น่าประหลาดใจดีเหมือนกันกับข่าวคราววงการกีฬาในช่วงเวลานี้
“บาหลี” ถอนตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาชายหาดโลก หรือ ANOC World Beach Games ของสมาคมคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ (ANOC) ในเดือนหน้า
หมายความว่า การแข่งขันครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-12 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ จะถูกยกเลิก เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะหาเจ้าภาพสำรองสำหรับการแข่งขันที่มีนักกีฬา 1,500 คน จาก 130 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขันใน 31 อีเวนต์ ใน 14 กีฬา
คณะกรรมการโอลิมปิกอินโดนีเซีย (KOI) อ้างว่าพวกเขาถูกบีบให้ถอนตัวหลังจากที่รัฐบาลไม่ปล่อยงบประมาณให้จัด ซึ่ง ANOC ระบุว่า เป็นสิ่งที่ “น่าประหลาดใจอย่างยิ่งและผิดหวังอย่างมาก”
“ในขณะที่มีความท้าทายในการเตรียมเกม เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาหลายรายการที่สำคัญ ANOC ได้รับการยืนยันอย่างสม่ำเสมอจาก KOI ว่าจะพบวิธีแก้ปัญหาและเกมจะดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้”
“ANOC และ KOI ได้พบกันในการประชุมประสานงานประจำสัปดาห์ เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว และ KOI ไม่ได้ระบุว่ามีประเด็นใดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว”
รายา ซัปตา โอคตาฮารี่ ประธาน KOI ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พวกเขายังคงรอคำตอบกระทรวงเยาวชนและกีฬาของอินโดนีเซีย ยืนยันเงินทุนสำหรับงานนี้
เขาบอกกับสื่อท้องถิ่นว่า “หวังว่าเราจะสามารถดูแลกระบวนการทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม กระบวนการทั้งหมดก็จะดำเนินไป”
บาหลี ได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพในการประชุมสมัชชา ANOC ที่เกาะครีตในเดือนตุลาคม สองปีก่อน แม้ว่าในขณะนั้นประเทศจะถูกห้ามไม่ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับนานาชาติเนื่องจากองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของอินโดนีเซียถูกระงับโดยองค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA)
ต่อมา WADA ได้ยกเลิกการแบนในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา และเกาะบาหลีซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ดินแดนแห่งเทพเจ้า” และตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะชวา คั่นด้วยช่องแคบบาหลีแคบๆ ได้รับการยืนยันเป็นเจ้าภาพโดย ANOC ในเดือนมิถุนายน
มีการลงนามในสัญญาเมืองเจ้าภาพในระหว่างการประชุมสมัชชา ANOC ในกรุงโซลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 ของ ANOC World Beach Games หลังจากประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพการแข่งขันครั้งแรกในปี 2562
ซึ่ง เวยาน คอสเตอร์ ผู้ว่าการเกาะบาหลี อ้างว่า อิสราเอล จะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่ง ANOC ปฏิเสธเรื่องนี้
กลายเป็นว่า ANOC World Beach Games เป็นงานใหญ่รายการที่ 2 ที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ไม่จัดแข่งในปีนี้
ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ถอดการแข่งขันฟุตบอลโลกชายรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ออกจากอินโดนีเซีย เนื่องจากการคัดค้านในท้องถิ่นที่อิสราเอล เข้าร่วม และ คอสเตอร์ ปฏิเสธที่จะสนับสนุนการต่อต้านที่พวกเขานำเสนอในเวิลด์บีชเกมส์
มีชาวอินโดนีเซียออกมาประท้วงในกรุงจาการ์ตา เนื่องจากไม่พอใจที่นักเตะอิสราเอลจะต้องลงเล่นในประเทศของตัวเอง
