นับตั้งแต่  มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมอาร์เซน่อล โปรเจกต์การสร้างทีมเพื่อทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนสู่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก็เดินหน้าอย่างชัดเจน ทีมพัฒนาจากทีมลุ้นท็อป 4 สู่หนึ่งในทีมที่เล่นฟุตบอลได้ไหลลื่น มีระบบ และแข็งแกร่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก

แต่หากมีจุดหนึ่งที่ยังเป็นคำถามซ้ำๆ ในหมู่แฟนบอล หรือแม้แต่ในห้องประชุมของบอร์ดบริหาร นั่นคือ “หมายเลข 9” ที่แท้จริง

กระทั่งเมื่อช่วงเวลาตี 1 ของวันเสาร์ ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) มหากาพย์ก็สิ้นสุดลง เมื่อ วิคตอร์ เยอเคเรส ยอดศูนย์หน้าทีมชาติ สวีเดน ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน  ได้เปิดตัวกับ อาร์เซน่อล อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย 

ดีลนี้ "ไอ้ปืนใหญ่" บรรลุข้อตกลงด้วยค่าตัว 63 ล้านยูโร (55 ล้านปอนด์) บวกโบนัสตามผลงานอีก 10 ล้านยูโร (8.5 ล้านปอนด์) พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี  ซึ่งจะทำให้ เยอเคเรส อยู่ล่าตาข่ายในถิ่น เอมิเรตท์ สเตเดี้ยม ถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย 

"ผมต้องการยิงประตูเสมอ" กองหน้าสวีเดนวัย 27 ปี สัมภาษณ์แรกหลังจรดปากกาย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน

"ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร การใส่เสื้อและตราของทีมนี้ ยิงประตูต่อหน้าแฟนบอลทั้งหลาย จะเป็นความรู้สึกยอดเยี่ยม"

ก่อนที่จะระเบิดฟอร์มซัดไป 97 ประตูจาก 102 นัดให้ สปอร์ติ้ง ตลอดช่วง 2 ซีซั่น เยอเคเรส เคยมีประสบการณ์ในอังกฤษมาแล้วกับ ไบรท์ตัน และ โคเวนทรี่ ตอนปี 2018-2023

"ผมเริ่มต้นอาชีพที่อังกฤษ มันรู้สึกเหมือนผ่านไปนานมาก และผมคิดว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะจากตอนนั้น" 

"ตอนอยู่ สปอร์ติ้ง ผมยิงได้หลายลูกใน แชมป์เปี้ยนส์ ลีกผมจึงรู้สึกว่าตัวเองสามารถอยู่ในระดับนั้นเช่นกัน และตอนนี้ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริง"

"ผมคิดว่าการย้ายมา อาร์เซน่อล จะช่วยให้ตัวเองโชว์ฟอร์มดีขึ้นอีก ผมตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นกับเหล่าผู้เล่นที่น่าทึ่งทั้งหลาย"

เยอเคเรส เคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทั้ง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และหลายสโมสรในซาอุฯ

"ผมแค่รู้สึกว่า อาร์เซ่น่อล คือสโมสรที่ใช่สำหรับตัวเอง จากการพูดคุยกับ มิเกล อาร์เตต้า และ อันเดรีย แบร์ต้า รวมถึงสิ่งที่ผมเห็นมาตลอดหลายปี เกี่ยวกับวิธีเล่นฟุตบอลของ อาร์เซน่อล"

"ฤดูกาลที่แล้ว ผมได้เป็นคู่แข่ง อาร์เซน่อล แล้วรู้สึกได้เลยว่าพวกเขาคือทีมที่แข็งแกร่ง และรับมือได้ยากอย่างแท้จริง"

"นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกทีมนี้ แน่นอน ประวัติศาสตร์ทั้งหลายและฐานแฟนบอลที่ยิ่งใหญ่ก็มีส่วน แฟนบอลสนับสนุนตั้งแต่ก่อนผมมาถึง และมันจะดีมากเมื่อได้เห็นพวกเขาในสนาม" ดาวยิง สวีดิช กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ "ไอ้ปืนใหญ่" ก็เผยถึงการได้จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่รอมานานว่า

“เราดีใจมากที่ได้ต้อนรับ วิคเตอร์ เยอเคเรส เข้าสู่ทีม ความสม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นของเขาและความพร้อมที่แสดงให้เห็นตลอดมา เป็นอะไรที่โดดเด่นมาก และสถิติการทำประตูของเขาก็ไม่ต้องพูดถึงเลย

"เขามีคุณภาพมากมาย เป็นกองหน้าที่เร็วและแข็งแกร่ง พร้อมกับตัวเลขการยิงประตูที่สุดยอดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ พวกเราตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาจะมอบให้กับทีม และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเขา ยินดีต้อนรับ วิคเตอร์ และครอบครัวของเขาสู่สโมสรอาร์เซน่อล”

เยอเคเรส ต่างจากกองหน้าที่ อาร์เซน่อล มี ?

