สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย “เอเอฟซี” จัดพิธีจับสลากแบ่งกลุ่มการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2024 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีรอบคัดเลือก อย่างเป็นทางการ ที่สำนักงานเอเอฟซี กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา

โดยรอบคัดเลือกจะแบ่งออกเป็น 11 กลุ่ม คัดทีมแชมป์กลุ่ม 11 ทีม และอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 ทีม (รวม 15 ทีม) ซึ่งทีมอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มจะไม่นับแต้มจากการเจอกับทีมอันดับสุดท้ายในกลุ่ม ไปรวมกับ “เจ้าภาพ” กาตาร์ เป็น 16 ทีม เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายเดือนเม.ย. 2567 เพื่อคัด 3 ตัวแทนเอเชียไปเตะโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส

ซึ่งก่อนจับสลาก ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของ“โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร อยู่ร่วมโถ 1 กับ ซาอุดีอาระเบีย, อุซเบกิสถาน, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิรัก, เติร์กเมนิสถาน, เวียดนาม, เกาหลีใต้, จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ผลปรากฏกว่าทัพ “ช้างศึก” จะเจอกับงานไม่หนักมากนัก เมื่อถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม H ร่วมสายกับ ฟิลิปปินส์, บังกลาเทศ และมาเลเซีย

สรุปการแบ่งกลุ่มรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียยู-23 ปี มีดังนี้ กลุ่ม A จอร์แดน, บรูไน, โอมาน, ซีเรีย / กลุ่ม B เกาหลีใต้, กาตาร์, คีร์กิสถาน, เมียนมา / กลุ่ม C เวียดนาม, กวม, เยเมน, สิงคโปร์ / กลุ่มD บาห์เรน, ปากีสถาน, ปาเลสไตน์, ญี่ปุ่น / กลุ่มE อุซเบกิสถาน, อัฟกานิสถาน, ฮ่องกง, อิหร่าน/กลุ่ม F คูเวต, มาเก๊า, ติมอร์เลสเต, อิรัก / กลุ่ม G จีน, มัลดีฟส์, อินเดีย, ยูเออี / กลุ่ม H ไทย, ฟิลิปปินส์, บังกลาเทศ, มาเลเซีย, กลุ่ม I ทาร์จิกิสถาน, เกาหลีเหนือ, ลาว, ออสเตรเลีย /กลุ่ม J ซาอุดีอาระเบีย, มองโกเลีย, เลบานอน, กัมพูชา / กลุ่ม Kอินโดนีเซีย, ไต้หวัน, เติร์กเมนิสถาน

ทั้งนี้การแข่งขันในรอบคัดเลือก ไทย ได้เป็น 1 ใน 11 ชาติ “เจ้าภาพ” ร่วมกับ บาห์เรน, จีน, อินโดนีเซีย, จอร์แดน, เกาหลีใต้, คูเวต, ซาอุดีอาระเบีย, ทาจิกิสถาน, อุซเบกิสถาน และเวียดนาม ซึ่งจะแข่งขันระหว่างวันที่ 4-12 ก.ย.นี้