“แผ่นดินแม่แห่งวงการฟุตบอล” ทุกคนได้ยินก็ต้องนึกถึงลำดับแรกคือ “อังกฤษ” แบบแทบจะไม่ติดขัด

พวกเขากลายเป็น “ชาติแรก” ของวงการฟุตบอลได้อย่างไร?!?!? ทั้งที่มีการดวลแข้งกันมายาวนาน

ทั้งที่ “บันทึกโลกแห่งฟุตบอล” ผ่านทาง “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ” หรือ ฟีฟ่า ก็ชัดเจนอยู่ว่า เป็นอย่างบรรทัดต่อไป

ปี 1130-1160 “ซือ-ซู” (Tsu-Chu) แบบจีน ได้รับการยอมรับจากฟีฟ่า ว่าเป็นรุ่นแรกของเกมที่มีกฎระเบียบปกติของฟุตบอล

หรือเป็นแนวของกรีกโบราณอย่าง Amcient Greek ที่มีรูปแกะสลักบันทึกไว้ 400-375 ก่อน ค.ศ. รวมถึงพวกโรมันที่มีการเล่นที่เรียกว่า (Harpastum)

นอกจากนี้ยังมี ฝรั่งเศส ที่เรียกว่า “ซูเลอ” (Soule) และ อิตาลี ที่เรียก จิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio)

ปี 1536 อังกฤษ ได้ เวลส์ มารวมตัวกัน กลายเป็น “คิงดอมออฟ อิงแลนด์” ตามมาอย่างเป็นทางการคือ สกอตแลนด์ ส่วน ไอร์แลนด์เหนือ คือชาติสุดท้ายที่เข้าร่วมกับ อังกฤษ หลังจากการแยกไปเป็น สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่ง ไอร์แลนด์เหนือมาร่วมกับ อังกฤษ, สกอตแลนด์ และเวลส์ ให้เป็น “ยูไนเต็ดคิงดอม ออฟ เกรท บริเตน และไอร์แลนด์เหนือ” ในยุค 1801

แล้วพวกเขากลายเป็น “ชาติแรก” ของวงการฟุตบอลได้อย่างไร?!?!?

หรือเพราะว่าไม่สามารถจะมี “บันทึกใด” ที่จะยืนยันความจริงที่แท้ทรูว่า ใครเป็นผู้ให้กำเนิดกันแน่

เรื่องนั้นหายังไงก็เจอยาก แต่ถ้าว่ากันถึงลายลักษณ์และอักษร ชัดเจนมากๆ ว่า มันเกิดขึ้นที่เกาะมหาสมบัติแห่งกระนี้

แนวคิดของ นาธาเนี่ยล เครสวิค กับ วิลเลี่ยม เพรสต์ จัดตั้งทีมฟุตบอลขึ้นมา โดยพัฒนาจากทีมคริกเกต

ทั้งสองท่าน เริ่มจัดการประชุมและก่อตั้งสโมสร เชฟฟิลด์ เอฟซี อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปี ค.ศ.1857 หรือ พ.ศ.2400 ณ พาร์คฟิลด์ เฮาส์ ย่านไฮจ์ฟิลด์

ก่อนจะร่วมกันเขียน “กฎกติกาแห่งฟุตบอล” มาปรากฏโฉมต่อทุกคนในอีก 1 ปีต่อมา จนเป็นที่รู้จักในนามของ The Sheffield Rules

บันทึกเอาไว้ว่า เกมแรกของระดับสโมสร (The world’s first inter-club football match) เกิดขึ้นที่อังกฤษ เมื่อ ทีมฮาแลมฟุตบอล คลับ เปิดบ้านดวลกับ เชฟฟิลด์ เอฟซี เมื่อ 26 ธันวาคม วันบ็อกซิ่งเดย์ ปี 1860 ที่สนามแซนดี้เกต โรด

ได้รับฉายาว่า Rules derby ผลคือ เชฟฟิลด์ เอฟซี ชนะ 2-0

ต่อด้วยทำการจัดตั้งสมาคมลูกหนัง เมื่อปี 15 ตุลาคมปี 1863 พร้อมกับออกกฎกติกาต่างๆ มากมาย

เท่ากับประเทศอังกฤษ กลายเป็นแผ่นดินแม่ไปโดยปริยาย ทั้งมีการเขียนกฎฟุตบอล, จัดตั้งสโมสรทีมแรกอย่างเป็นทางการของโลก รวมถึงการแข่งขันครั้งแรกในระดับสโมสร

