ควิช่า ควารัตสเคเลีย แม่ทัพลูกหนังของจอร์เจีย นี่คือหนึ่งในทีมที่ความปั่นป่วนที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโร

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2024 ฟาดแข้งในเวลา 23.00 น. ที่สนามเฟลตินส์ อารีน่า ในเมืองเกลเช่นเคียร์เช่น ขวัญใจมหาชน “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะลงดวลกับ สโลวะเกีย โดยมี ฮาลิลอูมุต เมแลร์ จากตุรกีเป็นผู้ตัดสิน

อังกฤษ ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ซี ไม่แพ้ใครชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 คะแนน แต่รูปเกมโดยรวมถือว่าไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ โดนวิจารณ์ไม่เว้นแต่ละวัน เกมนี้ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังต้องรอลุ้นอาการของ ลุค ชอว์ แบ๊กซ้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าจะสมบูรณ์พร้อมลงเล่นหรือยัง แต่แนวโน้มน่าจะเป็น คีแรน ทริปเปียร์ที่ได้เล่นต่อ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าดาวรุ่งอย่าง ค็อบบี้ ไมนู น่าจะได้รับโอกาสสตาร์ทตัวจริงคุมแดนกลางร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ ส่วนแนวรุกยังใช้เหมือนเดิมนำโดย บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน

ทางฝั่ง สโลวะเกีย ภายใต้การคุมทีมของ ฟรานเชสโก้ คัลโซน่าเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มอี มี 4 คะแนน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ตามรายงานไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเช่นกัน ถือว่ารักษาเนื้อรักษาตัวได้ดีมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ปรับไลน์อัพจากเกมล่าสุดยึดชุดเดิมในระบบ 4-3-3 มี สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง ขนาบข้างไปด้วย ยูราย คุซก้า และออนเดรย์ ที่จะคอยเคลื่อนตัวเชื่อมเกม แนวรุกวาง อีวาน ชรานซ์, ดาวิด สเตรเล็ค และลูคัส ฮาราสลิน เป็นสามประสาน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 6 ครั้ง ในทุกรายการ อังกฤษ เหนือกว่าชัดเจนไม่เคยแพ้เลยชนะได้ 5 และเสมอ 1 ในรายการดวลกัน 1 ครั้ง เมื่อปี 2016 ปรากฏว่า เสมอ 0-0

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม อังกฤษ (4-2-3-1) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, เดแคลน ไรซ์, ค็อบบี้ เมนู, บูคาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน

สโลวะเกีย (4-3-3) : มาร์ติน ดูบราฟก้า, ปีเตอร์ เปคาริค, เดนิส พาฟโร, มิลาน สครีเนียร์, เดวิด ฮานค์โค่, ยูราย คุซก้า,สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า, ออนเดรย์ ดูด้า, อีวาน ชรานซ์, ดาวิดสเตรเล็ค และลูคัส ฮาราสลิน

อัตราต่อรอง : อังกฤษ ต่อ 1 ลูก

สกอร์ที่คาด : อังกฤษ 1-0 สโลวะเกีย

อีกคู่ในเวลา 02.00 น. ที่สนามไรน์เอเนอร์กี้สตาดิโอน ในเมืองโคโลญจน์ “กระทิงดุ” สเปน แชมป์ 3 สมัย จะดวลกับ จอร์เจียเต็งบ๊วยที่เข้ารอบน็อกเอาท์แบบเหลือเชื่อ โดยมี ฟร็องซัวส์ เลเตอซิเยร์จากฝรั่งเศสเป็นผู้ตัดสิน

สเปน ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ชนะ 3 เกมรวด เก็บ 9 คะแนนเต็ม คว้าแชมป์กลุ่มบีและยังไม่เสียประตูเลย เกมที่แล้วพักแกนหลักแบบยกชุด อย่างไรก็ตามอาจจะรอทดสอบความฟิตของ นาโช่ เฟร์นานเดซ และ อโยเซ่ เปเรซ เกมนี้จะกลับมาใช้ตัวจริงทั้งหมดเล่นในระบบเดิม 4-3-3 วาง โรดรี้ ที่พ้นโทษแบนกลับมาคุมแดนกลางขบาบข้างด้วย เปดรี้ และฟาเบียน รุยซ์ สามแนวรุกถือว่าเข้าขากันเป็นอย่างดี นำโดย ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และนีโก้ วิลเลี่ยมส์

ทางฝั่ง จอร์เจีย เข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด มี 4 คะแนน นัดสุดท้ายล้ม โปรตุเกส 2-0 ถือว่ามาไกลเกินฝันเพราะนี่คือทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลระดับเมเจอร์หนแรกของประเทศ และสามารถเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้ทันที ทีมของ วิลลี่ ซาญอล ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน แต่ก็มีหลายคนที่โดนใบเหลืองคาดโทษ ยึดระบบ 3-5-2 เหมือนเดิม มี จอร์จี้ มามาร์ดาซวิลลี่ ที่กำลังเนื้อหอมหลังเซฟไป 20 ครั้งในรอบแบ่งกลุ่ม แดนกลางมีตัวพลังม้าอย่าง จอร์จี้ โคโชราสวิลี่ ส่วนแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ควิช่า ควารัตสเคเลีย และผู้นำดาวซัลโว จอร์เจส มิเคาตาดเซ่ ที่ยิงไปแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 7 ครั้ง ในทุกรายการ ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ สเปน ชนะได้ 6 และจอร์เจีย ชนะ 1 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2016 อย่างไรก็ตาม ในรอบคัดเลือก ทั้งสองทีมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน สเปน ชนะแบบไปกลับ 7-1 และ 3-1

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม สเปน (4-3-3) : อูไน ซิมอน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรแบง เลอ นอร์มองด์, อายเมริคลาปอร์ก, มาร์ค คูคูเรลญ่า, เปดรี้, โรดรี้, ฟาเบียน รุยซ์, ลามีนยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และนีโก้ วิลเลี่ยมส์

จอร์เจีย (3-5-2) : จอร์จี้ มามาร์ดาซวิลี่, จอร์จี้ เกวเลเซียนี่, กูราม คาเชีย, ลาช่า ดวาลี่, โอตาร์ คาคาบัดเซ่, จอร์จี้ ช๊าคเวต๊าดเซ่,จอร์จี้ โคโชราสวิลลี่, จอร์จี้ ซิตตาสวิลลี่, ซูริโก้ ดาวิตาสวิลลี่, จอร์เจสมิเคาตาดเซ่ และควิช่า ควารัตสเคเลีย

อัตราต่อรอง : สเปน ต่อ ลูกครึ่ีงควบสอง

สกอร์ที่คาด : สเปน 3-1 จอร์เจีย