การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง หลังพักเบรกไปให้กับโปรแกรมทีมชาติ โดยในคืนวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566 มีลงสนามถึง 8 คู่ เป็นเกมที่น่าสนใจ ทั้งเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ รวมไปถึงลอนดอน ดาร์บี้ และลุ้นจ่าฝูงเปลี่ยนมือมีดังนี้

18.30 น. ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน ไปเริ่มกันที่คู่แรกในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ลงเล่นในเวลา 18.30 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตันถ้าหาก หงส์ชนะเกิน2ประตู

เจ้าถิ่นเจอข่าวร้ายในช่วงพักเบรกทีมชาติเมื่อต้องเสีย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ๊กซ้ายคนสำคัญที่บาดเจ็บจากการรับใช้ทีมชาติสกอตแลนด์มีแววต้องพักหลายสัปดาห์ แต่ก็ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อได้ โคดี้ กัคโป แนวรุกชาวดัทช์ที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาซ้อมแล้ว รวมไปดีโอโก้ โชต้า ที่พ้นโทษแบน และบรรดานักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ที่ต้องเดินทางไกลก็กลับสู่ทีมทั้งหมด แต่ที่ลงไม่ได้แน่ๆ คือ เคอร์ติช โจนส์ ที่ติดโทษแบนหลังอุทธรณ์ไม่ผ่าน

ทางฝั่งผู้มาเยือน รั้งอันดับ 16 ของตาราง ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 5 มี 7 คะแนน ช่วงหลังถือว่าฟอร์มดีขึ้นถล่ม เอเอฟซี บอร์นมัธ 3-0 ก่อนจะพักเบรกทีมชาติ ทีมของ ฌอน ไดซ์ ยังไม่มี เซมุส โคลแมน, เดเล่ อัลลี และอันเดร โกเมซ ที่บาดเจ็บนอกนั้นตามรายงานไม่มีปัญหาอะไร มาในระบบ 4-4-1-1 นำโดยดไวท์ แม็คนีล, เจมส์ การ์เนอร์, อมาดู โอนาน่า,แจ็ค แฮร์ริสัน, อับดูลาย ดูคูเร่ และโดมินิคคัลเวิร์ต-ลูวิ่น

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่าชนะ 3 เสมอ 1 และเอฟเวอร์ตัน ชนะ 1

สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 3-1 เอฟเวอร์ตัน

21.00น. แมนเชสเตอร์ ซิตี้-ไบรท์ตัน : “เรือใบสีฟ้า” ช่วงนี้ฟอร์มไม่ดีแพ้ไป 3 จาก 4 เกมหลังสุด ก่อนพักเบรกทีมชาติก็พ่ายให้กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทำให้พวกเขาหล่นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง เกมนี้ทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่ายังไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ ที่พักยาว ข่าวดีคือการได้ โรดรี้ ห้องเครื่องคนสำคัญที่พ้นโทษแบนกลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา สามแนวรุกเลือก ฟิล โฟเด้น ลงประสานงานกับ ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ และเฌเรมี่ โดกู โดยมีเออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ยืนเป็นหน้าเป้า

ทางฝั่ง “นกนางนวล” ฟอร์มไม่ดีเหมือนกันไม่ชนะใครในการลงเล่น 4 เกมหลังสุด เกมนี้ยังไม่มี ฮูลิโอ เอ็นซิโซ่ และเปอร์วิส เอสตูปิญาน ที่บาดเจ็บ ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ รอทดสอบความฟิตที่เหลือถือว่าพร้อมลงสนาม คาร์ลอส บาเลบาที่ผลงานดีในเกมที่ดวลกับลิเวอร์พูลน่าจะได้สตาร์ทตัวจริง ประสานงานกับ ปาสกาล กรอส,ไซม่อน อดินกร้า, ชูเอา เปโดร, คาโอรู มิโตมะ และอีแวน เฟอร์กูสัน

สกอร์ที่คาด : แมนฯซิตี้ 3-2 ไบรท์ตัน

23.30 น. แมนเชสเตอร์ ซิตี้-ไบรท์ตัน : เกมลอนดอน ดาร์บี้ “สิงห์บลูส์” เชลซี จะเปิดถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ“ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล

เจ้าถิ่น เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอโปเช็ตติโน่ เริ่มฟอร์มดีชนะ 3 เกมรวดก่อนพักเบรกทีมชาติ แต่ก็ยังมีปัญหาให้ต้องปวดหัว เมื่อต้องขาดวิงแบ็คสองฝั่งอย่าง รีซ เจมส์ และเบน ชิลเวลล์ ที่บาดเจ็บ รวมไปถึง เวสลีย์ โฟฟาน่า, โรมิโอ ลาเวีย และคริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู นอกนั้นต้องรอทดสอบความฟิตบางราย แต่ตำแหน่งแบ๊กขวายังดีที่ได้ มาโล่ กุสโต้ พ้นโทษแบนกลับมาพอดี ที่เหลือนำโดย มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, คอนอร์ กัลลาเกอร์, โคล พัลเมอร์, นิโคลัส แจ็คสัน และราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ทางฝั่งทีมเยือน อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งในสองทีมร่วมกับ สเปอร์ส ที่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ใครในลีก ชนะ 6 เสมอ 2 มีอยู่ 20 คะแนน ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังไม่มี เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ และเลอันโดร ทรอสซาร์ ที่บาดเจ็บ ข่าวดีคือมีแนวโน้มที่จะได้ วิลเลี่ยม ซาลิบา และบูคาโย่ ซาก้า กลับมาเป็นตัวจริง นอกนั้นตามรายงานไม่มีปัญหาอะไร เดแคลน ไรซ์ ปักหลักคุมแดนกลางปล่อยให้ฟาบิโอ วิเอร่า และมาร์ติน โอเดการ์ด มีอิสระในการปั้นเกมรุก สามแนวรุกวาง บูคาโย่ ซาก้า ประสานงานกับ กาเบรี่ยล เฮซุส และกาเบรี่ยล มาร์ติเนลลี่

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุดไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ อาร์เซน่อล เหนือกว่าเยอะชนะ 4 ส่วน เชลซี ชนะ 1 ถ้าชนะ อาร์เซนอล จะนำเดี่ยวๆ

สกอร์ที่คาด : เชลซี 2-3 อาร์เซน่อล