การแข่งขันฟุตบอลลีกชั้นนำของยุโรปจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังเหลือนัดสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศที่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด จะพบกับ “เสือเหลือง” โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ในคืนวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2024

นี่คือบทสรุปของ 4 ลีกดังของยุโรปในฤดูกาล 2023-24

● พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ต้องลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้าย แชมป์ก็เป็นเจ้าเดิมอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บได้ 91 คะแนน เอาชนะรองแชมป์อย่าง “ปืนใหญ่”
อาร์เซน่อล 2 แต้ม พวกเขากลายเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 สมัยติด

โควตาฟุตบอลยุโรปไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 ทีมได้แก่ แมนฯซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และแอสตัน วิลล่า รองลงมาคือยูโรป้า ลีก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จบอันดับ 5 ได้สิทธิ์ไปทีมแรก อีกโควตาคือ แมนฯยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 8 แต่ได้สิทธิ์ในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ทำให้ เชลซี ที่จบอันดับ 6 ต้องไปเล่นยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก และผู้โชคร้ายคือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จบอันดับ 7 แต่อดไปเล่นฟุตบอลยุโรป

ในโซนตกชั้น 3 ทีม ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีี่ย์ และลูตัน ทาวน์ ไม่สามารถเอาตัวรอดอยู่บนลีกสูงสุดได้ โดยทีมบ๊วยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดนถลุงไปถึง 104 ประตู จากการลงเล่น 38 เกม ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็น 2 ทีมหน้าเดิมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และเซาแธมป์ตันอีกหนึ่งทีมคือ “ม้าขาว” อิปสวิช ทาวน์ ที่กลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุด ในรอบ 22 ปี

สรุปโควตาฟุตบอลยุโรป

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : แมนฯซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และแอสตัน วิลล่า

ยูโรป้า ลีก : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, และแมนฯ ยูไนเต็ด (แชมป์เอฟเอ คัพ)

ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : เชลซี

ตกชั้น : เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลี่ย์ และลูตัน ทาวน์

เลื่อนชั้น : เลสเตอร์ ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์ และลีดส์ ยูไนเต็ด และเซาแธมป์ตัน

ดาวซัลโว : เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ (แมนฯซิตี้) 27 ประตู

จอมแอสซิสต์ : โอลลี่ วัตกิ้นส์ (แอสตัน วิลล่า) 13 ครั้ง

คลีนชีต : ดาบิด ราย่า (อาร์เซน่อล) 16 เกม

นักเตะยอดเยี่ยม : ฟิล โฟเด้น (แมนฯซิตี้) 19 ประตู 8 แอสซิสต์

ดาวรุ่งยอดเยี่ยม : โคล พัลเมอร์ (เชลซี) 22 ประตู 11 แอสซิสต์

● บุนเดสลีกา เยอรมนี

ศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี ถึงคราวที่ทีมแชมป์ต้องเปลี่ยนมือ เมื่อ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ โผล่ขึ้นมาเซอร์ไพรส์ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกของสโมสรที่ก่อตั้งมา 120 ปี แถมยังเป็นแชมป์ลีกไร้พ่ายทีมแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลเมืองเบียร์อีกครั้ง ดับความยิ่งใหญ่ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่คว้าถาดแชมป์ติดต่อกันมา 11 ฤดูกาลติด

นอกจากแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี ทีมของ ชาบีอลอนโซ่ ยังไปสอยเดเอฟเบ โพคาล เป็นสมัยที่ 2 ของสโมสรด้วย จบฤดูกาลด้วยสถิติที่น่าทึ่งสุดๆ ไม่แพ้ใครติดต่อกัน 51 เกมในทุกรายการ ลงสนาม 53 เกม ชนะ 43 เสมอ 9 แพ้ 1 ยิง 144 ประตู และเสีย 41 ประตู

โควตาฟุตบอลยุโรป บุนเดสลีกา เยอรมนี

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : เลเวอร์คูเซ่น, บาเยิร์น มิวนิค,สตุ๊ตการ์ท, แอร์เบ ไลป์ซิก และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ยูโรป้า ลีก : ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต

ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : ฮอฟเฟ่นไฮม์

เพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น: โบคุ่ม พบกับ ฟอร์ทูน่าดุสเซลดอร์ฟ (อันดับ 3 จากลีกา 2) รอผลเลกสองคืนนี้

ตกชั้นสู่ลีกา 2 เยอรมนี : ดาร์มสตัดท์ และเอฟซีโคโลญจน์

เลื่อนชั้น : ซังต์ เพาลี และโฮลสไตน์ คีล

ดาวซัลโว : แฮร์รี่ เคน (บาเยิร์น มิวนิค) 36 ประตู

จอมแอสซิสต์ : อเล็กซ์ กรีมัลโด้ (เลเวอร์คูเซ่น) 13 ครั้ง

นักเตะยอดเยี่ยม : โฟลเรียน เวียร์ตซ์ (เลเวอร์คูเซ่น) 32 เกม 11 ประตู 11 แอสซิสต์

นักเตะหน้าใหม่ยอดเยี่ยม : วิคเตอร์ โบนิเซฟ(เลเวอร์คูเซ่น) 23 เกม 14 ประตู 8 แอสซิสต์