2ฤดูกาลที่อยู่กับ ลิสบอน เขายิงได้ถึง 97 ประตูจากการลงเล่น 102 นัด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสได้สองสมัยซ้อน รวมถึงถ้วยบอลถ้วยภายในประเทศ และยังคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกทั้งสองฤดูกาลอีกด้วย ขณะเดียวกันผลงานในทีมชาติก็ไม่ธรรมดา ยิงไป 12 ประตูจาก 17 นัดหลังสุดให้กับทีมชาติสวีเดน

 เรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ อาร์เซน่อล ขาดหายไปนับตั้งแต่ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม เขาแทบไม่มีตัวเลือกกองหน้าตัวปิดบัญชีให้ใช้งานเลย นับตั้งแต่ปล่อย ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ออกจากทีม

มีสัญชาตญาณเพชฌฆาต : การหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษของ เยอเคเรส มีความคล้ายคลึงกับ  เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์  เขาไม่ได้ลงต่ำบ่อย แต่ยืนตำแหน่งดี รู้จังหวะ และพร้อมจะ “โผล่มายิง” แบบจบการเคลื่อนไหวในหนึ่งจังหวะ

แข็งแรง เล่นบอลพักบอลได้ : ด้วยรูปร่าง 1.87 เมตร และพละกำลังมหาศาล เยอเคเรสสามารถชนกับเซ็นเตอร์ระดับพรีเมียร์ลีกได้สบาย ไม่ใช่กองหน้าที่จะถูกเบียดกระเด็นง่ายๆ

มีสปีดและความขยัน: แม้ตัวใหญ่ แต่สปีดจัดจ้าน ไล่บีบสูงได้ตามปรัชญาเกมเพรสซิ่งของอาร์เตต้า

            สู่เส้นทางแชมป์พรีเมียร์ลีก 21 ปีที่รอคอย ?

หากนับช่วงเวลาเฉพาะที่ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ตลอด 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา กุนซือชาวสเปน พาทีมคว้าแชมป์ได้เพียงถ้วยเดียวเท่านั้น นั่นคือ เอฟเอ คัพ นั่นจึงทำให้เราเห็นได้ว่า ในฤดูกาลนี้การเสริมทัพผู้เล่นระดับท็อปเข้ามามากมาย

ไล่ตั้งแต่ เกปา อริซาบาลาก้า ที่จะมาเป็นมือ 2 ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ,คริสเตียน มอสเกร่า ปราการหลังที่จะมาคอยช่วยงาน วิลเลี่ยม ซาลิบา และ กาเบรียล มากัลเญซ ในวันที่มีใครบาดเจ็บ  นอกจากนั้นยังได้ คริสเตียน นอร์การ์ด ห้องเครื่องที่จะคอยช่วยงานแกนหลักอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ และ เดแคลน ไรซ์ ในแผงมิดฟิลด์ รวมไปถึง โนนี่ มาดูเอเก้ ที่จะคอยเติมเต็มเกมรุกวันที่ บูกาโย่ ซาก้า  เล่นไม่ออก

กระทั่ง เยอเคเรส ที่จะเป็นกองหน้าที่ทีมรอคอยมานาน  จึงถือได้ว่านี่เป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของ อาร์เตต้า ก็ไม่ผิด เพราะหากทีมไม่ได้แชมป์ ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะต้องอำลาทีม  

ท้ายที่สุดก็ต้องมาดูกันว่า เครื่องปรุงที่ อาร์เตต้า ต้องการ เมื่อเวลานี้ได้ครบองค์รวมอยู่ในหม้อเดียวกันแล้ว มันจะอร่อยกลมกล่อมอย่างที่เขาต้องการและแฟนบอลคาดหวังไว้หรือไม่

อีกไม่กี่อึดใจเราจะได้รู้กัน

กาลอป G