จากกรณีที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีลิขสิทธิ์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ระหว่างบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

คดีนี้เกิดขึ้นจาก บริษัท ซีนิแพล็กซ์ จำกัด ได้ทำการยื่นฟ้อง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิในการถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลที่จัดโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จากนั้น บมจ.สยามสปอร์ตฯยื่นฟ้องสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวกรวม 20 คน ในประเด็นเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และการละเมิดสัญญา

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น พิพากษาให้ บมจ.สยามสปอร์ตฯ ชำระเงิน 240 ล้านบาท ให้แก่ บจก. ซีนิแพล็กซ์ พร้อมดอกเบี้ย, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชำระเงิน 50 ล้านบาท ให้แก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ พร้อมดอกเบี้ย จากนั้นศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้เพิ่มเป็น 450 ล้านบาท

จากนั้นศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยกรณีนี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคของ“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ ก่อนศาลจะตัดสินสิ้นสุดในเวลานี้ที่มี “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ เป็นนายกสมาคมฯ

โดยเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการของ Siamsport ได้โพสต์เรื่องราวทั้งหมด ผ่านทางโซเชียลเนตเวิร์ค มีข้อความดังต่อไปนี้

ศาลฎีกาตัดสิน สยามสปอร์ต ชนะคดี ส.บอลละเมิดลิขสิทธิ์ สั่งชดใช้ 360 ล้าน

สยามสปอร์ตขอบคุณทุกกำลังใจ ที่เข้าใจหลังจากศาลฎีกาตัดสินให้ชนะคดีฟ้องกับสมาคมฟุตบอล เป็นการชนะคดีแบบเด็ดขาดทั้ง 3 ศาล ขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรม สังคมจะได้รับรู้กันว่าใครกันแน่เข้ามาทำลายวงการฟุตบอล ยันไม่มีปัญหากับมาดามแป้ง เพราะไม่ใช่คนยกเลิกสัญญา แต่สมาคมฟุตบอลก็ต้องจ่ายค่าเสียหายตามคำพิพากษา

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีลิขสิทธิ์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

คดีนี้เริ่มจาก บริษัท ซีนิแพล็กซ์ จำกัด (บริษัทในเครือของผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก) เป็นฝ่ายยื่นฟ้อง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลที่จัดโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อมาทาง บมจ. สยามสปอร์ตฯ ได้ยื่นฟ้อง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวกรวม 20 คน ในประเด็นเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และการละเมิดสัญญา

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาให้
• บมจ. สยามสปอร์ตฯ ชำระเงิน 240 ล้านบาท ให้แก่ บจก. ซีนิแพล็กซ์ พร้อมดอกเบี้ย
• สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชำระเงิน 50 ล้านบาท ให้แก่ บมจ. สยามสปอร์ตฯ พร้อมดอกเบี้ย

ภายหลัง ทั้ง บมจ. สยามสปอร์ตฯ, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ บจก. ซีนิแพล็กซ์ ต่างยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้เพิ่มเป็น 450 ล้านบาท

หลังจากที่คู่กรณีได้ฎีกาต่อศาลฎีกา ล่าสุดศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ โดยให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ. สยามสปอร์ตฯ เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาถือเป็นที่สิ้นสุด ทำให้ บมจ. สยามสปอร์ต ซินดิเคท เป็นฝ่ายชนะคดีในที่สุด

ทั้งนี้ นายโอฬาร เชื้อบาง กรรมการผู้จัดการสยามสปอร์ต ได้กล่าวภายหลังคำตัดสินของศาลฎีกาว่า สยามสปอร์ตต้องขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับองค์กรเรา เราชนะคดีฟ้องร้องสมาคมฟุตบอลทั้ง 3 ศาล คือศาลชั้นต้น, ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา นั่นหมายถึงว่าบริษัทสยามสปอร์ตได้ทำหน้าที่ตามสัญญาที่มีไว้กับสมาคม ไม่ได้ฉ้อฉล หรือเอาเปรียบจนเป็นมูลเหตุยกเลิกสัญญา สังคมต้องรับรู้ว่าใครกันแน่เข้ามาทำความเสียหายให้กับวงการฟุตบอล โดยก่อนหน้านี้ เราโดนบางกลุ่มมองเราในแง่ลบกับการโดนยกเลิกสัญญา แต่คำพิพากษาทั้ง 3 ศาลยืนยันในความบริสุทธิ์ของเราเป็นอย่างดี

แน่นอนว่าจริงๆ แล้วสยามสปอร์ตเสียหาย และสูญเสียโอกาสไปมากกว่านี้ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ศาลให้ความยุติธรรมกับเราในการตัดสินคดีครั้งนี้

ทางสยามสปอร์ตขอยืนยันว่าสมาคมฟุตบอลต้องจ่ายให้กับเราตามคำพิพากษาของศาลฎีกา พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งเราก็ต้องไปจ่ายคืนให้กับทางกลุ่มทรูเช่นกัน

นี่เป็นบทเรียนสำคัญ คนที่เข้ามาบริหารสมาคมฟุตบอล ต้องปฏิบัติต่อคู่สัญญาอย่างเคร่งครัด จะไปหาเหตุยกเลิกสัญญาดื้อๆ ด้วยการอ้างเหตุผลให้ร้ายคู่สัญญาไม่ได้ สยามสปอร์ตไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ มาดามแป้ง นายกสมาคมฟุตบอลคนปัจจุบัน เพราะคุณนวลพรรณ ไม่ได้เป็นคนยกเลิกสัญญาจนทำให้เราเสียหาย มาดามแป้งมารับตำแหน่งแทนคนก่อน ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเราฟ้องสมาคมฯ จนชนะไป 2 ศาลแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างรอผลฎีกา แต่ในฐานะสมาคมฟุตบอล ก็ต้องจ่ายตามคำสั่งศาลสูงสุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องขอบคุณสื่อต่างๆ ทางโซเชียล ออนไลน์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ที่ลงข่าวให้ความเป็นธรรมกับเรา รวมทั้งผู้ติดตามข่าวทุกคน ที่เข้าใจสยามสปอร์ต และเข้าใจว่าใครกันแน่เข้ามาทำลายวงการฟุตบอล