ประเทศอินโดนีเซีย นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก จึงเลือกข้างปาเลสไตน์มาโดยตลอด และไม่ยอมรับอิสราเอลที่ก่อสงครามกับปาเลสไตน์ และไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว นายยาอีร์ ลาปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล กล่าวให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุกองทัพ ว่า อิสราเอลกำลังหาแนวทาง ขยายความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศมุสลิม ตาม “ข้อตกลงสันติภาพอับราฮัม” เพิ่มขึ้นอีกจาก 4 ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), บาห์เรน, ซูดาน และโมร็อกโก โดยประเทศที่หมายตาไว้คือ อินโดนีเซีย และซาอุดีอาระเบีย แต่การสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ กับ 2 ประเทศนี้ อาจต้องใช้เวลานาน
ซาอุดีอาระเบีย เป็นที่ตั้งของศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 2 แห่ง ของศาสนาอิสลาม ขณะที่ อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ทั้งสองประเทศตั้งเงื่อนไข การผูกสัมพันธ์กับอิสราเอลนับตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางปี พ.ศ. 2510 ที่มีการก่อตั้งรัฐเอกราชของชาวปาเลสไตน์ บนดินแดนที่อิสราเอลยึดครอง
ถือว่างานนี้ อินโดนีเซีย มีปัญหาแบบไม่น่าเชื่อ หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะได้สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2023 รุ่นยู-17 ปี
การเป็นเจ้าภาพถือว่า เป็นเรื่องสำคัญ มีหลักใหญ่ใจความชัดเจนก็คือ การแสดงออกถึงศักยภาพของประเทศนั้นๆ ในการรองรับอาคันตุกะจากทั่วทุกมุมโลก
นั่นเป็นการแสดงออกให้เห็นความแข็งแกร่งทาง เศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง และ กีฬา
การปฏิเสธการเป็นเจ้าภาพรายการสำคัญๆ จึงเกิดผลกระทบต่อวงกว้าง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่างๆ อาทิ เวียดนาม ที่เคยโยนการเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ 2019 ทิ้งไปจนวุ่นวายไปหมด และเป็น อินโดนีเซีย ที่รับหน้าเสื่อไปแทนพร้อมกับจัดปี 2018
เช่นเดียวกันกับเมืองไทยที่สุดท้ายก็ตัดสินใจ “เลื่อนจัด” ไปได้สำเร็จ
จากกรณีที่ คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้แสดงความกังวลใจ ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณ อาจจะขอเลื่อน หรือยกเลิก มหกรรมกีฬา “เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ ครั้งที่ 6”
ทีแรกจะจัดตั้งแต่ปี 2011 ก่อนจะโยกมาปีนี้ และมีกำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 17-26 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งจะจัดที่กรุงเทพฯ และชลบุรี แต่ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้มีข่าวถึงกับว่า “จะยกเลิก” การแข่งขัน
น่าเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก
สุดท้ายจาก “เลิก” คือ “เลื่อน” ออกไปในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยจะประสานไปยัง คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ แจ้งต่อ โอซีเอ รับทราบถึงประเด็นปัญหานี้แล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการว่า การแข่งขันจะถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง
ซึ่งในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ที่เมืองไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โอซีเอ ได้พิจารณา และประกาศอย่างเป็นทางการ ให้ ไทย เลื่อนการจัดออกไป ตามที่คณะกรรมการจัดการแข่งขัน เสนอเรื่องมาก่อนหน้านี้
สรุปคือจะให้เลื่อนจาก วันที่ 17-26 พฤศจิกายน 2566 ออกไปเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์-6 มีนาคม 2567
ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย เจ้าภาพครั้งต่อไป ก็ขอขยับจากปี 2025 ไปเป็นปี 2026 ด้วย เพื่อให้มีเวลาเตรียมการและเตรียมนักกีฬา
งานนี้สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความก็คือ นี่คือเรื่องของ “ประเทศชาติ” ไม่ใช่เรื่องของ “รัฐบาล”
ทำอะไรต้องมีแผน อะไรที่ดีต้องเดินต่อ อย่ามั่วอีนุงตุงนัง
หากยังแก้ปมตัวเองกันไม่ได้
อย่าคิดเสนอ(หน้า)เป็นเจ้าภาพกีฬาใหญ่ๆ อะไรอีกเลย....น่าสมเพช และน่าอายสิ้นดี
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี