การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลคาราบาวคัพหรือ ลีกคัพ 2023/24 คืนวันอาทิตย์นี้ เวลา22.00 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ 9 สมัยสูงสุดของรายการนี้ ดวลกับ “สิงห์บลูส์” เชลซีแชมป์ 5 สมัย
ความพร้อมของเกมนี้ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผลงานในลีกรั้งอันดับ 10 ของตาราง ส่วนเส้นทางในรายการนี้ต้องไปเริ่มฟาดแข้งตั้งแต่รอบ 2 เอาชนะ เอเอฟซีวิมเบิลดัน 2-1, รอบ 3 ชนะ ไบรท์ตัน 1-0, รอบ 4 ชนะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0, รอบ 5เสมอกับนิวคาสเซิ่ล 1-1 ดวลจุดโทษชนะ 4-2 และรอบรองชนะเลิศพ่ายให้กับ มิดเดิ้ลสโบรชห์ 1-0 ในเลกแรก ก่อนจะกลับไปถล่มเอาคืนที่เดอะ บริดจ์ 6-1
สภาพทีมยังไม่มี เวสลีย์ โฟฟาน่า, รีซ เจมส์,เบอนัวต์ บาเดียชิล, โรเมโอ ลาเวีย, มาร์คคูคูเรลญ่า และเลสลีย์ อูโกชุควู ที่บาดเจ็บ นอกนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรจัดทัพในระบบ 4-2-3-1 มอยเซส ไคเซโด้ คุมแดนกลางร่วมกับเอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แนวรุกวาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ประสานงานเกมรุกร่วมกับ คอนอร์ กัลลาเกอร์ และนิโคลัส แจ็คสัน พร้อมดันเอาโคล พาลเมอร์ ไปเล่นฟอลส์ไนน์
ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์รายการนี้มากที่สุด 9 สมัย ปัจจุบันยังนำจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เส้นทางรายการนี้สตาร์ทที่รอบ 3 ถล่มเลสเตอร์ ซิตี้ 3-1, รอบ 4 บุกเฉือนบอร์นมัธ 2-1, รอบ 5 ถล่มเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-1 และรอบรองชนะเลิศเลกแรกเปิดแอนฟิลด์เฉือนฟูแล่ม 2-1 ก่อนจะบุกไปเสมอที่ลอนดอน 1-1 ในเลก 2 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 3-2
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ยืนยันแน่นอนว่า ดีโอโก้ โชต้า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อลิสซอน เบ็คเกอร์, เคอร์ติส โจนส์, โฌเอล มาติ๊ป,สเตฟาน บาจเซติซ และธีอาโก้ อัลคันทาร่า บาดเจ็บลงสนามไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องรอเช็คฟิต ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโดมินิค โซโบสไล ต้องทดสอบความฟิต เชื่อว่า 2 รายแรกจำเป็นต้องเข็นลงไปประสานงานกับ หลุยส์ ดิอาซ ส่วนแผงกลางวาง อเล็กซิสแม็ค อัลลิสเตอร์ เล่นร่วมกับวาตารุ เอ็นโด และไรอัน กราเฟนแบร์ช
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เลย ชนะ 1 เสมอ 4 เจอกันในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปี 2022 เสมอ 0-0 ไปดวลจุดโทษ “หงส์แดง” แม่นกว่าชนะ 11-10 คว้าแชมป์สมัยที่ 9 ไปครองได้สำเร็จ
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เชลซี (4-2-3-1) : ยอร์เย่ เปโตรวิช,มาโล่ กุสโต้, อักเซล ดิซาซี่, เลวาย โคลวิลล์,เบน ชิลเวลล์, มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ่เฟร์นานเดซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, คอนอร์ กัลลาเกอร์,นิโคลัส แจ็คสัน และโคล พาลเมอร์
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์, คอนอร์ แบรดลีย์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีลฟาน ไดจ์ค, แอนดรูวฺ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, วาตารุ เอนโดะ, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี้ กัคโป้และหลุยส์ ดิอาซ
สำหรับ ลิเวอร์พูล ครองแชมป์ 9 สมัย 1981, 1982, 1983, 1984, 1995, 2001, 2003, 2012, 2022 รองแชมป์ 4 สมัย 1978, 1987, 2005, 2016 ฟากฝั่ง เชลซี แชมป์5 สมัย 1965, 1998, 2005, 2007, 2015 รองแชมป์ 4 สมัย 1972, 2008, 2019, 2022
สกอร์ที่คาด : เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล
*สถิติเจอกัน 9 นัดในลีกคัพ*
30 สิงหาคม 1977 รอบ 2 ที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 2-0(จิมมี่ เคส, เคนนี่ ดัลกลิช)
1 พฤศจิกายน 2000 รอบ 3 ที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 2-1(ต่อเวลา แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ น.11, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ 104-จานฟรังโก้ โซล่า น.29)
27 กุมภาพันธ์ 2005 รอบชิง ที่มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม
เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 (ต่อเวลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด/ทำประตูตัวเอง น.79, ดีดิเยร์ ดร็อกบา น.107, มาเตญ่า เคซมัน น.112-ยอห์น อาร์เน รีเซ น.1, อันโตนิโอ นูเนซ น.113)
19 ธันวาคม 2007 รอบ 5 ที่เดอะ บริดจ์
เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 (แฟรงค์ แลมพาร์ด น.59, อังเดร เชฟเชงโก้ น.90)
29 พฤศจิกายน 2011 รอบ 5 ที่เดอะ บริดจ์
เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (มักซี่ โรดริเกวซ น.58,มาร์ติน เคลลี่ น.63)
20 มกราคม 2015 รอบรองฯ นัดแรก ที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 1-1 (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.59-เอแด็ง อาซาร์ จุดโทษ น.18)
27 มกราคม 2015 รอบรองฯ นัดสอง ที่เดอะ บริดจ์
เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 ต่อเวลา (บรานิสลาฟอิวาโนวิช น.94)
26 กันยายน 2018 รอบ 3 ที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 1-2 (แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.58-เอแมร์ซอน น.79, เอแด็ง อาซาร์ น.85)
27 กุมภาพันธ์ 2022 รอบชิงฯ ที่นิว เวมบลีย์
เสมอ 0-0 ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ 11-10
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี