ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ยอมรับว่าทีมนั้นมีปัญหาเรื่องจบสกอร์ หลังเอาชนะ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ด้วยการดวลจุดโทษ 5-3 (เสมอในเกม 0-0) ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูโร 2024 ได้สำเร็จ
โดยทัพ “ตราไก่” เสมอกับโปรตุเกสในเวลา 120 นาที 0-0 ก่อนที่ฝรั่งเศสจะชนะจุดโทษ 5-3 ซึ่ง เดส์ชองส์ กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องยิงประตูคู่แข่งให้ได้มากกว่านี้ เมื่อคุณทำประตูได้ คุณจะสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ ไม่งั้นเราจะต้องตกอยู่ภายใต้ความปรานีของคู่แข่งหากพวกเขาทำได้ดีกว่า”
“มันเป็นแมทช์ที่ตึงเครียดมาก และผลลัพธ์สามารถออกทิศทางไหนก็ได้ ผมดีใจมากที่ทีมเล่นจนถึงขีดจำกัด ตอนนี้เราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว แม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็ตาม แต่เราจะมุ่งมั่นเพื่อคว้าแชมป์ให้ได้”
สำหรับ ฝรั่งเศส จะเข้าไปพบกับ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน ในรอบตัดเชือกวันที่ 9 กรกฎาคมนี้
ทางด้าน ทัพ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปนก็คว้าชัยชนะเหนือการเจอทีมเจ้าภาพ ในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก และยูโร ได้เป็นครั้งแรก หลังเบียดชนะ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
เกมนี้ สเปน ขึ้นนำก่อนจาก ดานี่ โอลโม่ในนาที 51 แต่มาโดน ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ยิงตีเสมอก่อนหมดเวลานาทีเดียว อย่างไรก็ตาม มิเกล เมริโน่ มาเป็นซูเปอร์ซับโหม่งประตูชัยนาที 119 ทำให้ สเปน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอกับ ฝรั่งเศส ที่เอาชนะจุดโทษ โปรตุเกส 4-2
อย่างไรก็ตาม เปดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญทัพ “กระทิงดุ” จะหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยทีมในเกมที่เหลือศึกยูโรหนนี้เรียบร้อยแล้ว หลังมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นเข่าด้านซ้ายบิด โดยดาวเตะจาก บาร์เซโลน่า ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่อยู่ในสนามแค่ 8 นาทีเท่านั้นก่อนจะมีอาการบาดเจ็บจากการปะทะกับ โทนี่ โครส ต้องส่ง ดานี่ โอลโม่ ลงไปแทน
จากชัยชนะนัดนี้กลายเป็นครั้งแรกที่สเปน ล้างอาถรรพ์สามารถเอาชนะในการเจอกับชาติเจ้าภาพในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ได้เสียที โดยก่อนหน้านี้ทั้ง ฟุตบอลโลก และยูโร เจอกับเจ้าภาพ 9 ครั้งแพ้ 8 เสมอ 1
ในฟุตบอลโลก 4 ครั้งไล่ตั้งแต่ปี 1934นัดรีเพลย์แพ้ อิตาลี 0-1, ปี 1950 แพ้ บราซิล 1-6, ปี 2002 แพ้จุดโทษ เกาหลีใต้ 3-5 และปี 2018 แพ้จุดโทษ รัสเซีย 3-4 ส่วนใน ยูโร ทั้งหมด 5 ครั้งเริ่มตั้งแต่ปี 1980 เสมอ อิตาลี 0-0, ปี 1984 แพ้ ฝรั่งเศส 0-2, ปี 1988 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-2, ปี 1996 แพ้จุดโทษ อังกฤษ 2-4 และปี 2004 แพ้ โปรตุเกส 0-1
ขณะที่ โทนี่ โครส กองกลางตัวเก๋าทีมชาติเยอรมนี ยอมรับว่าใจสลายที่ต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพ หลังทัพ “อินทรีเหล็ก” พ่ายให้ “กระทิงดุ” ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-2 พร้อมปิดฉากอาชีพค้าแข้งของตัวเองไปด้วย
“พูดตามตรง ตอนนี้ความรู้สึกหลักคือทัวร์นาเมนต์จบลงแล้ว เพราะเราทุกคนมีเป้าหมายใหญ่ที่เราอยากจะบรรลุด้วยกัน และความฝันนี้ก็พังทลายลงแล้ว”
“เราทุกคนภูมิใจได้เพราะเราพัฒนาขึ้นผมดีใจที่ได้ช่วยให้ เยอรมนี ในฐานะชาติฟุตบอลมีความหวังอีกครั้ง ในอนาคตผมมั่นใจว่าทีมจะประสบความสำเร็จ แต่วันนี้เราเสียใจเพราะเราอยากจะอยู่ในรายการนี้ให้นานกว่านี้สักหน่อย ผมจะไม่บอกว่ามันเป็นแมทช์ที่โหดร้ายที่สุดแต่เป็นแมทช์ที่เราทุ่มเททุกอย่าง เราไม่อยากแพ้ เราใกล้ถึงเป้าหมายมากๆ” ดาวเตะเท้าชั่งทองวัย 34 ปี กล่าวส่งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี