ฟุตบอลคาราบาว คัพ ฤดูกาล 2023-24 นัดชิงชนะเลิศ วันที่ 25 ก.พ. ระหว่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สนาม เวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ผลงานในถ้วยนี้ เชลซี เคยได้แชมป์ 5 สมัยเมื่อฤดูกาล 1964-65, 1997-98, 2004-05, 2006-07, 2014-15 ส่วน ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ 9 สมัยเมื่อฤดูกาล 1980-81, 1981-82, 1982-83, 1983-84, 1994-95, 2000-01, 2002-03, 2011-12, 2021-22
เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 33 เชลซี เกือบจะได้ประตูออกนำ จากการส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายของ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่กลายเป็นลูกล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะของ นิโคลัส แจ็คสัน ทำให้เกมยังเสมอกัน 0-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลัง ในนาที 60 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูออกนำจากลูกฟรีคิกทางกราบซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ขึ้นโหม่งเข้าประตูไป แต่เมื่อเช็ก VAR ปรากฎว่า วาตารุ เอ็นโด ผู้ที่เข้ามาขวางตัวประกบอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเสียก่อน ทำให้ยังขึ้นนำไม่ได้ สกอร์ยังเป็น 0-0 ทำให้จบ 90 นาที เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 118 จากการโหม่งเข้าไปของเวอร์จิล ฟาน ไดค์ และเป็นประตูชัยให้ทีมหงส์แดงคว้าแชมป์สมัยที่ 10 ไปครอง โดยเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้ครั้งที่ 2 ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี