การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย พักไป 2 วัน กลับมาหวดกันในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2024 ประเดิมด้วยช่วงเวลา 23.00 น. ที่สนามโอลิมปิกสตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ จะพบกับ “มะกะโรนี” อิตาลี แชมป์เก่า โดยมี ไซม่อน มาร์ซีเนี๊ยค มือดีจากโปแลนด์ ที่เคยเป่านัดชิงฯฟุตบอลโลก 2022 เป็นผู้ตัดสิน

สวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ มูรัต ยาคิน เกือบจะล้มทีมเจ้าภาพเยอรมนี แต่มาโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเข้ารอบมาด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม เอ ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 5 คะแนน เกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ซิลแวง วิดแมร์ วิงแบ๊กฝั่งขวาที่ติดโทษแบน ส่วน เดนิส ซากาเรียและสตีเว่น ชูเบอร์ ยังต้องเรียกความฟิต ที่เหลืออยู่ครบน่าจะปรับแค่จุดเดียว ส่ง เลโอไนดาส สเตอร์จิอู จากสตุ๊ตการ์ทลงไปเล่นแทน ประสานงานกับแกนหลักอย่าง
ฟาเบียน แชร์, มานูเอล อคานจี, กรานิตชาก้า และรูเบน วาร์กาส

ทางฝั่ง อิตาลี แชมป์เก่า และแชมป์รายการนี้ 2 สมัย เข้ารอบแบบมาหืดจับได้ประตูตีเสมอ โครเอเชีย ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย พวกเขาคว้าอันดับ 2 ของกลุ่มบี มี 4 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 1แพ้ 1 ทีมของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ต้องสังเวย ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ แนวรับฟอร์มร้อนแรงที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควตา ตำแหน่งอื่นๆ อยู่กันครบ คาดว่าจะกลับมาเล่นในระบบ 4-3-3 ส่ง จานลูก้ามันชินี่ ลงไปคุมแนวรับร่วมกับ อเลสซานโดรบาสโตนี่ แดนกลางวาง จอร์จินโญ่ คุมจังหวะเกมกับ นิโคโล่ บาเรลล่า และดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ โดยมี เฟเดริโก้ เคียซ่า, จานลูก้า สกามัคค่า และมัตเตีย ซัคคานญี่ ฮีโร่จากเกมที่แล้วประสานงานเกมรุก

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 60 ครั้ง ในทุกรายการ อิตาลี เหนือกว่าเยอะ ชนะ 29 เสมอ 24 และสวิตเซอร์แลนด์ ชนะแค่ 7 แต่ไม่เคยเจอกันในรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลยูโร มีแต่รอบคัดเลือก อิตาลี ไม่แพ้เลย 7 ครั้ง ชนะ 4 เสมอ 3 และไม่แพ้สวิตเซอร์แลนด์ มาตั้งแต่ปี 1994 หรือ 30 ปีเลยทีเดียว

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม สวิตเซอร์แลนด์ (3-4-2-1) : ยานน์ ซอมเมอร์, ฟาเบียน แชร์, มานูเอล อคานจี, ริคคาร์โด้ โรดริเกซ, เลโอนิดาส
สเตอร์จิอู, เรโม่ ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาก้า, มิเชล เอบิสเชอร์, รูเบน วาร์กาส, แดน เอ็นดอย และควัดโว่ ดูอาห์ อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่,จานลูก้า มันชินี่, อเลสซานโดร บาสโตนี่,เฟเดริโก้ ดิมาร์โก, ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่,จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาเรลล่า, เฟเดริโก้ เคียซ่า,จานลูก้า สกามัคค่า และมัตเตีย ซัคคานญี่

อัตราต่อรอง : อิตาลี ต่อ เสมอควบครึ่ง

สกอร์ที่คาด: สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 อิตาลี

คู่ที่ 2 ในเวลา 02.00น. เจ้าภาพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี จะพบกับ “โคนม” เดนมาร์ก ที่สนามซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ในเมืองดอร์ทมุนด์ โดยมี ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ จากอังกฤษ เป็นผู้ตัดสิน

เยอรมนี ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเอ ผลงานยอดเยี่ยมชนะ 2 เสมอ 1 ยิงคู่แข่งไป 8 และเสีย 2 ประตู อย่างไรก็ตามเกมนี้ทีมของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โจนาธาน ทาห์ แนวรับจากเลเวอร์คูเซ่นที่ติดโทษแบน มีความเป็นไปได้ว่า นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค จากดอร์ทมุนด์ จะได้ลงเสียบแทน นอกนั้นไม่น่ามีการปรับทัพอะไรยึดระบบ 4-2-3-1 โรเบิร์ต อันดริชคุมแดนกลางร่วมกับ โทนี่ โครส ปล่อยให้ จามาล มูเซียล่า ประสานงานเกมรุกกับอิลคาย กุนโดกาน และฟลอเรียน เวียร์ตซ์ โดยมี ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนหน้าเป้า

ทางฝั่ง เดนมาร์ก คุมทีมโดย แคสเปอร์ยูลมันด์ เคยคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 1992 เข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ซี จากการเสมอ 3 นัด มี 3 คะแนน ปัญหาใหญ่ของพวกเขาในเกมนี้คือ มอร์เท่นยูลมันด์ มิดฟิลด์คนสำคัญที่ยิงประตูสุดสวยใส่อังกฤษจะติดโทษแบน ทำให้ โธมัส เดลานีย์จะได้ลงเล่นแทน นอกนั้นตามรายงานไม่มีปัญหาอะไร ปรับทีมเล็กน้อย วิคเตอร์ คริสเตียนเซ่น น่าจะได้ลงประจำการตำแหน่งวิงแบ๊กฝั่งซ้ายแทน วิคเตอร์ คริสเตนเซ่น ที่เหลือนำโดย ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, คริสเตียน เอริคเซ่น, โยนาส วินด์ และราสมุส ฮอยลุนด์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 30 ครั้ง ในทุกรายการ เยอรมนี เหนือกว่าชนะ 16 เสมอ 5 และเดนมาร์ก ชนะ 9 นับเฉพาะรายการนี้เจอกันในรอบสุดท้ายถึง 3 ครั้ง
ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ เยอรมนี ชนะ 2 ในปี 1988 และ2012 แต่ชัยชนะเดียวของ เดนมาร์ก คือนัดชิงชนะเลิศยูโร 1992 สร้างตำนานเทพนิยายเดนส์

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เยอรมนี (4-2-3-1) : มานูเอลนอยเออร์, โยชัว คิมมิช, อันโตนิโอ รือดิเกอร์,นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค, มักซิมิเลี่ยนมิตเทลสตัดท์, โรเบิร์ต อันดริช, โทนี่ โครส, จามาล มูเซียล่า, อิลคาย กุนโดกาน, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และไค ฮาแวร์ตซ์ เดนมาร์ก (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น,อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ยานนิคเวสเตอร์การ์ด, อเล็กซานเดอร์ บาห์, โธมัส เดลานีย์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, วิคเตอร์ คริสเตียนเซ่น, คริสเตียน เอริคเซ่น, ราสมุส ฮอยลุนด์ และโยนาส วินด์

อัตราต่อรอง : เยอรมนี ต่อ ลูกควบลูกครึ่ง

สกอร์ที่คาด : เยอรมนี 2-1 เดนมาร์ก