เรื่องราวของอดีตยอดนักเตะแข้งทองอย่าง “ดีเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า” ยังคงดำเนินต่อไป แม้ตัวเขาจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว……

สุดยอดตำนานแห่งอาร์เจนตินาลาจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 60 ปีเท่านั้น เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2020

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทายาทของดีเอโก มาราโดน่า ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายในฝรั่งเศส เพื่อขัดขวางการขายถ้วยรางวัลบัลลงดอร์ (The Ballon d’Or trophy)ที่มอบให้กับตำนานชาวอาร์เจนตินา หลังจากจบฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก ซึ่ง อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สอง และ มาราโดน่า ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก

มาราโดน่าได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกหลังฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก ภายใต้การทำทีมของโค้ชคาร์ลอส บิลาร์โด

ปิเบ เด โอโร the Pibe de Oro หรือ โกลเด้น บอย ครองตำแหน่งแชมป์โลกและเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในดินแดนแอซเท็ก

หลังจากเอาชนะ เยอรมนี(ตะวันตก ในสมัยนั้น) 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศ หนึ่งในตำนานนักเตะโลกอย่าง ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ ซึ่งเป็นกุนซือ “อินทรีเหล็ก” ในเกมนั้น พร้อมกับนักเตะที่หลายคนมองว่ามาราโดน่า เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ไม่เพียงแต่ชูถ้วยรางวัลเท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัลแข้งทอง หรือ Golden Ball สำหรับผู้เล่นที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนท์บอลโลก ที่เม็กซิโก 1986 อีกด้วย

มาราโดน่า มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด กับการมีส่วนถึง 10 ประตูจาก 14 ประตู ของอาร์เจนตินา โดยยิงได้ 5 ประตู และแอสซิสต์5 ประตู จาก 7 นัด เขาเป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์สูงสุดของทัวร์นาเมนท์เป็นกัปตันทีม และเป็นจิตวิญญาณของทีมอัลบิเซเลสเต

นอกเหนือจากความสำเร็จเหล่านี้แล้ว “เอล ดีเอโก” ยังครองสถิติการถูกทำฟาวล์มากที่สุดและการเลี้ยงบอลสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลโลก ซึ่งทั้งสองรายการนี้ยังคงอยู่ ตามข้อมูลของ สถิติอย่างเป็นทางการจาก the Conmebol portal.

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแมตช์ที่น่าจดจำที่สุดของฟุตบอลโลกปี 1986 คือการพบกับอังกฤษในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่ง มาราโดน่าทำประตูได้ 2 ประตู ซึ่งเป็นประตูที่ปีศาจที่สุด และเป็นประตูที่เทวดาที่สุดในเกมเดียว

การเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบในการเจอกับอังกฤษ ยิง 7 ครั้ง (เข้าเป้า 3 ครั้ง), สร้างโอกาสได้ 5 ครั้ง, โดนทำฟาวล์ 7 ครั้งและเลี้ยงบอลสำเร็จ 12 ครั้ง นั่นคือเครื่องหมายที่ทุกคนไม่เคยเลือน

สถิติต่างๆ อาจจะไม่ได้ถูกบันทึก หากไม่มีตราประทับจากการยิงประตูที่ “เทวดาที่สุด” ประตูที่ 2 ของเกม หลังจากเขาทำ “แฮนด์ ออฟ ก๊อด” ในประตูแรก

ในนาทีที่ 55 อัจฉริยะชาวอาร์เจนตินาเลี้ยงบอลผ่านความร้อนแรง ผ่านระดับความสูงในประเทศเม็กซิโก ด้วยการพาบอลหนีผู้เล่นอังกฤษ 5 คน นั่นคือ เกล็น ฮ็อดเดิล, ปีเตอร์ รีด,เทอร์รี่ บุตเชอร์, แกรี่ เฟนวิค และผู้รักษาประตู ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปพังสกอร์ในระยะ 68 เมตร

เป็นประตูที่สวมมงกุฎเขาเป็น “อัจฉริยะฟุตบอลโลก”

น่าสนใจก็คือ มีการมอลบัลลงดอร์ให้กับ มาราโดน่าปรากฏว่า รางวัลดังกล่าวนี้ก็ได้หายไป เป็นเวลาหลายสิบปีก่อนที่จะถูกพบโดยพ่อค้าวัตถุโบราณในเมืองหลวงของฝรั่งเศส

หลังจากยืนยันแหล่งที่มาแล้ว มันก็ถูกนำไปขายและมีกำหนดประมูลโดยบริษัทประมูล Aguttes ในเมือง Neuilly-surSeine ใกล้กรุงปารีสในวันที่ 6 มิถุนายนนี้

โลลา ชูเนต์ ทนายความ อ้างว่า ทายาทของมาราโดน่า รวมถึงลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้ง 5 ของเขา (ดัลมา, ยานินา, จานา,ดิเอกีโต เฟอร์นันโด และดิเอโก จูเนียร์) เป็นเจ้าของโดยชอบธรรมของถ้วยรางวัลที่น่าจดจำนี้

จากข้อมูลของครอบครัวมาราโดน่า ถ้วยรางวัลที่มอบให้พ่อของพวกเขาที่ลิโด้ คาบาเร่ต์ ในปารีส เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1986 ถูกขโมยไปในระหว่างการปล้นธนาคารในเนเปิลส์ 3 ปีต่อมา พร้อมด้วยข้าวของอื่นๆ ของ มาราโดน่า

