ขอเสริมอีกนิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬากับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่สบายดี คือ ปัจจุบันนี้โลกเรา โดยเฉลี่ยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว กล่าวคือ มีประชากรทั้งโลกมีอายุเกิน 60 ปีมากกว่า 10% ประเทศไทยเราเอง มีประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปี ถึง 20% ในปี พ.ศ.2566 และจะเป็น 28-30% ใน พ.ศ.2576 ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิทยาศาสตร์การกีฬาสามารถช่วยทำให้ทุกๆ คน-ถ้าสนใจและมีวินัย-สูงอายุอย่างมีคุณภาพได้ ทั้งนี้ในปัจจุบันนี้ประชาชนไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น แต่เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมาอย่างยาวนาน จึงมีอายุยืนยาว แต่เต็มไปด้วยโรคที่ไม่ติดต่อ (NCDs-non communicable diseases) ต่างๆ นานา มาก ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีพอ

ถ้าทุกๆ คนทำตามที่ผมเขียนไว้ เช่น กินอาหาร ออกกำลังกายที่ถูกต้อง เหมาะสมและอื่นๆ ทุกๆ คนจะมีอายุที่ยืนยาวขึ้น และอย่างมีคุณภาพ กล่าวคือ จะ “add years to life and life to years”

ความรู้ทางด้านวิทยาศาตร์การกีฬา จะสามารถทำให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย รักษาโรคต่างๆ ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ เช่น โรคที่มาจากพันธุกรรม การซื้อขายนักฟุตบอลที่มีราคาแพง จะต้องทำการตรวจร่างกาย และตรวจด้วยเครื่องมือต่างๆ อย่างละเอียด ซึ่งอาจใช้งบประมาณในการนี้เป็นอย่างมาก เช่น การตรวจหัวใจตามธรรมดาและด้วยการฟังเสียงหัวใจด้วยเครื่อง stethoscope, หรือ ECG, เอกซเรย์ปอด ทั้งนี้ การตรวจต่างๆ นี้อาจตรวจไม่พบอะไร อาจต้องตรวจเพิ่มด้วย echocardiogram, MRI หัวใจ ฯลฯ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีการต่างๆ นี้ ต้องใชงบประมาณแพง แต่คุ้ม ถ้าการซื้อนักกีฬามีราคาแพง ผมเองในฐานะนายกสมาคมกีฬาเวชศาสตร์ อยากให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการตรวจร่างกายนักกีฬาในระดับต่างๆ อย่างมีหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่า เราควรตรวจอะไรบ้าง เช่น echocardiogram, MRI ฯลฯ มากน้อยแค่ไหน ในระดับไหน เพื่อป้องกันการเกิดโรคระหว่างการเล่นกีฬา เช่น หัวใจหยุดเต้นอย่างกะทันหันระหว่างการเล่นกีฬา เช่น Ericksen นักเตะกองกลางของปีศาจแดง ที่โชคดีที่ทางการแพทย์สามารถทำการปั๊มหัวใจจนฟื้นกลับคืนชีพขึ้นมา และยังสามารถเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพต่อได้จนถึงทุกวันนี้

ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์การกีฬา สามารถศึกษา วิจัย จนมีข้อมูลว่ากีฬาอะไร ควรเริ่มฝึกเมื่ออายุเท่าไหร่ ฝึกอย่างไร จะได้พอเหมาะสำหรับอายุ เพศ ไม่มาก ไม่น้อยไป เพื่อไม่ทำให้เกิด overtrain เกิด burnt out เกิดการบาดเจ็บ โดยไม่เริ่มฝึกช้าเกินไป ยิ่งฝึก-ถ้าเหมาะสม-ยิ่งเร็วยิ่งดี เช่น ยกน้ำหนัก ฝึกเร็วไปอาจมีผลเสีย เวลาเริ่มฝึกอาจสอนเทคนิคในการยก มากกว่าจะยกน้ำหนักได้มากแค่ไหน มวย ควรชกหรือไม่ การชกมวยเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ต่อสมอง เพราะแม้แต่นักฟุตบอลที่โหม่งลูกบอลบ่อยๆ ยังมีหลายคนที่เป็นโรคสมองเสื่อม แต่คงยกเลิกกีฬานี้ได้ยาก แต่วงการแพทย์จะต้องศึกษาว่า หนึ่ง กีฬาต่างๆ มีผลเสียต่อสมอง ร่างกายอย่างไร หรือไม่ จะลดความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างไร และต้องเสนอต่อสมาคม วงการกีฬา รัฐบาล ฯลฯ โดยเฉพาะการชกมวยในเด็ก เกี่ยวกับมาตรการในการป้องกัน

คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ทุกอย่างในชีวิตมีทั้งพรสวรรค์ และพรแสวง บางคนเกิดมามีกล้ามเนื้อเพื่อวิ่งเร็ว บางคนเกิดมามีกล้ามเนื้อเพื่อวิ่งทน บางคนเกิดมาเพื่อเป็นนักกีฬา บางคนเกิดมามีตัวสูงใหญ่ เหมาะสำหรับกีฬาที่ต้องการความสูง เช่น volley ball, net ball ฟุตบอล(บางตำแหน่ง) รักบี้ ฯลฯ

และวิทยาศาสตร์การกีฬา สามารถที่จะให้แนวทางการฝึก ฝึกอย่างไรที่จะทำให้นักกีฬามีประสิทธิภาพการเล่นกีฬาไปถึงศักยภาพของเขา การตรวจผลของการฝึกของนักกีฬาแต่ละคน แต่ละกีฬา ว่าควรเป็นไปอย่างไร โดยต้องฝึกให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แต่ต้องไม่มากเกินไป (overtrain) ทั้งนี้ ก่อนซ้อม แข่ง ต้องมีการอุ่นเครื่อง ยืดตัว ฝึก ออกกำลังกายที่ถูกต้อง เหมาะสม คลายความร้อน ยืดตัวที่เหมาะสม รวมทั้งมีการทำกายภาพบำบัดเพื่อการฟื้นฟูร่างกายให้สมบูรณ์เร็วที่สุด

การนอนที่เหมาะสม รวมทั้งการเดินทางไปแข่งที่ต่างประเทศ jet lag การวินิจฉัย รักษา ฟื้นฟูโรค การบาดเจ็บ ที่เร็วที่สุด ถูกต้อง เมื่อไหร่จึงจะกลับมาซ้อม มาแข่ง ได้อีก อย่างปลอดภัย ไม่ใช่กลับมาก่อนพร้อม และเกิดอาการบาดเจ็บอีก ซ้ำๆ ซากๆ