จากนั้นความต่อเนื่องเกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 1870-1872 อังกฤษ กับ สกอตแลนด์ เคยเตะกันมา 5 นัด โดยเกมแรกในวันที่ 5 มีนาคม 1870 ภายใต้การริเริ่มของ ชาร์ลส์ วิลเลี่ยม “ซี.ดับบลิว.” อัลค็อก บุรุษหนุ่มชาวซันเดอร์แลนด์

อัลค็อก เป็นทั้งนักกีฬา ผู้บริหาร นักเขียน และบรรณาธิการชาวอังกฤษ เขาเป็นผู้ริเริ่มหลักการพัฒนาทั้งฟุตบอลและคริกเกตระดับนานาชาติ ตลอดจนเป็นผู้คิดริเริ่มและรังสรรค์ฟุตบอล “เอฟเอ คัพ”

ผลการเตะนัดแรกเสมอกัน 1-1 ซึ่ง อัลค็อก เป็นกัปตันทีมในเกมนั้น ซึ่ง อังกฤษ เองแทบจะวางวายไล่ตีเสมอในนาทีที่ 89 จาก อัลเฟรด บาเกอร์

ทั้งสองทีมเตะกันต่อมาอีก 4 นัด รวมเป็น 5 เกม อังกฤษ ชนะ 3 เสมอ 2 ซึ่งทุกเกมเตะที่สนาม “ดิ โอแวล” มหานครลอนดอน

อย่างไรก็ตาม พวกสกอตติชไม่นับผลการแข่งขันที่ออกมา ก็เพราะสืบเนื่องมาจากมีนักเตะสกอตฯ เพียงคนเดียวเท่านั้น!!

จนมาถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 1872 ทั้งสองประเทศตกลงกันได้ และนัดกันมาเตะตรงกับ “วันเซนต์แอนดรูว์” ซึ่งเป็นวันชาติของสกอต

เกมดวลแข้งมีขึ้นที่ “แฮมิลตัน เครสเซนต์” ของสโมสร เวสต์ ออฟ สกอตแลนด์ คริกเกต คลับ ที่แพทริค กรุงกลาสโกว์ประเทศสกอตแลนด์

11 นักเตะของสกอตแลนด์ คัดเลือกมาจากทีมควีนส์พาร์คซึ่งเป็นทีมจ่าฝูงของลีกวิสกี้ ในเวลลานั้น พร้อมกับให้ โรเบิร์ต การ์ดเนอร์ ผู้รักษาประตูรับบทเป็นกัปตันทีมด้วย ซึ่งพวกเขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้ม หรือ Dark Blue

พร้อมกับมี โรเบิร์ต กับ เจมส์ สมิธ เป็นคู่พี่น้องลงสนามคู่แรกของโลก ในเกมแรกระดับชาติของโลกอีกด้วย

ขณะที่ อังกฤษ มาในชุดสีขาว มีผู้เล่นมาจากหลายสโมสรทั้งเฮิร์ดฟอร์ดเชียร์ เรนเจอร์ส, น็อตต์ส เคาน์ตี้, แฮร์โรว เชเคอร์ส,ซัวรี่ย์ ริฟล์ส, เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์, คริสตัล พาเลซ, บาร์เนส, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยมีนักเตะตัวหลักมาจาก มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 2 คน หนึ่งในนั้นคือ คูธเบิร์ต อ็อตตาเวย์ เป็นกัปตันทีม

ส่วนผู้ตัดสินคือ วิลเลี่ยม เคย์ จากสกอตแลนด์

ลงท้ายเกมคู่นี้จะเสมอกันไป 0-0 มีผู้เข้าร่วมชมเกมทั้งสิ้น 4,000 คน

นี่คือเกมที่ถูกบันทึกเอาไว้ว่า เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติครั้งแรกของโลก และถึง ค.ศ.นี้ครบ 150 ปี

ทั้งคู่จึงมาดวลแข้งกันอีกครั้ง ที่กลาสโกว์ เป็นการระลึกถึงความยิ่งใหญ่

Home of football ในชื่อที่อลังการงานสร้างที่ว่า150th Anniversary Heritage Match เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา.......

บี แหลมสิงห์