ครอบครัวของ มาราโดน่า อ้างว่าพวกเขาเพิ่งทราบเกี่ยวกับการประมูลเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และได้ดำเนินการทางกฎหมายทันทีเพื่อพยายามนำมันกลับมา

“ครอบครัวต้องการได้ลูกบอลทองคำนี้กลับคืนมา ชาวอาร์เจนตินาต้องการได้ลูกบอลนี้คืน” ทนายความ กล่าวกับศาลในเมืองน็องแตร์ นอกกรุงปารีส

ในทางกลับกัน อาร์ตูร์ กาอุเยร์ ทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของ Aguttes แย้งว่า “การพยายามอ้างสิทธิ์ในทรัพย์สิน 35 ปี หลังจากการถูกกล่าวหาว่าขโมย โดยไม่เคยยื่นเรื่องร้องเรียน เป็นแนวทางที่ฉวยโอกาสซึ่งความยุติธรรมไม่สามารถทนได้”

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทนายความของบริษัทประมูลและผู้ขายถ้วยรางวัล อ้างว่า ครอบครัวมาราโดนาไม่สามารถแสดงหลักฐานการร้องเรียนที่ยื่นในเวลานั้นได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมการประมูลจึงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัย เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

แม็กซิมิเลียน อากุตเตส ผู้อำนวยการบริษัทประมูลกล่าวว่า มาราโดน่า ได้ทิ้งมันไว้ที่ลิโดในคืนที่ได้รับรางวัล ไม่เคยเก็บกลับไปเลย!!!!

พ่อค้าของเก่าที่ได้รับถ้วยรางวัลดังกล่าว กล่าวว่า เขาซื้อถ้วยรางวัลหลายร้อยใบจากการประมูลเมื่อปี 2016 “ในลอตเดียวกัน” ซึ่งส่วนใหญ่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อย

“เขาซื้อมันมาในราคา 500 ยูโรไม่รวมค่าธรรมเนียม”มารีน เลอ บิฮาน ทนายความของผู้ขายอธิบายในราคาที่มีมูลค่าแต่ละถ้วยรางวัลอยู่ที่ 1.20 ยูโร ก่อนที่จะตระหนักว่า ถ้วยใบนี้อาจเป็นบัลลงดอร์ของ มาราโดน่า ก็เป็นไปได้

เรื่องที่น่าสนใจก็คือ คดีอาจจะจบง่ายๆ เพราะรางวัลนี้มีการอ้างอิงว่า มาราโดน่า ได้รับเมื่อปี 1995 ไม่ใช่ปี 1986 เพราะฉะนั้นการหายไปจากการปล้นที่เนเปิลส์ อาจจะไม่เกี่ยวกับบัลลงดอร์เจ้ากรรมอันนี้ก็ได้!!!!

นอกเหนือจากการกล่าวอ้างของผู้ถือถ้วยรางวัลแล้ว ยังมีการฟ้องร้องและศาลจะตัดสินในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ว่า จะมีการประมูล “ลูกบอลทองคำ” จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่

หลายคนอาจจะสงสัยนั่นก็คือ ปกติแล้วเค้าไม่มีการให้บัลลังดอร์ในยุคนั้นกับนักเตะที่ไม่ใช่คนยุโรป....มิใช่เหรอ

แน่นอนว่า ถ้วยรางวัลดังกล่าวนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับ บัลลังดอร์ปกติ หรือ Ballon d’Or ที่นิตยสาร France Football มอบให้แก่ผู้เล่นที่ดีที่สุดแห่งปี เนื่องจากในเวลานั้นย้ำกันอีกทีว่า นิตยสารฝรั่งเศส จะมอบรางวัลให้กับผู้เล่นที่เกิดในยุโรปเท่านั้น

แต่นี่คือ The Honorary Ballon d’Or หรือรางวัลบัลลงดอร์กิตติมศักดิ์ นั่นเอง

ทนายความของครอบครัวมาราโดนาจะพยายามหยุดการขาย แต่พวกเขาก็เผชิญกับความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน เนื่องจากพวกเขากำลังอยู่ในช่วงของการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของสตาร์ชาวอาร์เจนตินา ที่สืบสวนสอบสวนว่า เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เมื่อปี 2020 ซึ่งการสอบสวนมีกำหนดจะเริ่มขึ้น วันที่ 4 มิถุนายนนี้

โดยบุคคล 8 คน รวมทั้งแพทย์ส่วนตัวของเขา นั่นคือ ศัลยแพทย์ระบบประสาท ลีโอปอลโด ลุค จิตแพทย์ อากุสตินาโคซาโชฟ และแพทย์ประจำคลินิก ดิ สปาญญา กำลังถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า ซึ่งมีโทษจำคุกระหว่าง 8 ถึง 25 ปี

ทุกอย่างเมื่อมีการพูดถึง “มาราโดน่า” ดูแล้วมีคุณมีค่ามากมายไม่มีหมด

เมื่อปี 2022 เสื้อแข่งฟุตบอลโลกปี 1986 ของมาราโดน่าขายได้เกือบ 9.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ลูกบอล “หัตถ์พระเจ้า” จากเกมรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับอังกฤษ ขายได้ในราคา 2.4 ล้านดอลลาร์ (2.2 ล้านยูโร) ในปีต่อมา

ไม่รู้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะประมูล หรือหยุดประมูล จะสอบสวนโทษแล้วจบอย่างไร

คนที่น่าเห็นใจที่สุดคือ ดีเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า ยอดนักเตะตลอดกาลที่เรารักยิ่ง........

บี แหลมสิงห์