจ็บ เช่นเดียวกับ คัลวิน แรมซีย์ ส่วน โจ โกเมซ รอทดสอบความฟิต คาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น่าจะปรับทีมแม้จะมีเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเรอัล มาดริด รออยู่ช่วงกลางสัปดาห์จัดทัพในระบบ 4-3-3 ส่ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ คุมแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน สามแนวรุกวางโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานกับ โคดี้ กัคโป และดาร์วินนูนเญซ สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล เก็บเรียบเอาชนะได้หมด เกมล่าสุดคือการเปิดแอนฟิลด์ถล่ม 9-0 ทำให้ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ กลายเป็นกุนซือในพรีเมียร์ลีกคนแรกที่ต้องตกงานในฤดูกาลนี้

สกอร์ที่คาด : บอร์นมัธ 1-3 ลิเวอร์พูล

จากนั้นในเวลา 22.00 น. “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพิ่งตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน แบบไม่มีสกอร์ 0-0 จะพบกับ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่ต้องการคะแนนเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

เจ้าบ้านกำลังกดดันสุดๆ เพราะโดน ลิเวอร์พูล จี้เข้ามาในตำแหน่งท็อปโฟร์ เกมนี้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ฮูโก้ญอริส, อีฟส์ บิสซูม่า,โรดริโก้ เบนตานคูร์ และไรอัน เซสเซญง ที่บาดเจ็บส่วน ริชาร์ลิซอน ที่โมโหไม่พอใจกับการถูกจับนั่งสำรองต้องรอดูว่า คอนเต้จะจัดการกับเขาอย่างไร นอกนั้นอยู่ครบมาในระบบ 3-4-2-1 โอลิเวอร์ สคิปป์ คุมแดนกลางร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์คแนวรุกใช้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ , ซน ฮึง-มิน และแฮร์รี่ เคน

ทีมเยือน “เจ้าป่า” 5 เกมหลังชนะได้แค่นัดเดียว แต่ขึ้นมารั้งอันดับ 14 ของตาราง สถานการณ์ยังห่างไกลกับความว่าปลอดภัย เกมนี้ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเพียบ อาทิ วิลลี่โบลี่, สก็อตต์ แม็คเคนน่า, ไตโว่ อโวนิยี่, ดีน เฮนเดอร์สัน,และเชคู คูยาเต้ ทำให้โฉมทีมไม่น่าจะปรับอะไรมากยีดระบบ 4-3-2-1 นำทัพโดย จอนโจ้ เชลวีย์, เรโม่ ฟรอยเลอร์,แจ็ค โคลแบ็ค, แบรนแนน จอห์นสัน, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ และคริส วู้ด

สกอร์ที่คาด : สเปอร์ส 2-1 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

ปิดท้ายเกมสำคัญเวลา 00.30 น. “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า และรองจ่าฝูงมีภารกิจสำคัญต้องบุกไปชนะ “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ ที่กรุงลอนดอน เพื่อย่อระยะห่างกับ อาร์เซน่อล ที่มีคิวเตะวันอาทิตย์ให้เหลือ 2 แต้ม

เจ้าบ้านอันดับ 12 ของตาราง ไม่ชนะใครมา 10 เกมติดล่าสุดบุกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า 0-1 ไม่มี ชีค อูมาร์ ดูคูเร่ มิดฟิลด์ที่ติดโทษแบน ส่วน แซม จอห์นสโตน มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบมาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย วิลล์ ฮิวจ์ส, อัลเบิร์ต แซมบี้ โลก็องก้า, จอร์แดน อายิว, ไมเคิ่ล โอลิเซ่, เอเบเรซี่ เอเซ่ และวีลฟรีด ซาฮา

ทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะมา3 เกมติด ล่าสุดเปิดบ้านต้อน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 เกมนี้ต้องรอทดสอบความฟิต ฟิล โฟเด้น แนวรุกที่กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง ที่เหลือตามรายงานไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ใช้ระบบ 3-4-3 วาง อิลคายกุนโดกัน คุมแดนกลางร่วมกับ โรดรี้ แนวรุกวาง ริยาด มาห์เรซ,เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ และแจ็ค กรีลิช เป็นสามประสาน

สกอร์ที่คาด : คริสตัล พาเลซ 1-3 แมนฯซิตี้