วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / กีฬา
วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : อาร์ทีเมีย

วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : อาร์ทีเมีย

วันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568, 13.30 น.
Tag : ความรู้รอบตัว ความรู้เรื่องสุขภาพ วิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน
  •  

อาร์ทีเมีย (Artemia sp.) หรือ ไรสีน้ำตาล หรือไรน้ำเค็ม (brine shrimp) เป็นแพลงก์ตอนสัตว์ที่ทนเค็มที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในชั้นครัสเตเซีย (crustacea class) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกกุ้งชนิดหนึ่ง มีชื่อสามัญว่า Brine Shrim หรือ Artemia อาศัยในทะเลสาบน้ำเค็มสูง (100-250 ppt) ซึ่งศัตรูของอาร์ทีเมียไม่สามารถอาศัยได้ พบในหลายประเทศ เช่น จีน รัสเซีย คาซัคสถาน สหรัฐอเมริกา

อาร์ทีเมียมีลำตัวแบนเรียวยาวคล้ายใบไม้ ตัวเต็มวัยมีขนาด 7-16 มม. กินแพลงก์ตอนพืช จุลินทรีย์ และตะกอนอนุภาคเล็กๆ เป็นอาหาร ลำตัวใสแกมชมพู ไม่มีเปลือกแข็งหุ้มลำตัว (Shelless) แต่มีเนื้อเยื่อบางๆ หุ้มไว้ ว่ายน้ำเคลื่อนที่ในลักษณะหงายท้อง ลำตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ


– ส่วนหัว แบ่งออกได้เป็น 6 ปล้อง มีตาเดี่ยวและตารวมที่มีก้านตา 1 คู่ และหนวด 2 คู่

– ส่วนอก แบ่งออกเป็น 11 ปล้อง แต่ละปล้องมีระยางค์ปล้องละ 1 คู่ ทำหน้าที่ทั้งในการว่ายน้ำ หายใจ และช่วยกรองอาหารเข้าปาก

– ส่วนท้อง แบ่งออกเป็น 8 ปล้อง ปล้องแรกเป็นที่ตั้งของอวัยวะเพศ ปล้องที่ 2-7 ไม่มีระยางค์ และปล้องที่ 8 มีแพนหาง 1 คู่

ความแตกต่างระหว่างเพศ โดยปกติเพศผู้จะมีขนาดเล็กกว่าเพศเมีย และหนวดคู่ที่ 2 ของเพศผู้จะมีขนาดใหญ่คล้ายตะขอใช้เกาะเพศเมีย ทำให้ดูว่ามีส่วนหัวขนาดใหญ่ เพศเมียจะมีถุงไข่ที่ปล้องแรกของส่วนท้อง การแพร่พันธุ์ของอาร์ทีเมียสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 แบบขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ คือ 1) แบบออกเป็นตัว โดยในช่วงสภาวะแวดล้อมปกติที่ความเค็มตั้งแต่ 20-120 ppt ไข่จะฟักเป็นตัวภายในมดลูก โดยจะสังเกตได้จากมดลูกจะมีสีขาวเทา และ 2) แบบออกเป็นซีสต์ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เช่น ความเค็มสูงมากกว่า 130 ppt หรือมีการแพร่พันธุ์จนมีปริมาณตัวอาร์ทีเมียอยู่อย่างหนาแน่นหรือปริมาณอาหารลดลง หรืออุณหภูมิลดต่ำลงมาก หรือคุณสมบัติของน้ำไม่เหมาะสม จะมีเปลือกแข็งหุ้ม สังเกตได้จากการมองเห็นมดลูกมีสีน้ำตาลเข้ม โดยในแต่ละรอบของการสืบพันธุ์ เพศเมียแต่ละตัวจะให้ลูกออกมาเป็นตัวหรือเป็นซีสต์เพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น ประมาณ 50-300 ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่และสายพันธุ์ โดยสภาวะปกติอาร์ทีเมียมักจะออกลูกเป็นซีสต์

ประโยชน์ของอาร์ทีเมีย เช่น ใช้เป็นตัวทดสอบทางชีววิธี (bioassay) เพื่อให้ทราบถึงความเป็นพิษระบบนิเวศวิทยาของแหล่งน้ำ หรือใช้ในการทดสอบความเป็นพิษของสารพิษหรือสารสกัดต่างๆ (toxicity test) เป็นต้น แต่ที่นิยมนำมาใช้อย่างกว้างขวางคือ นำมาใช้เป็นอาหารสัตว์น้ำวัยอ่อน เช่น ลูกกุ้ง ปู และปลาต่างๆ เนื่องจากอาร์ทีเมียแรกฟักจะมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะกรดไขมัน EPA แร่ธาตุ วิตามิน เหมาะแก่การใช้อนุบาลลูกสัตว์น้ำ ทำให้ลูกสัตว์น้ำจะโตไว

อาร์ทีเมียขนาดโตเต็มวัยนอกจากจะใช้เป็นอาหารสัตว์น้ำโดยตรงแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อาร์ทีเมียดอง อาร์ทีเมียแช่แข็ง อาร์ทีเมียผง อาร์ทีเมียแผ่น หรือใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสำเร็จรูปที่มีโปรตีนสูงชนิดต่างๆ สำหรับนำไปใช้ในวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วไป

นอกจากนี้ อาร์ทีเมียยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพน้ำ เนื่องจากจะกินอาหารโดยการกรองรวบรวมสิ่งแขวนลอยทุกอย่างในน้ำที่มีขนาดเล็กกว่าช่องปากทั้งจุลินทรีย์ แบคทีเรีย แพลงก์ตอน ซากเน่าเปื่อยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตลอดจนอนุภาคอินทรีย์สาร (organic particles)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

https://howbetta.wordpress.com/2015/05/03/artrmia

https://www.gotoknow.org/posts/4149

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : เคล็ดลับความสวยจาก..ชาเขียว วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : เคล็ดลับความสวยจาก..ชาเขียว
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การเพิ่มมูลค่า‘หน่อไม้ฝรั่ง’พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไฟเบอร์สูง วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การเพิ่มมูลค่า‘หน่อไม้ฝรั่ง’พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไฟเบอร์สูง
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : แผลที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลากี่วันถึงจะหายดี วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : แผลที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลากี่วันถึงจะหายดี
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (2) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (2)
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (1) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (1)
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การใช้สาหร่ายขนาดเล็กดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (2) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การใช้สาหร่ายขนาดเล็กดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (2)
  •  

Breaking News

โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย

ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต

'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ

ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved