อังกฤษ จะได้การันตีอย่างน้อย 5 ทีมในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า หลังจากที่ อาร์เซนอล เอาชนะ เรอัลมาดริดในเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ

ประเด็นคื  หาก มีทีมใดทีมหนึ่งระหว่างอาร์เซนอล , แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและเชลซี ชนะได้ 1 นัดในสามรายการยุโรปก็จะได้ทีมเป็นลำดับที่ 5 ของอังกฤษ ในถ้วยใหญ่ทันที

มีการมอบตำแหน่งพิเศษอีก 2 ตำแหน่งให้กับประเทศต่างๆ ตามอันดับในตารางค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่า

ลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลมีแนวโน้มที่จะจบฤดูกาลในตำแหน่ง 1 กับ 2 ของพรีเมียร์ลีก โดยมี น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เชลซี นิวคาสเซิล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แอสตัน วิลล่า ไบรท์ตัน และบอร์นมัธ ซึ่งอยู่อันดับที่ 10 มีโอกาสลุ้นในสถานการณ์ปัจจุบันเพราะมีแต้มห่างกัน 12 แต้ม

อังกฤษ อาจมีทีมมากถึง 7 ทีมในแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2025-26 หากแอสตัน วิลล่าคว้าแชมป์ในปีนี้ แต่ไม่นับรวมกรณีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหรือท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์คว้าแชมป์ยูโรป้าลีก

อิตาลี อยู่อันดับสองในอันดับค่าสัมประสิทธิ์ โดยมีสเปนและเยอรมนีตามหลัง

คำถามคือ ประเทศต่างๆ จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมแชมเปี้ยนส์ลีกเพิ่มเติมในฤดูกาลหน้าได้อย่างไร

ลีกของแต่ละประเทศจะได้รับการจัดอันดับค่าสัมประสิทธิ์ตามผลงานของทีมใน 3 รายการแข่งขันของสโมสรชายของยูฟ่า ได้แก่ แชมเปี้ยนส์ลีก ยูโรปาลีก และคอนเฟอเรนซ์ลีก
ค่าสัมประสิทธิ์จะได้รับจากผลการแข่งขัน โดยได้ 2 คะแนนจากชัยชนะและ 1 คะแนนจากผลเสมอ

คะแนนที่สโมสรจากลีกในประเทศเดียวกันได้รับจะถูกนำมาบวก จากนั้นจะทำการหารด้วยจำนวนสโมสรในลีกนั้น ๆ ในยุโรป

ตัวอย่างเช่น หากพรีเมียร์ลีกมี 100 คะแนน คะแนนนั้นจะถูกหารด้วยจำนวนทีมที่เล่นในยุโรป (7 ทีม) ทำให้อังกฤษมีค่าสัมประสิทธิ์ 14.28
ในฤดูกาลนี้ สโมสรที่เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกจะได้รับคะแนนโบนัส ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับลีกที่มีสโมสรที่แข่งขันในลีกมากกว่า เช่น เยอรมนีและอิตาลี

ประเทศที่จบใน 2 อันดับแรกของตารางค่าสัมประสิทธิ์จะได้รับตำแหน่งแชมเปี้ยนส์ลีกเพิ่มเติมในฤดูกาลถัดไป

ตำแหน่งดังกล่าวจะมอบให้กับทีมที่จบในอันดับที่หนึ่งต่ำกว่าการจัดสรรแชมเปี้ยนส์ลีกมาตรฐานในลีกเหล่านั้น