● ลาลีกา สเปน

การแข่งชันฟุตบอลลาลีกา สเปน ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันสุดท้ายไม่มีอะไรต้องลุ้นเพราะแชมป์ถูกตัดสินตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2024 เป็น “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ “คาเล็ตโต้” คาร์โล อันเชล็อตติที่ครองแชมป์สมัยที่ 36 ของสโมสร ลงเล่นไป 38 เกม ชนะ 29เสมอ 8 แพ้ 1 เก็บได้ 95 คะแนน ยิง 87 เสีย 26 ประตู

ที่ตามมาคือ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า และกิโรน่า สโมสรในเครือซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ที่จบอันดับ 3 ได้โควตาไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ในโซนตกชั้นถือว่าไม่ได้ลุ้นกับแบบเข้มข้นแต่อย่างใด รู้ผลก่อน 2-3 สัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล แต่ อัลเมเรีย ก็มาเร่งเครื่องเก็บได้ 21 คะแนนเบียด กรานาด้า ลงไปจมบ๊วย อีกทีมคือ กาดิซ

โควตาฟุตบอลยุโรป

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า,กิโรน่า และแอตเลติโก มาดริด

ยูโรป้า ลีก : แอธเลติก บิลเบา และเรอัล โซเซียดัด

ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : เรอัล เบติส

ทีมตกชั้น : กาดิซ, อัลเมเรีย และกรานาด้า

เลื่อนชั้น : (ยังเตะไม่จบ)

ดาวซัลโว : อาร์เต็ม ดอฟบิค (กิโรน่า) 24 ประตู

จอมแอสซิสต์ : อเล็กซ์ บาเอน่า (บีญาร์เรอัล) 14 ครั้ง

● กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี

ฟุตบอลกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี แชมป์ตกเป็นของ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน ที่เข้าป้ายอย่างรวดเร็ว ลงเล่น 38 เกม ชนะ 29เสมอ 7 แพ้ 2 เก็บได้ถึง 94 คะแนน ยิง 89 เสีย 22 ห่างจากอันดับ 2 อย่าง “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน ถึง 19 แต้ม อย่างไรก็ตามทีมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเปลี่ยนมือเจ้าทีม เนื่องจาก ซูหนิง โฮลดิ้ง กรุ๊ป ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ถูก โอ๊คทรี แคปปิตอล บริษัทกองทุนจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาฮุบกิจการ รอดูทิศทางในฤดูกาลหน้าจะเป็นอย่างไร

ในโซนฟุตบอลยุโรป ถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้โควตาถึง 5 ทีม โบโลญญ่า ภายใต้การคุมทีมของ ติอาโก้ม็อตต้า โผล่พรวดขึ้นมาจบอันดับ 5 ของตาราง เจ้าตัวแยกทางกับสโมสรทันทีไม่ขอทำต่อ เพราะหมดสัญญา ท่ามกลางข่าวลือเตรียมย้ายไปคุม “ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่แยกทางกับ มัสซิมิเลียโน่อัลเลกรี

ไฮไลท์ที่ต้องลุ้นกันในเกมนัดสุดท้ายคือการหนีตกชั้น โฟรซิโนเน่ ที่สถานการณ์ก่อนลงเล่นดูดีสุด ดันพลาดท่าพ่ายคารังให้กับ อูดิเนเซ่ คู่แข่งโดยตรง ที่ดราม่าไปยิ่งกว่านั้น อีกคู่เอ็มโปลี ดันเปิดบ้านเอาชนะ โรม่า 2-1 จากประตูชัยของ เอ็มบาย เนียง ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+3 ส่ง โฟรซิโนเน่ กลับไปเล่น เซเรียบี ในฤดูกาลหน้าร่วมกับ ซัสซูโอโล่ และซาแลร์นิตาน่า

โควตาฟุตบอลยุโรป

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, อตาลันต้า และโบโลญญ่า

ยูโรป้า ลีก : โรม่า และลาซิโอ

ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก : ฟิออเรนติน่า

ตกชั้น : โฟรซิโนเน่, ซาสซูโอโล่, ซาแลร์นิตาน่า

เลื่อนชั้น : ปาร์ม่า และโคโม่ เหลืออีก 1 ทีมที่ต้องเพลย์ออฟ

ดาวซัลโว : เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (อินเตอร์ มิลาน) 24 ประตู

จอมแอสซิสต์ : เปาโล ดิบาล่า (โรม่า) และราฟาเอล เลเอา (เอซี มิลาน) 9 ครั้งเท่ากัน

นักเตะยอดเยี่ยม : เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (อินเตอร์ มิลาน)

ดาวรุ่งยอดเยี่ยม : โยชัว เซิร์กซี (โบโลญญ่า)

กุนซือยอดเยี่ยม : ซิโมเน่ อินซากี้ (อินเตอร์ มิลาน)

บี แหลมสิงห์